จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 150

หยุนถิงฟังจนรู้สึกจมูกหน่วงๆ ยื่นมือไปจับมือเล็กของซีหลิ่วเอาไว้ มองดูใบหน้าเล็กที่ซีดเซียวและซูบผอมของนาง ก็รู้เลยว่าเด็กต้องกินไม่อิ่มบ่อยๆแน่นอน

“ซีหลิ่ววางใจเถอะ เมื่อก่อนแม่เจ้าเป็นคนปกป้องข้า ตอนนี้ข้าจะเป็นคนปกป้องพวกเจ้าเอง นับตั้งแต่วันนี้ไปจะไม่มีใครทำร้ายพวกเจ้าอีก ข้าจะต้องปกป้องพวกเจ้าเป็นอย่างดีแน่นอน” หยุนถิงกล่าวอย่างหนักแน่น

“จริงหรือ ข้ากับท่านแม่ไม่ต้องกลับไปถูกทุบตีอีกแล้วจริงหรือ?” ซีหลิ่วถามด้วยความดีใจ ใบหน้ายังมีหยดน้ำตาติดอยู่

หยุนถิงเช็ดน้ำตาให้นางด้วยความเอ็นดูสงสาร“เป็นความจริง วางใจเถอะ ตอนนี้เจ้ายังป่วยอยู่ นอนพักผ่อนดีๆ พรุ่งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นมาเอง”

“อื้ม ขอบคุณคุณหนูใหญ่” ซีหลิ่วกล่าวด้วยความซาบซึ้ง นอนลงอย่างเชื่อฟัง

บางทีอาจเป็นเพราะว่าป่วยร่างกายอ่อนแอ บวกกับกินไม่อิ่มมาเป็นเวลานาน ชั่วครู่เดียวซีหลิ่วก็นอนหลับไป

หยุนถิงมองไปทางซูหลิน“เจ้าคิดเห็นอย่างไร จะกลับไปอดทนต่อ หรือว่าเริ่มต้นชีวิตใหม่?”

ซูหลินปวดใจอย่างยิ่ง“เมื่อก่อนข้ามักจะคิดว่าอดทนเพื่อลูก ขอเพียงข้าไม่ขัดแย้งกับแม่สามี นางก็จะช่วยข้าดูแลซีหลิ่ว อย่างไรเสียซีหลิ่วก็เด็กเกินไปข้าไม่วางใจให้นางอยู่คนเดียว

แต่เมื่อครู่ได้ยินซีหลิ่วพูดข้าถึงได้รู้ว่า ที่แท้ตอนที่ข้าไม่อยู่ นางจะทำกับลูกสาวของข้าเช่นนี้ ยังแย่งของกินของเด็กอีก ไม่ว่านางจะด่าว่าเฆี่ยนตีหรือทำให้ข้าอับอายอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ทำเช่นนี้กับลูกสาวของข้า ข้าไม่ยอมเด็ดขาด

ผ่านเหตุการณ์ในวันนี้ในที่สุดข้าก็เข้าใจ ในขณะที่ชีวิตของซีหลิ่วแขวนอยู่บนเส้นด้าย หลิวชิงไม่คิดหาวิธีพาลูกไปหาหมอ แต่กลับเอาตราสัญลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวไปจำนำเพื่อเล่นพนัน เขาไม่คู่ควรจะเป็นพ่อของซีหลิ่ว

ข้าไม่อยากจะอดทนต่อไปแล้ว ถึงแม้จะทำเพื่อซีหลิ่วข้าก็จะไม่ยอมถอยให้เด็ดขาด หากเป็นไปได้ ข้ายอมอยู่คนเดียวใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับลูก บ้านหลังนั้นไม่กลับก็ไม่เป็นไร”

หยุนถิงชื่นใจอย่างยิ่ง อย่างไรก็เป็นกองทัพขนหงส์ วิสัยทัศน์และความคิดก็ยังดีกว่าผู้หญิงทั่วไปเล็กน้อย ถือว่ายังพอมีทางรอดอยู่

