จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 206

ด้านในเรือน

หลังจากที่โม่เหลิ่งเหยียนเข้าไปแล้วก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งรายล้อมหยุนถิงอยู่ พวกนางพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน คึกคักอย่างมาก

ทันทีที่หยุนถิงเงยหน้าก็เห็นคนที่เดินเข้ามา รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ซวนอ๋อง?”

“ข้ามาเพื่อถามเจ้าว่า คนที่ต่อสู้กับเจ้าในตอนนั้นมีหน้าตาอย่างไร?” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวถาม

“คนผู้นั้นรูปร่างพอๆกับท่าน อ้วนกว่าท่านนิดหน่อย บนใบหน้าของเขาใส่หน้ากากสีเงิน ข้ามองไม่เห็นหน้า แต่ว่าดวงตาของคนผู้นั้นมืดมนมาก ราวกับงูพิษ และลงมือโหดเหี้ยม” หยุนถิงกล่าวตอบ

คิ้วอันหล่อเหลาของโม่เหลิ่งเหยียนขมวดขึ้นมาเล็กน้อย “น่าจะเป็นหนานเทียนหลิน เจ้าสำนักของสำนักราตรี คนผู้นี้โหดเหี้ยมอำมหิต ชั่วร้ายอย่างมาก เจ้าสามารถหนีรอดจากเงื้อมมือเขาได้ ถือว่าเก่งมากเลยจริงๆ”

“ฮูหยินของข้า ย่อมมีความสามารถอยู่แล้ว” จวินหย่วนโยวกล่าวขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ

“มีความสามารถแล้วอย่างไร ก็ยังถูกทำร้ายเจียนตายไม่ใช่หรือ” โม่เหลิ่งเหยียนโต้แย้ง หันหลังก็จากไปเลย

สีหน้าของจวินหย่วนโยวดำมืด เส้นเลือดบนหน้าผากปูดออกมา บัดซบ ช้าเร็วเขาต้องหาหนานเทียนหลินให้เจอ แล้วสับเขาเป็นหมื่นๆชิ้นให้ได้

เมื่อทุกคนเห็นว่าลมหายใจของจวินซื่อจื่อเปลี่ยนไป หยุนหลีและคนอื่นๆรู้สึกตกใจอย่างมาก พากันจากไปอย่างรู้สถานการณ์ทันที

หยุนถิงถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา “ซื่อจื่อไม่ต้องตำหนิตัวเอง นี่เป็นเพราะอีกฝ่ายเตรียมตัวมาอย่างดี ข้าได้ยินหยุนหลีบอกว่าท่านส่งคนไปทำลายล้างสำนักราตรีแล้ว นี่ก็ถือเป็นการแก้แค้นให้ข้าแล้ว”

จวินหย่วนโยวเดินเข้ามา ยื่นมือไปกอดหยุนถิงเอาไว้ในอ้อมแขน “ครั้งนี้เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของข้า ทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ขอโทษด้วย”

น้ำเสียงหนักหน่วงอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและการขอโทษ

หยุนถิงส่ายหน้าเบาๆ “ซื่อจื่อท่านไม่ต้องขอโทษข้าหรอก ในเมื่ออีกฝ่ายเตรียมตัวมาอย่างดี ถึงแม้เราจะป้องกันอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นอย่าโทษตัวเองอีกเลย แต่เมื่อพูดขึ้นมา องครักษ์เงามังกรของท่านเก่งกาจมากจริงๆ ถึงกับทำลายล้างสำนักราตรีที่ก่อตั้งมาสิบกว่าปีในชั่วข้ามคืน ช่างยอดเยี่ยมมากจริงๆ”

“อันที่จริง คนที่ปราบปรามทำลายสำนักราตรีไม่ได้มีเพียงองครักษ์เงามังกรเท่านั้น ดวงจันทร์ก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน” จวินหย่วนโยวกล่าวตอบ

“ดวงจันทร์ นั่นคือองค์กรแบบไหน?” หยุนถิงได้ยินเป็นครั้งแรก

“ดวงจันทร์คือกองกำลังที่ซวนอ๋องเก็บซ่อนเอาไว้ คนในนั้นล้วนเป็นองครักษ์ยอดฝีมือที่เขาฝึกฝนขึ้นมา”

“เหตุใดซวนอ๋องต้องทำลายล้างสำนักราตรีด้วย หรือว่าฝ่าบาททรงมีราชโองการ?” หยุนถิงขมวดคิ้ว

“ฝ่าบาทยังไม่สามารถทำให้เขาเคลื่อนกำลังพลของดวงจันทร์ได้ เหตุใดเขาถึงลงมือข้าก็มิอาจรู้ได้ แต่หากไม่มีคนของเขา องครักษ์เงามังกรก็สามารถทำลายล้างสำนักราตรีได้อย่างแน่นอน”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว องครักษ์เงามังกรของซื่อจื่อข้าหล่อเหลาที่สุดแล้ว” หยุนถิงกล่าวอย่างได้ใจ

จวินหย่วนโยวพอใจคำพูดนี้อย่างยิ่ง ก้มหน้าประทับจูบลงไปบนหน้าผากของหยุนถิง

หลายวันต่อจากนั้น หยุนถิงพักฟื้นอยู่ในเรือนตลอด อาหารทุกมื้อจวินหย่วนโยวเป็นคนป้อนให้นางกิน หยุนถิงสามารถกินเองแท้ๆ แต่จวินหย่วนโยวทนเห็นนางเหนื่อยไม่ได้ ดังนั้นจึงป้อนด้วยตัวเอง

