ตอนที่หลิงเฟิงไปเรียกคน ลืมปิดประตูหลัง ทันทีที่หยุนถิงเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตู รู้สึกชะงักงันไปจริงๆ
“ฟู่อี้เฉินถูกปล้นหรือเนี่ย?”
ไม่มีความสง่าหล่อเหลา อิสระไม่ถูกจำกัด ความมีสติปัญญาไม่ยึดติดเหมือนในเวลาปกติ ฟู่อี้เฉินในเวลานี้หนวดเครารุงรัง เบ้าตาลึก ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย ชุดคลุมสีขาวบนร่างกายยับยู่ยี่อย่างไร้ที่เปรียบ ดูทุลักทุเลอย่างมาก
จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชา “ตั้งแต่ข้าอุ้มเจ้ากลับมา เขาก็รออยู่หน้าประตูตลอด ไล่อย่างไรก็ไม่ไป ข้าก็ลืมถามเจ้าไป เจ้าได้รับบาดเจ็บคงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาใช่ไหม”
นอกจากความเป็นไปได้นี้แล้ว จวินหย่วนโยวคิดความเป็นไปได้อย่างอื่นไม่ออก เพียงแต่ว่าหยุนถิงหมดสติอยู่ตลอด ตื่นขึ้นมากินอาหารแล้วก็ผล็อยหลับไปอีก จวินหย่วนโยวไม่มีเวลาได้ถาม
เมื่อก่อนฟู่อี้เฉินไม่ชอบหยุนถิง เกลียดชังนางอย่างยิ่ง คอยหาเรื่องตลอด หากไม่ใช่เพราะทำความผิดอะไร รู้สึกผิดต่อหยุนถิง หรือไม่ก็เป็นเพราะเขาถึงทำให้หยุนถิงได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ เขาจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
ทันทีที่ฟู่อี้เฉินได้ยินคำพูดนี้ ก็ตกใจจนเข่าอ่อน เกือบจะล้มลงไปกับพื้น รีบยื่นมือไปจับประตูเอาไว้
หยุนถิงคิดไม่ถึงว่า เขาจะเฝ้าตัวเองอยู่ตลอด นี่สามวันแล้วใช่ไหม แสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกสำนึกผิด รู้ว่าทำผิดไปแล้วจริงๆ
“ซื่อจื่อ ข้าได้รับบาดเจ็บไม่เกี่ยวกับเขา ตอนนั้นเขาเห็นข้าต่อสู้กับผู้ชายที่สวมหน้ากากสีเงินคนนั้นอย่างไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ คาดว่าคงตกใจจนตะลึงงันไปมั้ง ข้าให้เขากลับไปแจ้งให้ท่านทราบ” หยุนถิงกล่าวอธิบาย
ฟู่อี้เฉินที่อยู่ด้านนอกประตูเบิกตากว้าง มองไปทางหยุนถิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เขาคิดไม่ถึงว่า หยุนถิงจะช่วยเขาปิดบัง นางไม่ควรจะคว้าโอกาสรีบฟ้องจวินหย่วนโยวหรอกหรือ นึกถึงในอดีตตัวเองมักจะคอยหาเรื่องหยุนถิงตลอด ในนาทีนี้ฟู่อี้เฉินก็ยิ่งรู้สึกผิดและตำหนิตัวเอง เสียใจในสิ่งที่ทำลงไปอย่างยิ่ง
“หยุนถิง ขอโทษด้วย!” คำพูดนี้ฟู่อี้เฉินกล่าวออกมาจากใจจริง
“ฟู่ซื่อจื่อไม่ต้องทำเช่นนี้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน ท่านกลับไปเถอะ” หยุนถิงกล่าว
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่!” ทันทีที่หยุนหลีได้ยินว่าหยุนถิงตื่นแล้ว ก็ตรงเข้ามา คนยังไม่ทันได้เข้ามาในลาน ก็เรียกขึ้นมาก่อนสองสามคำ
เพียงแต่เมื่อเห็นฟู่อี้เฉินที่อยู่หน้าประตู หยุนหลีสะดุ้งตกใจ “ฟู่ซื่อจื่อ ทำไมท่านถึงกลายสภาพเป็นเช่นนี้?”
หยุนซูตรงเข้าไปในเรือน “พี่ใหญ่ ท่านดีขึ้นมาหรือยัง ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง?”