“เจ้าสามารถคิดเช่นนี้ได้ย่อมดีที่สุดแล้ว การเอาแต่ยอมอดทนอดกลั้นอย่างเดียวมีแต่จะทำให้คนอื่นได้คืบเอาศอก ไม่มีความยำเกรงใดๆ พวกเขาสามารถทำปฏิบัติต่อเจ้ากับซีหลิ่วเช่นนี้ ก็เพราะไม่เคยเห็นพวกเจ้าเป็นคนในครอบครัว

เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง ข้าจะออกหน้าให้เจ้าเจรจาหย่าขาดกับหลิวชิง ต่อไปเจ้าก็ติดตามข้า จวนซื่อจื่อตระกูลใหญ่กิจการใหญ่โตพวกเขาก็ไม่กล้ามาโวยวายก่อปัญหาหรอก ก็แค่มีคนเพิ่มขึ้นมาสองคนเท่านั้น” หยุนถิงเอ่ยปาก

“เจรจาหย่าขาด?” ซูหลินกล่าวด้วยความตกตะลึง

“ใช่แล้ว กากเดนมนุษย์เช่นนั้นเจ้ายังคิดจะเปลี่ยนใจอีกหรือ หรือว่าเจ้าอยากถูกพวกเขาด่าว่าเฆี่ยนตีทำให้อับอายต่อไปอีก ให้ซีหลิ่วใช้ชีวิตอยู่ในความเจ็บปวดและหวาดกลัวไปตลอดชีวิต” หยุนถิงถาม

“ไม่ ข้าจะไม่ยอมให้ซีหลิ่วซ้ำรอยเดิมชีวิตของข้าอีกเป็นอันเด็ด คุณหนูใหญ่ข้าจะเจรจาหย่าขาดได้จริงหรือ?” ซูหลินถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

นางนึกว่า อย่างมากก็แค่ไม่ไปมาหาสู่กันอีก หรือไม่ก็คือถูกหย่าฝ่ายเดียว แต่คิดไม่ถึงว่ายังสามารถเจรจาหย่าขาดจากกันได้

“ทำไมจะไม่ได้ ข้ายังสามารถเจรจาหย่าขาดกับหลีอ๋องได้เลย นับประสาอะไรกับชาวบ้านสามัญคนหนึ่ง เจ้ากับซีหลิ่วอาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อน ให้เด็กหายดีก่อนค่อยว่ากัน” หยุนถิงกล่าวด้วยความเอ็นดูสงสาร

ซูหลินคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที“ขอบคุณคุณหนูใหญ่มาก ขอบคุณมาก”

“อย่าเอะอะอะไรก็คุกเข่า เจ้าก็นอนพักผ่อนครู่หนึ่งเถอะ ลูกไม่สบายคนเป็นแม่ลำบากที่สุดแล้ว ข้าจะเข้ามาตรวจดูในภายหลัง หากคืนนี้ไม่มีไข้พรุ่งนี้ก็น่าจะไม่เป็นไรแล้ว” หยุนถิงกล่าวปลอบประโลม

ซูหลินซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง จนกระทั่งหยุนถิงเดินออกไปแล้ว นางก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังฝันอยู่ ขณะเดียวกันก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณหยุนถิงมากขึ้น

ในที่สุดนางก็จะหลุดพ้นจากชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็นนั่นแล้ว ไม่ใช่ถูกหย่า แต่เป็นเจรจาหย่าขาด คุณหนูใหญ่นี่คือรักษาหน้าและศักดิ์ศรีเอาไว้ให้นาง

หยุนถิงออกมาจากประตู ก็มุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือ และเขียนหนังสือเจรจาหย่าขาดด้วยตัวเองหนึ่งฉบับ เพียงแต่ปล่อยช่องสำหรับเซ็นชื่อให้ว่างเท่านั้น

ทันทีที่จวินหย่วนโยวเห็นเข้า สีหน้าก็ดำมืดลงมาทันที“นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร?”

