จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 193

ฟ่านเสี่ยรั่วเดินตามหลีอ๋องกลับไปยังเรือนของตน จากนั้นหลีอ๋องก็ได้รีบกินยาทันที

“ท่านอ๋องเพคะ อาจารย์ผู้ปรุงยากล่าวว่าใช้เวลาเพียงหนึ่งเล่มธูป ยานี้ก็จะออกฤทธิ์” ฟ่านเสี่ยรั่วกล่าวด้วยความเขินอาย

โม่ฉือหานโอบนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “หากข้าสามารถหายจากโรคนี้ได้จริงๆ เจ้าจะนับว่าเป็นผู้มีผลงานในเรื่องนี้มากที่สุด ข้าจะมิทำให้เจ้าต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน”

ฟ่านเสี่ยรั่วพยักหน้าด้วยความเขินอาย “เพียงแค่ท่านอ๋องมีความสุข หม่อมฉันก็มีความสุขยิ่งนัก”

“เจ้าช่างพยายามและเหนื่อยล้าเพื่อข้า ระยะทางที่เดินทางมานี้ เจ้าคงยังมิได้กินอะไร ข้าจะให้บ่าวรับใช้ไปจัดเตรียมอาหารมาให้” โม่ฉือหานเรียกองครักษ์เข้ามา สั่งให้ไปจัดเตรียมอาหารทันที

ไม่นานต่อมา เหลยถิงก็ได้นำคนจำนวนหนึ่งถืออาหารเลิศรสมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะโค้งคำนับด้วยความเคารพและจากไป

หลายวันมานี้ ฟ่านเสี่ยรั่วเอาแต่เป็นกังวลหลีอ๋อง นางมิได้กินอะไรมากมายนัก บัดนี้ต้องยอมรับว่าเริ่มหิวแล้วจริงๆ นางจึงเดินเข้ามา ใช้ตะเกียบหวังจะคีบอาหารเข้าปาก

“ข้าจะป้อนเจ้าเอง” โม่ฉือหานลุกขึ้นเดินตรงมา

ฟ่านเสี่ยรั่วตกใจกับการถูกเอาใจเช่นนี้ “ท่านอ๋องเพคะ ข้าน้อยสามารถจัดการเรื่องนี้เองได้ มิต้องรบกวนท่านหรอก”

“เจ้าพยายามอย่างสุดล้นเพื่อไปขอยามาให้ข้า แน่นอนว่าข้าต้องปฏิบัติดีต่อเจ้าบ้าง” โม่ฉือหานยิ้มแล้วคีบอาหารใส่จาน

ฟ่านเสี่ยรั่วประทับใจยิ่งนัก นางกินอาหารอย่างว่าง่าย จนกระทั่งอาหารคำสุดท้ายหมดลง “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันอิ่มแล้ว”

“อืม ถึงคราข้าแล้ว” โม่ฉือหานใช้มือใหญ่ของเขาเข้ามาอุ้มนางตรงไปที่เตียง

เมื่อครู่ช่องท้องส่วนล่างของเขามีการตอบสนองแล้ว หากมิใช่เพราะคำนึงถึงว่านางเดินทางไปมาหลายวัน มิได้กินอิ่มเท่าไรนัก โม่ฉือหานคงมิรอจนถึงตอนนี้

ฟ่านเสี่ยรั่วยังมิทันมีปฏิกิริยาได้ตอบสนอง นางก็ถูกโม่ฉือหานอุ้มไปโยนลงบนเตียง จากนั้นโม่ฉือหานก็บรรจงจูบที่ริมฝีปากของนาง

ความรู้สึกแตกต่างจากการกระทำอันอ่อนโยนเมื่อครั้งก่อน เพราะในครั้งนี้โม่ฉือหานใช้กำลังในการครอบครองนางอย่างบ้าคลั่ง หรืออาจเรียกได้ว่าช่างหยาบคาย