หยุนหลีและคนอื่นๆก็มาอยู่เป็นเพื่อนนางทุกวัน มู่ซิ่วหรานกับอู๋เสี่ยวหรั่นก็มาด้วยเช่นกัน ต่อมาฟู่อี้เฉินกับโม่หลานก็มาเข้าร่วมด้วย ทุกๆวันนอกจากจะสอนการใช้พิษและทักษะทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานให้ทุกคนแล้ว หยุนถิงก็สอนทุกคนเล่นไพ่นกกระจอกกับไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด

ตอนนี้ ในเรือนมีโต๊ะเล่นไพ่นกกระจอกสามโต๊ะแล้ว จวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนก็เข้าร่วมเช่นกัน ทั้งสองคนเล่นกันอย่างคึกคักดุเดือด บรรยากาศจริงจังไร้ที่เปรียบ

หยุนถิงกับฟู่อี้เฉินเล่นโต๊ะเดียวกับพวกเขา สองคนนี้หาความสุขในสถานการณ์ยากลำบากไม่มาสนใจอะไรมากขนาดนั้นหรอก เล่นไพ่ของตัวเองไป

หลายวันนี้ หยุนถิงพักฟื้นจนเกือบจะหายดีแล้ว วันนี้ออกไปเดินเล่นกับจวินหย่วนโยว ก็เห็นโม่ฉือหานที่อยู่ไม่ไกลออกไปพาหญิงสาวมาด้วยห้าหกคน ใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส เดินมาทางนี้อย่างได้ใจ

“ซื่อจื่อ โม่ฉือหานโชคดีอะไรเข้าหรือ ทำไมถึงดูกำเริบเสิบสานขนาดนี้?” หยุนถิงถาม

“หลายวันมานี้หลีอ๋องคัดเลือกสาวงามมาใหม่สองสามคน ส่งเสียงดังราวกับฆ่าหมูทุกคืน นี่คงอยากให้ทุกคนได้รู้ว่า เขาแข็งตัวขึ้นมาอีกครั้งแล้ว” จวินหย่วนโยวกล่าวอธิบาย

“หยุนถิง เจ้าสมควรตาย!” โม่ฉือหานยกมือขึ้นโดยสัญชาตญาณ กำลังจะตบลงมา

แต่กลับถูกจวินหย่วนโยวหยุดเอาไว้ “หลีอ๋องโปรดสำรวมกิริยาด้วย หากท่านกล้าแตะต้องฮูหยินของข้า ข้าจะทำให้แขนข้างนี้ของท่านพิการแน่นอน!”

น้ำเสียงแข็งกร้าว เย็นชา แสดงอำนาจ ไม่อนุญาตให้มีข้อกังขา

โม่ฉือหานจ้องมองไปทางจวินหย่วนโยวด้วยความโกรธ ดวงตาประสานกัน เคียดแค้นรุนแรง บรรยากาศมืดมนเย็นยะเยือกแผ่ซ่านอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสอง อันตรายอย่างยิ่ง

โม่ฉือหานคิดไม่ถึงว่าจวินหย่วนโยวจะมีเรี่ยวแรงมากมายขนาดนี้ เดิมทีเขานึกว่าจวินหย่วนโยวเป็นคนป่วยขี้โรค คนอายุสั้น ไม่ได้มีความสามารถเท่าไหร่นัก แต่เวลานี้โม่ฉือหานลองดูสองสามครั้งก็ไม่สามารถสะบัดมือของเขาออกไปได้

หรือว่า เขาแกล้งป่วยอยู่ตลอด?

ไม่น่าเป็นไปได้นี่นา เขาถูกพิษร้ายแรงมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนขี้โรคที่ป่วยออดๆแอดๆ ทั่วทั้งแคว้นต้าเหยียนล้วนรู้ว่า เสด็จพี่ถึงกับส่งหมอหลวงไปรักษาให้เขา ทำไมจู่ๆจวินหย่วนโยวถึงมีแรงมากขนาดนี้ หรือว่าหมอยมบาลช่วยรักษาเขาจนหายดีแล้ว?

จวินหย่วนโยวสะบัดมือของโม่ฉือหานออกไปอย่างดูถูกเหยียดหยาม “หากหลีอ๋องพูดจาสามหาวอีก ข้าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆอีกเด็ดขาด ฮูหยิน เราไปกันเถอะ”

หยุนถิงเชื่อฟังอย่างยิ่ง จับมือของจวินหย่วนโยวเดินตรงไปข้างหน้า

โม่ฉือหานโกรธจนผลักฟ่านเสี่ยรั่วออกไป “จวินหย่วนโยวผู้สมควรตาย ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”

คนทั้งคนของฟ่านเสี่ยรั่วถูกผลักจนล้มลงไปกันพื้น เจ็บแทบตาย น้อยใจอย่างยิ่ง ทันทีที่นางเงยหน้าก็เห็นหยุนถิงที่อยู่ไม่ไกลออกไป หันกลับมามองนางอย่างดูถูก ฟ่านเสี่ยรั่วโกรธจนใบหน้าซีดขาว

บัดซบ เดิมทีต้องการจะให้หยุนถิงอับอาย คิดไม่ถึงว่ากลับถูกนางหัวเราะเยาะ

โม่ฉือหานกลับไปถึงลานของตัวเองด้วยความโกรธสุดขีด ดึงสาวงามสองสามคนที่อยู่ด้านข้างมาลงโทษอย่างแรง ระบายความโกรธและความหดหู่ทั้งหมดในใจใส่สาวงามทั้งหลาย

เพียงแต่เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ คนทั้งคนของโม่ฉือหานก็ตกตะลึงไป เขาไม่สามารถทำได้อีกแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