เมื่อทุกคนเห็นซวนอ๋อง ต่างก็ตกใจจนพากันถอยหลังกันหมด ราวกับว่าเห็นผี
หยุนถิงเห็นปฏิกิริยาของทุกคนในสายตา รู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย“ซื่อจื่อ ซวนอ๋องผู้นี้น่ากลัวมากหรือ ทำไมทุกคนถึงทำท่าทางเหมือนกับเห็นผี?”
ไม่รอให้จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก หลงเอ้อที่อยู่ด้านข้างก็เข้ามาใกล้และกล่าวขึ้นมาทันที“ฮูหยิน ซวนอ๋องผู้นี้เป็นคนเย็นชาน่ากลัว โหดเหี้ยมอำมหิต ทุกๆปีเขาจะทำเรื่องที่สร้างความตกตะลึงไปทั้งสี่แคว้นเรื่องสองเรื่อง และวิธีการก็โหดร้ายอย่างยิ่ง สามารถพูดได้ว่าไล่เลี่ยกับซื่อจื่อ
ดีร้ายซื่อจื่อของเราก็เป็นคนมีเหตุผล โดยทั่วไปแล้วจะไม่โจมตีผู้คนโดยพลการ แต่ซวนอ๋องผู้นี้ไม่เคยสนใจอะไรเลย ขอเพียงแค่เห็นใครขัดหูขัดตาก็จะสังหารอย่างเหี้ยมโหด
แต่ว่าเขาเก่งทางด้านนำทัพออกรบมากเป็นพิเศษ ยุทธการพิชัยสงครามร้ายกาจมาก ช่วยเหลือฮ่องเต้ชนะศึกในสงครามหลายครั้งหลายหน และไม่มีสงครามไหนที่ไม่สามารถเอาชนะได้ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฮ่องเต้ถึงยอมทนต่อวิธีการที่โหดเหี้ยมของเขา” หลงเอ้อกล่าวอธิบาย
หยุนถิงมองไปทางโม่เหลิ่งเหยียน สายตาของโม่เหลิ่งเหยียนก็ชำเลืองมองมาทางนางพอดี สายตามองประสานกัน สายตาเย็นชามืดมนที่กระหายเลือดของโม่เหลิ่งเหยียนทำให้หยุนถิงรู้สึกอึดอัดมาก ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ คิดไม่ถึงว่าบุคลิกท่าทางของผู้ชายคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่ด้อยไปกว่าซื่อจื่อแม้แต่น้อย
วินาทีต่อมา จวินหย่วนโยวยื่นมือออกไปกอดหยุนถิงเข้าไปในอ้อมแขน“หากซวนอ๋องทำให้ฮูหยินของข้าตกใจกลัว ข้าจะไม่ยอมวางมือยุติเรื่องราวง่ายๆแน่”
“ฮึ ฮูหยินของเจ้ามีความกล้าท้าประลอง ยังจะถูกข้าทำใหตกใจกลัวอีกหรือ?” โม่เหลิ่งเหยียนถามกลับ ไม่ยอมรับเลยแม้แต่น้อย
ทั่วทั้งเมืองหลวง ถึงแม้ฟู่ยี่เฉินจะกล้าลองดีกับจวินหย่วนโยว ในแง่ของความสามารถและอิทธิพลคนที่สามารถตีเสมอกับจวินหย่วนโยวได้ เกรงว่าคงมีแต่ซวนอ๋องที่อยู่ตรงหน้าคนนี้แล้ว
ทุกคนต่างก็ตกใจจนตะลึงงัน เพียงแค่มองดูก็สามารถรู้สึกได้ถึงไฟสงครามที่มองไม่เห็นในอากาศ ทุกคนต่างก็พากันถอยไปอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง หากไปทำให้ซวนอ๋องขุ่นเคือง หรือว่าไปขัดหูขัดตาซวนอ๋องเข้า นั่นถือเป็นความโชคร้ายเลย
“ความกล้าหาญของฮูหยินเป็นเพราะข้าตามใจ แต่หน้าตาของเจ้าน่ากลัวเช่นนี้ มันก็คือความผิดของเจ้า” จวินหย่วนโยวตอกกลับอย่างมีพลังอำนาจ
สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนที่เดิมทีก็เย็นยะเยือกอยู่แล้ว เวลานี้กลับปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะ รูม่านตาดำมองมาอย่างกระหายเลือดและดุเดือด“เช่นนั้นหลายปีขนาดนี้แล้ว ทำไมข้าถึงไม่ทำให้เจ้าตกใจจนตายล่ะ?”
“รูปร่างหน้าตาเช่นนี้ของเจ้า อยากจะให้ข้าตกใจตาย เกรงว่าคงต้องชาติหน้าแล้ว” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างเหยียดหยาม
นาทีนี้ หยุนถิงมองไปทางจวินหย่วนโยวด้วยความนับถืออย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ได้ยินมาตลอดว่าซื่อจื่อปากร้าย วันนี้ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
โม่เหลิ่งเหยียนจ้องมองกลับมาด้วยความโกรธแค้น เดิมทีเขาต้องการจะให้จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงล่าถอยไปเอง ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว
“จวินหย่วนโยวเถียงกันไปมามีความหมายอะไร หากว่าเจ้ามีความกล้า เช่นนั้นก็ท้าประลองโต๊ะหมายเลขเก้า หากว่าไม่กล้าก็ไสหัวออกไป อย่ามาทำเป็นวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คนที่นี่” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวอย่างยั่วยุ
ไม่รอให้จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก หยุนถิงก็พูดขึ้นมาแล้ว“ขอถามซวนอ๋อง โต๊ะหมายเลขเก้าเดิมพันอะไร?”