หากจะเรียกว่าเป็นการจุมพิต นางรู้สึกว่าเป็นการลงโทษเสียมากกว่า

ใบหน้าเรียวบางของฟ่านเสี่ยรั่วขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความเจ็บปวด แต่นางมิกล้าผลักโม่ฉือหานออกไป มิกล้าที่จะคัดค้านต่อต้าน นางรู้ดีว่าหลายวันมานี้ท่านอ๋องเก็บกดเสียจนแทบคลั่ง มิใช่เรื่องง่ายเลยที่เขามีอารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้ ฟ่านเสี่ยรั่วจึงให้ความร่วมมืออย่างเป็นธรรมชาติ

ส่วนในใจของนางก็หวังเช่นนั้น

ฟ่านเสี่ยรั่วพยายามอดทนกับความเจ็บปวด มือทั้งสองข้างของนางโอบไปที่รอบคอของโม่ฉือหานแล้วเงยหน้าตอบสนองต่อจูบของเขา

ตัวนางที่เรียบร้อยมารยาทดีงาม ว่าง่าย บัดนี้กลับกลายเป็นผู้ริเริ่มลงมือก่อน ทำให้โม่ฉือหานรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก มือของเขาซุกไซ้เข้าไปที่ชายเสื้อของฟ่านเสี่ยรั่ว เพียงสองสามหนก็สามารถฉีกกระโปรงของนางออก เผยให้เห็นเสื้อชั้นในสีแดง

นี่คือสีที่เขาชื่นชอบมากที่สุด เป็นสีแดงของดอกโบตั๋น เนื่องจากสีแดงมีอิทธิพลต่อสายตา เปรียบเหมือนเปลวไฟจุดความรกร้างว่างเปล่าในทรวงอกของโม่ฉือหานให้ลุกโชนทันที

เขาอดทนมาเนิ่นนานเหลือเกิน อดทนให้ทุกคนต้องหัวเราะเยาะมาเนิ่นนาน วินาทีนี้โม่ฉือหานต้องการจะแก้ชื่อเสียงให้กับตนเอง

เมื่อได้ยินเสียงร้องครางจากฟ่านเสี่ยรั่ว ร่างกายของโม่ฉือหานก็สั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดเขาก็สามารถฟื้นฟูกำลังวังชาดุจดั่งเมื่อก่อน หายใจออกมาโล่งท้องได้สักที ช่างดียิ่งนัก!

ดวงตาอันเย็นชาของโม่ฉือหานเต็มไปด้วยความสุข จากนั้นตามด้วยเสียงกรีดร้องของฟ่านเสี่ยรั่ว เขายิ่งกลายเป็นผู้ครอบงำด้วยความบ้าคลั่ง

เมื่อหยุนถิงและจวินหย่วนโยวเดินทางกลับมาจากการเดินเล่นก็เป็นเวลายามดึกแล้ว ที่ด้านนอกมิมีใครอยู่เลย ช่างเงียบสงบ คาดว่าทุกคนคงจะพักผ่อนแล้ว

ในวันนี้หยุนถิงอารมณ์ดียิ่งนัก หยุนถิงจึงต้องการจะดื่มสุรากับจวินหย่วนโยว มิใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมิมีคนมารบกวนพวกเขา ทั้งสองดื่มด่ำกันอย่างสนุกสนาน จึงทำให้กลับมายามดึกเช่นนี้

จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องครางของสตรีดังขึ้น หยุนถิงตื่นขึ้นจากความงุนงง “ซื่อจื่อ เมื่อครู่ข้าเหมือนได้ยินเสียงของสตรี?”

