หยุนถิงก็ไม่รู้ว่าทำไม ตัวเองถึงถามออกมาเช่นนี้ บางทีอาจเป็นเพราะรู้สึกว่าหลิ่วเฟยน่าสงสารเกินไป หรือเป็นเพราะนางมีมิตรภาพกับพี่ใหญ่ หรืออาจเป็นเพราะนางกำชับตัวเองอย่างจริงใจ ถึงอย่างไรนางก็หุนหันพลันแล่น เอ่ยปากไปแล้ว
หลิ่วเฟยมองไปทางหยุนถิงด้วยความตกตะลึง“เจ้า เมื่อครู่นี้เจ้าพูดอะไร?”
“ข้าบอกว่า ในเมื่อหลิ่วเฟยติดค้างคำขอบคุณพี่ใหญ่ข้า เหตุใดไม่ไปพูดต่อหน้าเขา” หยุนถิงกล่าวตอบ
หลิ่วเฟยถอนหายใจเบาๆ“เมื่อเข้าประตูวังแล้วอยากจะออกไปมันยากเกินไป ตอนนี้ข้าเป็นหลิ่วเฟยแล้ว จะออกไปง่ายๆได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นหากออกไปก็จะมีดวงตานับไม่ถ้วนคอยจับจ้องอย่างแน่นอน ความหวังดีของคุณหนูหยุนข้ารับเอาไว้ด้วยใจ ข้าไม่อยากนำปัญหาหรือความโชคร้ายมาสู่พี่ใหญ่เจ้า”
จู่ๆหยุนถิงก็รู้สึกนับถือหลิ่วเฟยเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่รู้ว่าระหว่างนางกับพี่ใหญ่มีเรื่องอะไรกันแน่ แต่นางสามารถคำนึงถึงฐานะของตัวเอง ยิ่งพิจารณาถึงความปลอดภัยของพี่ใหญ่ เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่านางเป็นคนรู้เหตุรู้ผลและรู้จักความเหมาะสม
เมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งต้องช่วยเหลือ
“ในเมื่อท่านออกจากวังต้องดึงดูดความสนใจของใครบางคนอย่างแน่นอน เช่นนั้นก็จะแอบออกไปอย่างลับๆไม่ได้ แต่ต้องออกไปอย่างเปิดเผย ให้พวกเขาจ้องมองตามสบาย ก็ไม่สามารถพบความผิดปกติ” หยุนถิงกล่าวอย่างได้ใจ
หลิ่วเฟยตกตะลึงอย่างยิ่ง“หรือว่าคุณหนูหยุนมีแผนการแล้ว?”
“ตอนที่ข้ากลับไปคารวะญาติผู้ใหญ่ พี่ใหญ่บอกว่าบรรดาทหารของเขามีหลายคนที่ชอบดื่มชานม และชานมก็เป็นสิ่งที่ข้าทำ สามารถเสนอต่อฝ่าบาทให้เหนียงเหนียงเป็นคนออกหน้าไปทักทายปลอบประโลมแจกจ่ายชานมในค่ายทหารแทนฝ่าบาท” หยุนถิงเสนอแนะ
หลิ่วเฟยตื่นเต้นอย่างยิ่ง คว้ามือของหยุนถิงเอาไว้“คุณหนูหยุนขอบคุณเจ้ามาก ข้านึกว่าชาตินี้จะไม่ได้ออกไปจากประตูวังอีกแล้วเสียอีก”
“เหนียงเหนียงไม่ต้องเกรงใจ อีกเดี๋ยวข้าจะทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาท ท่านห้ามตื่นเต้นมากเกินไป” หยุนถิงกล่าวกำชับ
“ตกลง ข้าจะจำเอาไว้”
หยุนถิงเก็บเข็มเงิน ลุกขึ้นเดินออกไป นางก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆถึงอยากจะช่วยหลิ่วเฟย บางทีอาจเป็นเพราะในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันเห็นนางติดอยู่ภายในวังที่มีกำแพงสูงแห่งนี้เลยรู้สึกสงสารมั้ง
นอกประตู
ฮ่องเต้เห็นหยุนถิงออกมา รีบสอบถามทันที“สุขภาพของหลิ่วเฟยเป็นอย่างไรบ้าง?”
