จวบจนกระทั่งท้องฟ้าใกล้มืด จวินหย่วนโยวและหยุนถิงจึงได้กลับไป แต่ยังมิได้กลับไปที่จวน จวินหย่วนโยวพาหยุนถิงไปที่เชิงเขา
บนถนนสายยาวทั้งสองข้างเรียงรายไปด้วยแสงไฟสว่างไสว ทั้งสองข้างทางมีร้านค้ามากมาย จำหน่ายอาหารพื้นเมืองแสนอร่อย เสื้อและสิ่งของอุปโภคบริโภคนานา โดยมากล้วนจะเป็นสินค้าทำมือ เป็นฝีมือของเกษตรกรแม่บ้าน ราวกับตลาดนัด ยามค่ำคืนในยุคปัจจุบัน
จวินหย่วนโยวจูงมือหยุนถิงตรงเข้าไป เมื่อทั้งสองคนปรากฏตัวที่นั่น ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็ส่งเสียงอุทานด้วยความชื่นชมอิจฉา
ชายหนุ่มเย็นชาหล่อเหลา หญิงสาวงดงามอ่อนช้อยเดินมาด้วยกันเช่นนี้ ช่างเป็นภาพที่เข้ากันดีเหลือเกิน จนทำให้ผู้คนรอบข้างอดมิได้ที่จะชื่นชมอิจฉา
หยุนถิงพึงพอใจยิ่งนัก หากเปรียบเทียบกันกับก่อนหน้าที่นางอยู่กับซื่อจื่อ คนอื่นๆ มักคิดว่านางมิคู่ควร แต่บัดนี้นางกลับคืนสู่ใบหน้าอันแท้จริงของตนแล้ว ทำให้นางรู้สึกมีความมั่นอกมั่นใจยิ่งนัก
เมื่อเห็นชายขายภาพวาดน้ำตาลที่ยืนอยู่มิไกลนัก หยุนถิงก็ทำท่าทีตื่นเต้นแล้วรีบวิ่งเข้าไปทันที
“คุณหนู อยากได้ภาพใดจงเลือกเอาเถิด” ชายชรากล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“ท่านลุง ข้าทำเองสักอันได้หรือไม่ ข้าอยากจะทำของขวัญชิ้นนี้มอบให้แก่สามีของข้า” หยุนถิงกล่าวถาม
“แน่นอนว่าได้ ยากนักที่สตรีอย่างเจ้าจะเอาใจใส่เช่นนี้ อุณหภูมิของน้ำตาลได้ที่พอดี” ชายชราก้าวขาออกไปแล้วยื่นเครื่องมือให้นาง
หยุนถิงรับเอาไว้ นางเริ่มวาดมันด้วยช้อนขนาดใหญ่
จวินหย่วนโยวมองเห็นท่าทีอันจริงจังของนาง หัวคิ้วของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หยุนถิงมิได้เงยหน้าขึ้นมองสักครั้งเดียว แต่นางก็วาดภาพน้ำตาลออกมาเป็นรูปใครคนหนึ่ง แน่นอนว่าคนผู้นั้นก็คือจวินหย่วนโยวที่ดูเหมือนจริงเหลือเกิน
ชายชราใช้เครื่องมือสะกิดเล็กน้อยเพื่อให้มันหลุดออกจากแผ่นรอง หยุนถิงรีบยื่นผลงานของนางเข้ามาด้วยความภาคภูมิใจ “ซื่อจื่อเจ้าดูนี่สิ เหมือนหรือไม่”
จวินหย่วนโยวรับภาพวาดน้ำตาลวาด กัดเข้าไปคำหนึ่ง
ตัวเขาที่มิชื่นชอบกินของหวานแม้แต่น้อย บัดนี้กลับรู้สึกว่าภาพวาดน้ำตาลนี้รสชาติมิเลวเลย นั่นเป็นเพราะหยุนถิงเป็นคนทำให้เขานั่นเอง
จากนั้นจวินหย่วนโยวก็ได้ทำให้หยุนถิงด้วยชิ้นหนึ่ง แม้จะมิเหมือนนัก แต่หยุนถิงก็ดีใจมาก ทั้งสองคนเดินถือภาพวาดน้ำตาลคนละตัวตรงไปข้างหน้า
“ซื่อจื่อ ข้าอยากกินเกาลัด”
“เราไปซื้อกันเถอะ” จวินหย่วนโยวเดินตรงเข้าไป
“เกาลัดยังมิสุกเลย พวกท่านรออีกสักครู่เถิด” พ่อค้าขายเกาลัดกล่าว
“พวกเรามิรีบ”
“เช่นนั้นข้าจะไปซื้อไก่ขอทานที่นั่น พวกเราซื้อคนละที่จะได้เร็วหน่อย” หยุนถิงกล่าวแล้วเดินจากไป
ตอนที่นางซื้อไก่ขอทานกลับมา พบสตรีนางหนึ่งจงใจแสร้งล้มใส่ซื่อจื่อ
หยุนถิงเผยอมุมปากขึ้น นางมิกังวลแม้แต่น้อย กลับกันนางรู้สึกเห็นใจสตรีผู้นั้น
ผลปรากฏว่าเมื่อซื่อจื่อเห็นสตรีนางนั้นกำลังพุ่งกายเข้ามา เขาก็หลบไปด้านข้างด้วยความรวดเร็วอันน่าอัศจรรย์ สตรีนางนั้นจึงได้ชนเข้ากับหม้อคั่วเกาลัดอย่างจัง มือทั้งสองตามสัญชาตญาณที่ต้องคว้าบางอย่างเอาไว้ แต่มิมีสิ่งใดให้จับ จึงได้หัวคะมำเข้าไปในหม้อคั่วเกาลัดที่เต็มไปด้วยหิน ทั้งคนและหม้อตกกระเด็นลงมาที่พื้นกระจัดกระจาย
“กรี๊ด มือข้า ร้อนยิ่งนัก!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น เป็นเสียงของสตรีที่มีความเจ็บปวด นางกัดฟันด้วยความทรมานน้ำตาไหลรินทันที
จวินหย่วนโยวมิอยากจะไปสนใจนาง เขาหยิบเกาลัดได้ก็ตั้งใจจะจากไป แต่กลับถูกสตรีนางนั้นเรียกรั้งเอาไว้ “ช้าก่อน เจ้าทำให้ข้าบาดเจ็บแล้วคิดจะจากไปเช่นนี้หรือ เจ้าเป็นบุรุษหรือไม่!”
