จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 191

หลังจากที่คุณหนูฉินล้างหน้าล้างตาของตนแล้ว เดิมทีผิวหนังที่ค่อนข้างแห้งเหลืองมีจุดด่างดำจางๆ เวลาผ่านไปมิถึงครึ่งเล่มธูป ใบหน้าของคุณหนูฉินก็ขาวสวยเรียบเนียน นุ่มนิ่มมีน้ำมีนวล จุดด่างดำบนใบหน้าจางลงมิน้อย

“ผงพอกหน้านี้ใช้ดีเหลือเกิน เมื่อครู่พวกเราทุกคนก็เห็นกับตา หลังจากที่ใช้แล้วผลลัพธ์แตกต่างกันมากมาย” ท่านกัวเอ่ยชมขึ้น

“นั่นสิ ข้าเองก็เห็นเช่นนั้น เจ้าสิ่งนี้ทำมาจากอะไรกัน? เหตุใดจึงได้ผลดียิ่งนัก” ใต้เท้าหลิวเอ่ยถาม

“นี่คือผงพอกหน้าขาวเจ็ดชนิด ไป๋จู๋ ไป๋จื่อ ไป๋จี๋ ไป๋เหลี่ยน ไป๋ฝูหลิง ไป๋สาวและผงไข่มุก ทุกอย่างนำมาบดผสมกัน จากนั้นใส่ไข่ขาวหรือน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อย นำไปพอกบนใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณครึ่งเล่มธูปก็สามารถล้างออกได้

“สิ่งนี้ทำขึ้นสำหรับสตรี มันสามารถช่วยให้ผิวดูขาวชุ่มชื้นมีน้ำมีนวล ลดจุดด่างดำได้ รูขุมขนจะเล็กลง ผิวพรรณผ่องใส ข้าได้ปรุงขึ้นตามคุณสมบัติของผิวคุณหนูฉิน” หยุนถิงอธิบาย

“คุณหนูหยุน ผงพอกหน้านี้เจ้าขายให้ข้าได้หรือไม่ ราคาเท่าไรข้าก็ยินดีจ่าย” คุณหนูฉินเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้น

คราก่อนนางเคยเห็นหยุนถิงรักษาใบหน้าของซูชิงโยวจนหาย ในครั้งนี้นางเห็นใบหน้าของตนเองเปลี่ยนแปลงไปมาก จึงได้รีบเอ่ยถาม

หยุนถิงกลับส่ายหน้า “มิขาย ข้ามอบให้เจ้า”

“หา เพราะเหตุใด?” คุณหนูฉินทำหน้าตาเหลือเชื่อ

“ในครั้งก่อนข้าเคยสัญญากับเจ้าเอาไว้ว่าจะทำผงพอกหน้าให้เจ้า แต่ก็มิมีเวลาจนกระทั่งบัดนี้ ขวดนี้ข้ามอบให้เจ้าเอาไว้ใช้ ยามใช้เจ้าจงใส่ไข่ขาวและน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อย ผสมให้เข้ากัน พอกไว้เวลาประมาณครึ่งเล่มธูปแล้วล้างออก ทุกสามสี่วันใช้ครั้งหนึ่งก็พอ” หยุนถิงตอบ

“ขอบใจคุณหนูหยุนนยิ่งนัก” คุณหนูฉินดีใจจนสุดซึ้ง

สตรีทุกคนที่เข้ามามุงดูต่างพากันอิจฉาและรีบเอ่ยถามหยุนถิงว่ายังมีอีกหรือไม่

หยุนถิงยังมิทันเอ่ยสิ่งใด องค์ชายสี่ก็ได้รีบกล่าวขึ้นทันทีว่า “ตอนนี้ยังมิมี แต่ในอนาคตจะผลิตออกมาขายจำนวนมาก เมื่อถึงเวลานั้นทุกคนมาหาซื้อที่หอชุนเฟิงก็ย่อมได้”

เมื่อเห็นฉากตรงหน้านี้ เป่ยหมิงฉี่ก็มองไปทางองค์ชายสี่ด้วยสายตาอันเหยียดหยาม “เจ้าขาดแคลนเงินเช่นนี้เชียวหรือ?”

“เจ้าจะไปเข้าใจอะไรเล่า ตั้งแต่โบราณมาสตรีล้วนรักสวยรักงาม พวกนางยินดีจ่ายในสิ่งที่ทำให้ตนเองสวยงามขึ้นได้ โอกาสทางการค้าเช่นนี้เจ้ามิเข้าใจหรอก” องค์ชายสี่กล่าวอย่างภาคภูมิใจ

เป่ยหมิงฉี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อมองไปทางแววตาของสตรีทั้งหลายที่มามุงดูคุณหนูฉินด้วยความอิจฉา จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่องค์ชายสี่กล่าวมานั้นมีเหตุมีผล ตัวเขาก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปดูด้วย

“หยุนถิง ข้าก็ต้องการร่วมมือกับเจ้า ผงพอกหน้านี้แบ่งกำไรกับเจ้าคนละครึ่งว่าอย่างไร?”

หยุนถิงเหลือบตามองเขา “ไม่”

เป่ยหมิงฉี่ตะโกนขึ้นด้วยความโมโห “เจ้ากล้าปฏิเสธองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ!”