หรือว่า นางยังคิดจะเจรจาหย่าขาดกับตัวเองอยู่ ความคิดของจวินหย่วนโยวหมุนวนพลิกพัน คิดว่าเป็นเพราะเมื่อกลางวันจูบหยุนถิงทำให้นางโกรธใช่ไหม หรือว่าช่วงนี้ตัวเองทำอะไรผิดไป

“ชิ อย่างเจ้าน่ะหรือ น้อยๆหน่อยเถอะ”

หยุนถิงย่อมได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันอยู่แล้ว ไม่ได้พูดอะไร คนกลุ่มหนึ่งนั่งรถม้าตรงไปยังตระกูลหลิวที่อยู่ทางตะวันออกของเมือง

ในความมืดมิด องครักษ์นายหนึ่งมองดูทิศทางที่หยุนถิงและคนอื่นๆจากไป ก็รีบมุ่งหน้าไปรายงานที่จวนหลีอ๋องทันที

โม่ฉือหานได้ยินองครักษ์บอกว่าหยุนถิงไปยังทิศตะวันออกของเมือง สีหน้าตึงเครียด“ดึกๆดื่นๆ จู่ๆนางก็พาคนไปเขตตะวันออกทำไม แถมจวินหย่วนโยวยังไม่ตามไปด้วย?”

“ท่านอ๋อง ถ้าอย่างไรข้าน้อยไปสืบดูอีกทีไหม?”

“ไม่ต้อง ข้าจะไปด้วยตัวเอง ผู้หญิงที่สมควรตายคนนี้จะทำบ้าอะไรอีก?” โม่ฉือหานถลึงตาด้วยความโกรธเกรี้ยว ลุกขึ้นและตรงไปยังหน้าประตู

วันก่อน โจวคุนเฉินก็มารายงาน บอกว่านายน้อยโจวหายดีแล้ว โปรดปรานผู้หญิงไปสามคนในคืนนั้นเลย ตระกูลโจวยินดีปรีดาอย่างมาก ตื่นเต้นกันสุดขีด

สองวันนี้นายท่านโจวดำเนินการจัดการเรื่องงานแต่งงานของนายน้อยโจวทันที คิดเอาไว้ว่ามีโอกาสก็รีบแต่งงาน ทางที่ดีที่สุดคือให้กำเนิดลูกหลายๆคน เช่นนี้ตระกูลโจวก็จะมีผู้สืบทอดแล้ว

โม่ฉือหานอัดอั้นอยู่ทั้งวัน อยากจะให้หยุนถิงช่วยรักษาให้ตัวเอง เขาก็กลัวจะเสียหน้า ไม่ต้องพูดถึงว่ารู้สึกอึดอัดใจมากแค่ไหน เวลานี้ได้ยินว่าหยุนถิงออกไปแล้ว เขาติดตามไปโดยไม่แม้แต่จะคิด

ตระกูลหลิวทางตะวันออกของเมือง

มองดูประตูใหญ่ที่เก่าและทรุดโทรมนั่น สีหน้าของหยุนถิงเต็มไปด้วยความเย็นชา เดินเข้าไปเตะประตูใหญ่ออก เดินเข้าไปอย่างแสดงอำนาจและหยิ่งยโส

หลิวชิงที่อยู่ในเรือนได้ยินความเคลื่อนไหว ลุกขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ“คงไม่ใช่พวกทวงหนี้มาใช่ไหม ไม่ได้ ข้าต้องรีบซ่อนตัวก่อน?”

เขายังไม่ทันได้ลุกขึ้น กระบี่ยาวเล่มหนึ่งก็พาดลงมาบนคอของเขา“มาเอาชีวิตเจ้า!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