จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 194

ตอนที่หยุนถิงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าเป็นยามเที่ยงของวันต่อไปแล้ว นางลืมตาขึ้นเห็นจวินหย่วนโยวนอนอยู่ด้านข้าง จึงได้นึกถึงฉากเมื่อคืนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ชั่วพริบตาเดียวใบหน้าของนางก็แดงเรื่อ ร่างกายราวกับถูกรถชน มันช่างเจ็บปวดจนนางต้องสูดลมหายใจเข้า

จวินหย่วนโยวตื่นขึ้นเช่นกัน เขามองไปทางนางด้วยความรู้สึกสนอกสนใจ “ฮูหยินคงมิรู้หรอกว่าเมื่อคืนนี้เจ้าคลั่งไคล้เพียงใด เจ้าอยู่ด้านบนรังแกข้าทั้งคืน...”

“ซื่อจื่ออย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย” หยุนถิงใบหน้าแดงเรื่อแล้วหันหนีมิกล้าสบตาเขา

จวินหย่วนโยวเห็นเช่นนั้นจึงได้หัวเราะออกมาเบาๆ หน้าของนางที่ดูเขินอายช่างน่ารักเหลือเกิน “เอาละ ข้ามิเอ่ยถึงก็ได้ ลุกขึ้นเถิด”

หยุนถิงปล่อยให้จวินหย่วนโยวทำการสวมเสื้อผ้าให้แก่นาง ทั้งสองคนล้างหน้าล้างตารับประทานอาหารแล้วไปยังสนามแข่งขัน

แต่ในครั้งนี้ จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงไป ทันทีที่ทั้งสองคนปรากฏกายขึ้นก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที

“ท่านอ๋องช่างรักทะนุถนอมหยุนถิงเหลือเกิน มิยอมแม้กระทั่งให้นางเดินเอง น่าอิจฉายิ่งนัก” สตรีนางหนึ่งเอ่ยปากขึ้น

“โชคช่วยเหลือเกิน ที่ทำให้ซื่อจื่อรักนางได้เช่นนี้”

“ทำไมเล่า นางทั้งหน้าตางดงามและมีพรสวรรค์ นางดีพอที่จะทำให้ซื่อจื่อรักและทะนุถนอมเช่นนั้น” ชายคนหนึ่งโต้กลับ

นับตั้งแต่หยุนถิงกลับคืนสู่สภาพหน้าตาเดิม ผู้คนโดยมากก็มีความคิดเห็นต่อหยุนถิงที่เปลี่ยนไปมิน้อย ประกอบกับทักษะการทำอาหารของนางอันโดดเด่น จึงมีคนมากมายยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับนาง

มิว่าจะเป็นยุคใดสมัยใด หน้าตางดงามสามารถช่วยเราได้ทุกสถานการณ์จริงๆ

ฝั่งตรงข้าม โม่ฉือหานเดินทางมาพร้อมกับฟ่านเสี่ยรั่ว ด้านหลังมีสตรีอีกสามนาง ในวันนี้โม่ฉือหานดูผิดปกติไป รอยยิ้มบริเวณมุมปากของเขาเผยอขึ้น สีหน้าดูอิ่มเอมใจมีความสุขยิ่งนัก

“ซื่อจื่อ ข้าตาฝาดไปหรือ? โม่ฉือหานกำลังส่งยิ้มให้ข้าหรืออย่างไร?” หยุนถิงเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ราวกับเห็นผี

“เขามิได้ยิ้มให้เจ้าหรอก เขากำลังโอ้อวดต่างหาก” จวินหย่วนโยวตอบ

เมื่อตอนเช้าเขาสั่งให้หลิงเฟิงไปสืบมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซึ่งเขาได้รับรายงานถึงสาเหตุแล้ว

“เขาจะโอ้อวดสิ่งใด?”

“ฟ่านเสี่ยรั่วเป็นศิษย์ของท่านเจ้าหอหอเทพเซียน นางกลับไปที่หอเทพเซียนเพื่อขอยามาให้โม่ฉือหาน ในวันนี้โม่ฉือหานจึงได้เชิดหน้าชูตาต่อหน้าทุกคนได้ ว่าเขาเป็นดั่งชายปกติทั่วไปแล้ว” จวินหย่วนโยวทำการอธิบาย

หยุนถิงขมวดคิ้วเข้าหากัน “มีคนถอนพิษของข้าได้งั้นหรือ?”

“จะกล่าวว่าเช่นนั้นก็ได้”

“คิดมิถึงว่าในแคว้นต้าเยียนเช่นนี้ จะมีผู้มากความสามารถแฝงอยู่” หยุนถิงถอนหายใจ

โม่ฉือหานเดินตรงเข้ามา เขามองไปยังใบหน้าอันงดงามของหยุนถิงอันไร้ที่ตินั้น ประกอบกับนางสวมใส่ชุดยาวสีฟ้าอ่อน ช่างสง่างามสูงส่ง ช่วงท้องของโม่ฉือหานก็รู้สึกเกร็งขึ้นทันที จู่ๆ เขาก็จินตนาการว่าหากสามารถบดขยี้หยุนถิงที่เป็นหญิงงามเช่นนี้ไว้ใต้ร่างอย่างดุเดือด ความรู้สึกนั้นจะดีเช่นไร

ยังมิทันที่เขาจะจินตนาการออกมา จวินหย่วนโยวก็ได้โยนกงจักรไปทางเขา

โม่ฉือหานหลบทัน แต่ถึงกระนั้นแขนเสื้อก็ถูกตัดจนขาด เขาโมโหเสียจนใบหน้ามืดมน “จวินหย่วนโยว เจ้ากล้าดีอย่างไรลงมือกับข้า?”