“ข้ามิได้ไปไหน ชีวิตนี้ข้าจะมิจากเจ้าไปไหน” จวินหย่วนโยวตอบกลับด้วยความทะนุถนอม

มิมีแสงไฟสว่างภายในห้อง มีแต่ความมืดมิด แสงจันทร์จากนอกหน้าต่างส่องเข้ามาเล็กน้อยจึงมองเห็นได้ลางๆ

บัดนี้หยุนถิงกำลังเอนร่างของนางไปทางร่างของจวินหย่วนโยว นางเห็นใบหน้าของเขาอย่างคลุมเครือ สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ร่างกายของนางดูซื่อสัตย์กว่าจิตใต้สำนึก นางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย บรรจงจูบไปที่ริมฝีปากบางของจวินหย่วนโยว

ดวงตาของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แม่หนูคนนี้มีเพียงเวลาที่นางเมาเท่านั้นจึงจะคิดริเริ่มก่อน ปกตินางก็พูดเพียงลมปาก มิเคยเห็นนางกระทำสักที

หยุนถิงที่เป็นเช่นนี้ จวินหย่วนโยวจะปล่อยไปได้อย่างไร เขาใช้มือจับไปที่หลังศีรษะของนาง เปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้กระทำและจูบรุนแรงขึ้น

ทั้งสองคนกลิ้งลงไปที่เตียง ยังมิทันสนใจเรื่องอื่น จวินหย่วนโยวก็ได้ปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกของตนเองไปที่นางอย่างมิอาจควบคุมได้

เนิ่นนานทีเดียวหลังจากจูบนั้นสิ้นสุดลง จวินหย่วนโยวก็เอนกายอยู่ข้างหยุนถิงน้ำเสียงอันแหบแห้งดังขึ้นว่า “ฮูหยิน ข้าอยากเห็นเจ้าใส่ชุดบิกินี่”

หยุนถิงร่างกายอ่อนปวกเปียก เมื่อได้ยินประโยคนี้ของจวินหย่วนโยว หน้าของนางก็แดงเรื่อลงไปถึงลำคอ โชคดีที่ในห้องมิได้เปิดไฟเอาไว้ มิอย่างนั้นคงจะถูกจวินหย่วนโยวเห็นเข้า

บางทีอาจเป็นเพราะยามค่ำคืนอารมณ์พลุ่งพล่าน ประกอบกับคืนนี้หยุนถิงอารมณ์ดีมิน้อย นางจึงหลับตาเข้าไปในมิติ และครุ่นคิดถึงชุดสีแดงผ้าโปร่งใสชุดนั้นของนาง เมื่อลืมตาขึ้นมันก็อยู่ในมือแล้ว

“ซื่อจื่อ วันนี้ข้าจะใส่ชุดใหม่ให้เจ้าดู นี่เรียกว่าชุดนอน” หยุนถิงรู้สึกมึนเล็กน้อย นางถอดเสื้อผ้าบนร่างกายออก จากนั้นเปลี่ยนเป็นชุดนอน

แม้ว่าภายในห้องจะมิมีแสงสว่างจากไฟ แต่จวินหย่วนโยวก็พอจะเห็นได้ถึงผ้าโปร่งสีแดงซึ่งห่อหุ้มร่างกายอันงดงามของหยุนถิงนั้นเอาไว้ ผิวพรรณขาวผ่องขาเรียวยาวปรากฏออกมาด้านนอกชุด ผ้าค่อนข้างโปร่งและมีกลิ่นหอมจางๆ ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน

จวินหย่วนโยวมองไปแล้วสูดหายใจเข้า แววตาของเขาดูลึกล้ำ เดิมทีหยุนถิงก็งดงามไร้ที่เปรียบ นางใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเขา จวินหย่วนโยวจะอดใจได้อย่างไร เขาเอื้อมมือไปอุ้มหยุนถิงมาไว้ในอ้อมกอดแล้วกดร่างของนางลงไป

ห้องขนาดใหญ่แห่งนี้ คงไว้เพียงเสียงร้องอันครวญครางของหยุนถิง พร้อมเสียงหายใจเหนื่อยหอบของจวินหย่วนโยวเนิ่นนานทีเดียวยังมิจางหายไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