“ข้ามิขาดแคลนเงิน”

เป่ยหมิงฉี่โมโหเสียจนหน้าเขียวหน้าเหลือง เขารู้ว่าจวินหย่วนโยวมีเงินมาก แต่มิคิดว่ามีเงินมามอบให้ถึงปากประตูบ้าน หยุนถิงกลับมิเอาเช่นนี้ เขาจึงได้จากไปด้วยความหงุดหงิดใจ

“หยุนถิงอย่าได้ไปใส่ใจเขาเลย เขาก็เป็นแบบนี้ ในอนาคตพวกเราผลิตขึ้นมาจำหน่ายที่หอชุนเฟิงเป็นอย่างไร?” โม่ฉือชิงกระซิบขึ้น

“ย่อมได้ เมื่อกลับจากเทศกาลดอกท้อแล้วข้าจะไปผลิต เมื่อถึงเวลาเจ้าสั่งให้คนมานำของไปก็พอ”

“ได้เลย”

หยุนถิงนำผงพอกหน้าที่เหลือจากการผสมแบ่งให้กับหลุนหลี หยุนซู ซูชิงโยวและโม่หลานนำไปพอกหน้า ส่วนที่เหลือใส่ลงไปในขวดกระเบื้องให้พวกนางนำไปแบ่งกันเอง

ทุกคนพากันดีอกดีใจยิ่งนัก

เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง มิต้องสงสัยเลยว่าหยุนถิงได้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศอีกครั้ง

บัดนี้ยังมีเวลา จวินหย่วนโยวจึงพาหยุนถิงเดินออกไปแต่ยังมิได้กลับ พวกเขาพากันเดินเข้าไปในป่าดอกท้อ

สนามแข่งขันจัดตั้งอยู่บริเวณทางออกของป่าดอกท้อ หลายวันมานี้นางยุ่งอยู่กับการแข่งขันและถอนพิษให้กับจวินหย่วนโยว ดังนั้นหยุนถิงจึงยังมิมีเวลาไปที่ใดเลย

ในป่าท้อขนาดใหญ่แห่งนี้ กลีบดอกท้อร่วงหล่นลงมาพร้อมกับสายลมพัดโชย ราวกับเป็นฝนกลีบดอกท้อ หยุนถิงมีความสุขยิ่งนัก

“ซื่อจื่อ ที่นี่ช่างงดงามเหลือเกิน”

“มิรู้ว่าคุณหนูหยุนเข้าใจในเรื่องดนตรีหรือไม่?” ซ่างกวนหรูเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเยาะ

“ข้ามิเข้าใจ ข้ารู้เรื่องราวเกี่ยวกับซื่อจื่อของข้าก็เพียงพอแล้ว” หยุนถิงกล่าว จากนั้นเขย่งเท้าขึ้นไปจุมพิตที่แก้มของจวินหย่วนโยวเบาๆ

สีหน้าของซ่างกวนหรูดูมิน่ามอง นางโมโหจนแทบขาดใจ แต่เนื่องจากจวินหย่วนโยวอยู่ที่นี่ด้วย นางจะกระทำการใดๆ โดยพลการมิได้ เพราะซื่อจื่ออาจคิดว่านางเป็นคนหยาบคาย

จวินหย่วนโยวแสดงสีหน้าอันพึงพอใจเป็นที่สุด ฝ่ามือใหญ่ของเขาเข้ามาโอบหลังศีรษะของหยุนถิง เปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้กระทำ แล้วเพิ่มความอบอุ่นตรงหน้านี้เข้าไป

แม้ว่าซ่างกวนหรูจะพยายามอดกลั้นเอาไว้ แต่เมื่อเห็นทั้งสองคนก็จูบกันอย่างดื่มด่ำตรงหน้าราวกับมิมีใครอยู่ ณ ที่นั้น นางก็รู้สึกอับอาย รีบหันหลังเดินตรงไปที่ศาลาทันที

หยุนถิงเหลือบเห็นนางเดินจากไปแล้ว ในใจก็รู้สึกสะใจยิ่ง ซื่อจื่อเป็นคนเจ้าเล่ห์จริง มิมีคำพูดใดจะชัดเจนเท่ากับการกระทำอีกแล้ว

หยุนถิงยื่นมือออกไปผลักจวินหย่วนโยว เขาจึงได้ปล่อยนาง

“ซื่อจื่อ เจ้าช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง” หยุนถิงเอ่ยชม

“งั้นหรือ?” จวินหย่วนโยวทำหน้าไร้เดียงสา

“ฮ่าๆ ซื่อจื่อ เจ้าทำเช่นนี้ข้าชื่นชอบเหลือเกิน คราหลังเจ้าจะทำเช่นนี้อีกก็ได้” หยุนถิงเดินจูงมือเขาจากไป

“อืม”

ทั้งสองคนเดินไปยังอีกฝั่งที่มิไกลนัก มีแม่น้ำคดเคี้ยว ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี กลางป่าไม้หนาทึบมีเสียงร้องของนกดังมาเป็นครั้งคราว ทำให้ผู้คนสดชื่นเหลือเกิน

หยุนถิงเดินตรงไปแล้วนอนลง จวินหย่วนโยวมิคิดว่าแม่สาวน้อยคนนี้จะมิถือสา เขาเอนกายลงตามนาง

เพียงแต่จวินหย่วนโยวเอนกายลงอีกข้างหนึ่งของหยุนถิง ช่วยนางบังแสงจากดวงอาทิตย์

หยุนถิงรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน นางมิได้กล่าวสิ่งใดออกมา ทั้งสองคนประสานนิ้วมือทั้งสิบเข้าหากัน แสงแดดอันอบอุ่นสาดส่องลงมาที่พวกเขา ทั้งอบอุ่นและสบายกายไร้คำเปรียบเปรย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