“หากหลีอ๋องยังใช้สายตาเช่นนั้นมองดูฮูหยินของข้าอยู่ละก็ ข้าจะควักลูกตาเจ้าทั้งสองข้างออกมา!” จวินหย่วนโยวตะโกนเสียงดัง

น้ำเสียงนั้นช่างเยือกเย็นราวกับภูเขาหิมะที่ก่อตัวเป็นเวลาหลายพันปี ทำเอาผู้คนที่ได้ยินพลางรู้สึกตัวสั่นเยือกเย็นไปด้วย

แววตาของโม่ฉือหานเผยถึงความรู้สึกผิดเล็กน้อย เมื่อครู่จวินหย่วนโยวสัมผัสได้ถึงความคิดของเขาหรือ?

“ในเมื่อเดินทางมากันครบแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มกันเถิด” ฮ่องเต้ที่อยู่มิไกลออกไปนักเอ่ยขึ้น

โม่ฉือหานจ้องมองไปที่จวินหย่วนโยว “เจ้าอย่าทำชะล่าใจไป มิช้าก็เร็วข้าจะจัดการกับเจ้า!”

“เจ้าน่ะหรือ?” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม

ร่างหนึ่งในฝูงชนพุ่งเข้าไปทันที จากนั้นพยุงเป่ยหมิงฉี่ลุกขึ้น ใช้เข็มเงินในมือเจาะไปที่จุดฝังเข็ม

ฉากนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนตั้งใจจะเข้าไปห้ามแต่มิทันเสียแล้ว หยุนถิงจึงได้เห็นว่าสตรีนางนี้ก็คือสตรีผู้ที่อยากจะ สะดุดล้มสู่อ้อมกอดของจวินหย่วนโยวนั่นเอง

“เจ้าคือใคร ไท่จื่อของพวกเรา......” องครักษ์ตะโกนออกมาเสียงดัง แต่เมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าของสตรีนางนี้ ทุกคนก็พากันตกใจ “องค์หญิงสาม เหตุใดจึงเป็นท่าน?”

“หยุดกล่าววาจาไร้สาระได้แล้ว ช่วยพยุงเขาให้นอนลงเร็ว!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กล่าว

องครักษ์รีบทำตามทันที แม้พวกเขาจะมิเข้าใจว่าเหตุใดองค์หญิงสามจึงมาปรากฏกายที่นี่ได้ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่านางจะมิทำร้ายไท่จื่อ

เริ่นเซวียนเอ๋อร์ช่วยจับชีพจรให้เขา ใบหน้าของนางดูจริงจังขึ้นมา “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้?”

“องค์หญิงสาม เกิดอะไรขึ้นกับไท่จื่อของพวกเราพ่ะย่ะค่ะ?” องครักษ์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“เขาถูกพิษจากดอกเข็มผีบวกกับฤทธิ์ของหญ้าเจ๋อลัว แม้แต่เทพเจ้าก็ยังมิอาจรักษาได้ ดังนั้นข้ามิอาจช่วยเขาได้หรอก” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตอบ

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้ องค์หญิงสาม ได้โปรดเถิดช่วยไท่จื่อพวกเราด้วยเถิด” องครักษ์พากันคุกเข่าทำความคารวะ

“มิใช่ว่าข้ามิอยากช่วย แต่พิษสองชนิดนี้เมื่อนำมาใช้รวมกันก็จะเป็นยอดราชาแห่งพิษ ต่อให้เป็นอาจารย์ของข้าก็มิอาจทำอะไรได้”

เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกไป ทุกคนก็ตกตะลึง สีหน้าขององครักษ์ซีดเผือด หากเกิดอะไรขึ้นกับไท่จื่อจริงๆ ละก็ พวกเขาจะชี้แจงกับฮ่องเต้ของพวกเขาอย่างไร!

ฮ่องเต้มองไปทางเริ่นเซวียนเอ๋อร์ด้วยใบหน้าอันสงสัย นางเป็นองค์หญิงสามแห่งแคว้นเทียนจิ่ว ได้ยินว่านางมีพรสวรรค์ด้านการแพทย์ และได้รับการยอมรับเป็นศิษย์ก้นกุฏิของท่านเจ้าหอหอเทพเซียน แต่นางก็ยังกล่าวเช่นนี้ หรือว่าเป่ยหมิงฉี่จะต้องถึงคราตายแล้ว? หากเกิดเรื่องขึ้นกับเขาในแคว้นต้าเยียน คาดว่าคงจะก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างสองแคว้นอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ จะทำเช่นไรดี?

หยุนถิงที่อยู่มิไกลออกไปนักได้ยินคำว่าหญ้าเจ๋อลัว นางก็รีบวางทุกอย่างในมือลงและตรงเข้ามา

ฮ่องเต้เห็นหยุนถิงดังนั้น ความหวังของเขาก็เพิ่มขึ้นทันที “หยุนถิง ข้าสั่งให้เจ้าพยายามรักษาเป่ยหมิงไท่จื่อทุกวิถีทาง!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