“เดิมพันชีวิต!” โม่เหลิ่งเหยียนมองมาด้วยสายตายั่วยุ
เขาไม่เชื่อหรอกว่า จะมีคนกล้าเดิมพันจริงๆ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมโต๊ะหมายเลขเก้าถึงถูกจัดขึ้นมา
จากนั้นก็ได้ยินหยุนถิงเอ่ยปากขึ้นมา“หากว่าข้าชนะ นอกจากค่าตอบแทนหนึ่งล้านตำลึงแล้ว ท่านยังต้องขอโทษซื่อจื่อของข้า สำหรับความหยาบคายเมื่อครู่นี้ด้วย”
น้ำเสียงหนักแน่น จริงจัง ไม่ยอมให้มีข้อกังขา
โม่เหลิ่งเหยียนเลิกคิ้ว ใบหน้าที่เดิมทีก็มืดมนอยู่แล้วเวลานี้กลับยิ่งเย็นยะเยือกมากขึ้น สายตาที่คมกริบดั่งมีดจับจ้องมาทางใบหน้าของหยุนถิง
ดำราวกับถ่าน อัปลักษณ์ไร้ที่เปรียบ มองไม่เห็นรูปโฉมภายนอก แต่ดวงตาคู่สวยนั่นกลับหนักแน่น มั่นใจ เด็ดขาด ไม่มีเกรงกลัว จ้องมองโม่เหลิ่งเหยียนอยู่เช่นนั้น
นี่ทำให้โม่เหลิ่งเหยียนรู้สึกประหลาดใจ อย่างไรเสียทั่วทั้งเมืองหลวงยังไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าที่จะไม่เกรงกลัวเช่นนี้ จ้องมองตัวเองโดยไม่คำนึงอะไรทั้งสิ้น
“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงของจวินหย่วนโยว ยังมีความกล้าอยู่เล็กน้อย เจ้าไม่กลัวตายจริงหรือ?” โม่เหลิ่งเหยียนเกี่ยวมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย
“ซื่อจื่อ ข้ารู้สึกประทับใจจัง ระหว่างหน้าตาของท่านกับข้า ท่านเลือกข้า” หยุนถิงยื่นมือไปกอดจวินหย่วนโยวเอาไว้
“เด็กโง่ ในสายตาของข้าเจ้ามีค่ากว่าทุกสิ่ง” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก
“เพราะเหตุนี้ ข้าก็ยิ่งไม่สามารถให้ใครลบหลู่ท่านได้ วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร” หยุนถิงส่งยิ้มให้เขาอย่างปลอบประโลม
“ซวนอ๋อง เชิญเซียนพนันมาเถอะ ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเซียนพนันที่มีชื่อเสียงไปทั่วสี่แคว้นมีหน้าตาอย่างไร”
สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนเย็นยะเยือก“เจ้าไม่เสียใจภายหลังจริงหรือ?”
“ในเมื่อกล้าเดิมพัน ก็ไม่เสียใจภายหลัง” หยุนถิงกล่าวด้วยใบหน้าเด็ดขาด
“จวินหย่วนโยวเจ้าเห็นแล้วใช่ไหม ผู้หญิงของเจ้าจะเดิมพันให้ได้เอง ข้าไม่ได้เป็นคนบังคับนาง หากว่านางตายที่นี่จริงๆ เจ้าอย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา
จวินหย่วนโยวย่อมเป็นห่วงอยู่แล้ว เขาจะไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นกับหยุนถิง แต่กฎก็คือกฎ ถึงแม้จะเป็นหยุนถิงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎของเกมได้เช่นกัน
“ฮูหยินจวิน เราไม่เดิมพันแล้ว” หย่วนโยวโอบกอดหยุนถิงเอาไว้อย่างวางอำนาจก็จะจากไป แข็งกร้าวอย่างไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
“ซื่อจื่อ นี่ท่านไม่เชื่อมั่นในความสามารถของข้าหรือ?” หยุนถิงรู้สึกได้ว่าซื่อจื่อเป็นห่วงตัวเอง ดังนั้นนางยิ่งไม่สามารถจากไปเช่นนี้ มิเช่นนั้นหลังจากวันนี้ไปทุกคนต้องพูดว่าซื่อจื่อถูกซวนอ๋องลบหลู่ไม่กล้าตอบโต้อย่างแน่นอน ยังไม่รู้ว่าจะลือไปแบบไหนอีก
“นี่ไม่ใช่เรื่องเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่เป็นชีวิตของเจ้า ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอันตรายแม้แต่นิดเดียว” สีหน้าของจวินหย่วนโยวเคร่งขรึมจริงจัง
เขากับโม่เหลิ่งเหยียนประมือกันมาหลายปี ย่อมรู้ถึงความอำมหิตและโหดร้ายของเขาอยู่แล้ว ในเมื่อเขาบอกว่าเป็นชีวิต เช่นนั้นก็คือเดิมพันด้วยชีวิตจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...