ใบหน้าอันเย็นชาของจวินหย่วนโยวพร้อมกับแววตาที่เย็นเยือกมองไปทางนางอย่างเหยียดหยาม “เจ้าลองพูดอีกหน”
น้ำเสียงแข็งกร้าวเย็นชามิปรานี รัศมีแผ่ซ่านไปทั่วร่างดูเป็นอันตราย ทำให้ผู้คนรอบข้างต้องสั่นสะท้าน
สตรีที่ล้มอยู่บนพื้นแม้จะหวาดกลัว แต่นางเห็นว่าชายผู้นี้หน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก คิดมิถึงว่าเขาจะน่ากลัว ด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ที่ตินี้ สตรีคนใดเล่าจะปล่อยให้เขาเดินผ่านไปได้เฉยๆ
“ช่วยด้วย มีคนลวนลามข้า เจ้าข้าเอ๊ย ทุกคนมาดูเร็วเข้า โลกนี้มีความยุติธรรมอยู่หรือไม่ ทุกคนได้โปรด ช่วยข้าด้วยเถิด!” สตรีนางนั้นจู่ๆ ก็ตะโกนขึ้น
“เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำให้ซื่อจื่อและฮูหยินของเราต้องอับอาย เจ้าคงมิอยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ” รั่วจิ่งกล่าวด้วยความโมโหแล้วเข้าโจมตีอีกครั้ง เขาเริ่มต่อสู้กับสตรีนางนั้นทันที
เมื่อเห็นว่าสตรีนางนั้นสามารถต้านทานการต่อสู้จากรั่วจิ่งได้ ก็รู้ว่ามิใช่คนธรรมดา
“ไปกันเถอะ” จวินหย่วนโยวกล่าว พร้อมกับโอบเอวนางจากไป
“อืม” ทั้งสองคนเดินซื้อของต่อไปโดยมิได้สนใจผู้ที่ต่อสู้กันอยู่ด้านหลัง
......
อีกด้านหนึ่ง โม่ฉือหานจัดการเรื่องการแข่งขันเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เขากำลังจะกลับไปก็ได้เดินผ่านเรือนที่พักของจวินหย่วนโยว เขามองเข้าไปในห้องพบว่ามันมืดสนิท คาดว่าทั้งสองคงออกไปข้างนอก
เมื่อนึกถึงฉากที่หยุนถิงร่วมกินดื่มกับทุกคนอย่างสนุกสนานเมื่อคืนนี้ มุมปากของโม่ฉือหานก็กระตุกขึ้นเล็กน้อยด้วยความขมขื่น
“ท่านอ๋อง ที่แท้มาอยู่ที่นี่เอง” น้ำเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น ฟ่านเสี่ยรั่วรีบตรงเข้ามา
โม่ฉือหานเห็นว่าเป็นนางก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาเอ่ยถามอย่างแผ่วเบาว่า “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
“ทูลท่านอ๋อง หม่อมฉันเดินทางกลับมาจากหอเทพเซียนก็ตรงมาที่นี่เพื่อต้องบอกข่าวดีกับท่าน หม่อมฉันได้ยารักษาโรคมาแล้ว” ฟ่านเสี่ยรั่วยื่นกล่องผ้ากล่องหนึ่งที่ทะนุถนอมไว้ราวกับสมบัติ
โม่ฉือหานรีบหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดออกด้วยท่าทีอันตื่นเต้น ด้านในมียาเม็ดสีดำสามเม็ดวางไว้ “เสี่ยรั่ว ยานี้สามารถ......”
“ท่านอ๋องวางใจเถิด ข้าน้อยได้เอ่ยถามท่านอาจารย์แล้ว เป็นจริงดังนั้น คืนนี้ท่านอ๋องลองกินเม็ดเดียวก่อนก็ย่อมได้” ฟ่านเสี่ยรั่วหน้าแดงเรื่อตอนที่นางกล่าวออกมา
“เอาละ ดียิ่งนัก เจ้าเป็นดาวนำโชคของข้าจริงๆ” โม่ฉือหานจูงมือฟ่านเสี่ยรั่วออกไป
เขารอวันนี้มานานเหลือเกินแล้ว ในที่สุดค่ำคืนนี้เขาก็จะได้พบกับความมั่นใจอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...