“สุขภาพของเหนียงเหนียงอ่อนแอเล็กน้อยเท่านั้น ข้าฝังเข็มอังความร้อนให้เหนียงเหนียงแล้ว ตอนนี้ตรวจหาต้นสายปลายเหตุไม่พบ ก็ไม่ได้มีอะไรมาก พักฟื้นเอาไว้ก็พอ แต่ว่าเหนียงเหนียงอยู่ในภาวะหดหู่มาก หากสามารถออกไปเดินเล่นได้ บางทีอารมณ์ดีขึ้นมาก็อาจจะมีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูสุขภาพก็เป็นได้” หยุนถิงกล่าวตอบ
“ข้าก็อยากให้นางออกไปเดินเล่น แต่หลิ่วเฟยไม่อยากออกไปเอง” ฮ่องเต้ทอดถอนใจ
เขาเสนอแนะหลายครั้งแล้ว พานางออกไปเดินเล่น แต่ถูกหลิ่วเฟยปฏิเสธทุกครั้ง
“ข้ากลับมีความคิดหนึ่ง อีกสองสามวันข้าจะไปพบพี่ใหญ่ข้าที่กองทัพ ในตอนที่กลับไปคาราวะญาติผู้ใหญ่พี่ใหญ่ข้าบอกว่ามีทหารหลายคนบอกว่าชานมอร่อย คิดเอาไว้ว่าจะส่งไปให้พี่ใหญ่และคนอื่นๆเล็กน้อย
หากฝ่าบาทเห็นด้วย สามารถให้หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงไปพร้อมกับข้า ประการแรกหลิ่วเฟยเหนียงเหนียงทักทายปลอบประโลมทหารแทนฝ่าบาท นี่จะทำให้เหล่าทหารซาบซึ้งต่อฝ่าบาทอย่างยิ่ง และจงรักภักดีมากยิ่งขึ้น ประการที่สองเหนียงเหนียงก็จะได้พักผ่อนหย่อนใจด้วย” หยุนถิงเสนอแนะ
จวินหย่วนโยวเลิกคิ้วมองดูหยุนถิงครู่หนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
“เช่นนี้ก็ดีอย่างยิ่ง งั้นข้าลองถามความเห็นของหลิ่วเฟยดู” ฮ่องเต้เอ่ยปาก
“ฝ่าบาท ในเมื่อมีคุณหนูหยุนอยู่ด้วย เช่นนั้นหม่อมฉันยินดีออกไปเดินเล่น เมื่อก่อนกลัวว่าสุขภาพไม่แข็งแรงจะทำให้ฝ่าบาทลำบาก ตอนนี้มีคุณหนูหยุนไปด้วยหากหม่อมฉันรู้สึกไม่สบาย ก็จะให้คุณหนูหยุนช่วยรักษา” หลิ่วเฟยกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ตกลง ในเมื่อเจ้าอยากไป ข้าก็จะให้คนจัดเตรียมของเอาไว้ สองวันให้หลังเจ้าก็ติดตามหยุนถิงไป” ฮ่องเต้เห็นด้วย
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” หลิ่วเฟยคำนับ
“หยุนถิงเจ้าต้องปกป้องหลิ่วเฟยให้ดี หากเกิดความเสียหายที่คาดไม่ถึงกับนางแม้แต่นิดเดียว ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่” ฮ่องเต้ออกคำสั่ง
“รับพระบัญชาเพคะ”
หลิงเฟิงกับรั่วจิ่งที่อยู่นอกรถม้าได้ยินคำพูดนี้ แก้มของทั้งสองคนแดงก่ำขึ้นมาทันที ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับมา ขับรถม้าต่อไป เพียงแค่บ่นอยู่ในใจซื่อจื่อจะเปิดกว้างเกินไปแล้ว
สีหน้าของจวินหย่วนโยวที่อยู่ในรถม้าเคร่งขรึมทันที“ห้ามพูดเหลวไหล”
“พูดเหลวไหลที่ไหนกัน ซื่อจื่อเสียคนแล้ว ความจริงท่านไม่ต้องดูหนังสือก็ได้ ถ้าหากท่านอยากรู้สามารถถามข้าได้?” หยุนถิงมองมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งในทันใด รูม่านตาดำมองมาอย่างดุดัน“เจ้ารู้?”
หยุนถิงถูกเขามองจนรู้สึกร้อนตัว“ความจริงข้าก็แค่เคยเห็นไม่กี่ภาพเท่านั้น”
ในฐานะที่นางเป็นผู้หญิงยุคปัจจุบันคนหนึ่ง เวลาว่างก็ใช้โทรศัพท์มือถือเข้าเว็บเพจ อ่านนิยาย มันก็จะมีโฆษณาที่มีสีสันเหล่านั้นเด้งออกมาตลอด แค่ชำเลืองไปมองก็เห็นแล้ว
“ไม่กี่ภาพ?” เสียงของจวินหย่วนโยวเย็นชาลงมาเล็กน้อย สีหน้าดำมืดราวกับน้ำหมึก
นังหนูคนนี้ถึงกับประพฤติมิชอบ ยังดูของแบบนั้น
หยุนถิงทนการบีบบังคับของซื่อจื่อไม่ไหว ยอมแพ้ทันที“ซื่อจื่อข้าสาบานต่อฟ้า ข้าไม่ได้ตั้งใจจะดูจริงๆ มันเด้งออกมาของมันเอง”
บรรยากาศภายในรถม้าเต็มไปด้วยความกดดัน ประหม่าอย่างยิ่ง สีหน้าของจวินหย่วนโยวราวกับปกคลุมไปด้วยชั้นหิมะ ห่อหุ้มไปด้วยน้ำแข็ง มองไปทางหยุนถิงอย่างเย็นชา
หยุนถิงกำลังจะพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก
“อ๊า ชนคนแล้ว มีคนฆ่าคนกลางถนนแล้ว!” เสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือดดังมา
“เกิดอะไรขึ้น?” จวินหย่วนโยวกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...