หยุนหลีก็ไม่ได้รอคำตอบของฟู่อี้เฉินเช่นกัน เพราะเป็นห่วงหยุนถิง จึงเดินตรงเข้าไปทันที
ฟู่อี้เฉินมองดูหยุนถิงที่ถูกผู้คนรายล้อม ถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง หันหลังก็จากไปเลย
“วางใจเถอะข้าไม่เป็นไร พักฟื้นสองสามวันก็หายดีแล้ว” หยุนถิงกล่าวตอบ
“พี่ใหญ่ต่อไปห้ามท่านเป็นอะไรไปอีกนะ ข้าตกใจแทบแย่ ต่อไปท่านไปไหน ข้าก็จะติดตามอยู่ด้านหลังของท่าน ไม่ห่างกันแม้แต่ก้าวเดียว”
“ใช่แล้วพี่ใหญ่ ต่อไปออกไปข้างนอกก็พาคนไปด้วยเยอะๆ” หยุนซูกล่าวด้วยความเป็นห่วง
ซูชิงโยวก็เดินเข้ามาจากด้านนอกเช่นกัน เห็นหยุนถิงตื่นแล้ว นางถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
หญิงสาวสองสามคนรายล้อมกันเป็นห่วงเป็นใยหยุนถิง จวินหย่วนโยวเห็นหลิงเฟิงที่อยู่หน้าประตูส่งสัญญาณมือให้เขา ถึงได้ลุกขึ้นเดินออกไป
หยุนถิงหยิบกระเป๋าแพทย์ออกมาจากมิติสามถุงทันที จากนั้นก็ยื่นให้กับพวกนางคนละหนึ่งถุง อธิบายรายละเอียดของประสิทธิภาพยาและการใช้ยาแต่ละชนิดที่อยู่ข้างในอย่างละเอียด
หยุนหลีและคนอื่นๆล้วนฟังอย่างตั้งใจ จริงจังอย่างยิ่ง
“หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว ข้าถึงได้รู้ว่าการใช้พิษสำคัญแค่ไหน พวกเจ้าต้องจำไว้ให้ดี รอให้กลับไปแล้วก็เรียนรู้ยาสมุนไพรฝึกฝนทักษะการใช้พิษ ทักษะทางการแพทย์กับข้า ช่วงเวลาวิกฤตก็สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้” หยุนถิงทอดถอนใจ
“ตกลง ข้าฟังพี่ใหญ่หมดเลย”
ด้านนอกประตู จวินหย่วนโยวเดินออกไป หลงยีปรากฏตัวออกมา “ซื่อจื่อ เมื่อคืนคนที่ปราบปรามทำลายสำนักราตรียังมีดวงจันทร์”
จวินหย่วนโยวเลิกคิ้ว “คนของโม่เหลิ่งเหยียน?”
“ใช่ขอรับ ข้าน้อยยืนยันแล้ว อีกฝ่ายคือหมิงจิ่วซานนำกำลังคนมาด้วยตัวเอง” หลงยีตอบด้วยความเคารพนบนอบ
“อ๊า! ท่านพ่อ ท่านตบข้า?” คนทั้งคนของซ่างกวนหรูถูกตบจนมึนงงไปหมด
“ข้าตบเจ้านี่แหละ ทำไมข้าถึงได้มีลูกสาวที่โง่เขลาอย่างเจ้า ไม่สามารถทำให้สำเร็จลุล่วงได้ยังทำให้เสียการอีก หึงหวงจนทำให้สำนักราตรีถูกทำลายล้าง สมควรตายจริงๆ!” ซ่างกวนเจิ้นคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างยิ่ง
ซ่างกวนหรูตกใจแทบตาย คุกเข่าลงไปกับพื้นทันที “ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว ข้าก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ เป็นความผิดของหยุนถิงทั้งนั้น ต้องโทษที่นางมาแย่งความโดดเด่นของข้า สิ่งเหล่านั้นเดิมทีล้วนสมควรเป็นของข้าทั้งนั้น”
“โง่เขลา หยุนถิงคือคนที่เจ้าสามารถล่วงเกินได้หรือ จวินหย่วนโยวเอาอกเอาใจนางขนาดนั้น เจ้าถึงกับกล้าแตะต้องนาง นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรือ บัดซบจริงๆ กองกำลังที่สั่งสมมาสิบกว่าปีถูกเผาจนวอดวายไปเช่นนี้!” ซ่างกวนเจิ้นโกรธจนหน้าอกกระเพื่อม เส้นเลือดบนหน้าผากปูดออกมา
ซ่างกวนหรูคิดไม่ถึงว่าแม้แต่ท่านพ่อก็ยังพูดเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาและไม่เต็มใจมากขึ้น “ข้าจะแตะต้องนางนี่แหละ นางเป็นคนตามตื้อจวินซื่อจื่อ นางต้องใช้วิธีการบางอย่างทำให้จวินซื่อจื่อหลงใหลแน่นอน มิเช่นนั้นจวินซื่อจื่อจะชอบนางได้อย่างไร”
“หุบปาก เจ้าทำให้ทั่วทั้งสำนักราตรีถูกทำลายล้าง ยังไม่รู้สำนึกอีก ช่างดื้อดึงยิ่งนัก คนมาพาคุณหนูกลับลาน ไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามนางออกมาแม้แต่ครึ่งก้าว” ซ่างกวนเจิ้นคำรามด้วยความโกรธ
องครักษ์สองนายเข้ามา พาซ่างกวนหรูออกไปทันที
หลังจากความโมโหแล้ว ซ่างกวนเจิ้นก็นึกถึงคำพูดของลูกสาวตัวเอง ในนาทีนี้ก็ยิ่งรู้สึกสงสัยหยุนถิงมากขึ้น
จากคนโง่เขลาไร้ค่าที่ไม่มีอะไรดีสักอย่างกลายเป็นหญิงสาวผู้มีพรสวรรค์อันน่าทึ่ง นางมีความสามารถอะไรกันแน่ สามารถทำให้จวินหย่วนโยวส่งองครักษ์เงามังกรออกไปทำลายล้างสำนักราตรี?
ซ่างกวนเจิ้นสาบานว่าจะต้องล้างแค้นในครั้งนี้ให้ได้
หญิงสาวนางหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกลาน “ท่านเฉินเซี่ยง”
“ตอนนี้ถึงเวลาต้องใช้งานเจ้าแล้ว หาวิธีเข้าใกล้หยุนถิง สืบหาความลับของนาง” ซ่างกวนเจิ้นสั่งการ
“ขอรับ” หญิงสาวหันหลังเดินออกไป
“จวินหย่วนโยวผู้สมควรตาย ในเมื่อเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับข้า ครั้งนี้ข้าจะต้องให้เจ้าตายอย่างไร้ที่ฝังศพ” ซ่างกวนเจิ้นสาบานอย่างดุเดือด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...