“พวกเจ้าได้ยินหรือยัง สำนักราตรีองค์กรมือสังหารอันดับหนึ่งในยุทธภพถึงกับถูกคนกวาดล้างในชั่วข้ามคืน ยังถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน นี่เป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงจริงๆ” คนคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นมา
“ก็นั่นน่ะสิ สำนักราตรีก่อตั้งมาสิบกว่าปีแล้ว ถึงกับถูกกวาดล้างในชั่วข้ามคืน ก็ไม่รู้ว่าใครที่มีกองกำลังแข็งแกร่งขนาดนี้ นี่มันเป็นการปลิดชีพในระยะเวลาอันสั้นชัดๆ
“ได้ยินมาว่าทั่วทั้งสำนักราตรีเลือดหลั่งเป็นแม่น้ำ แม้แต่พื้นดินที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าลี้ก็ยังถูกย้อมไปด้วยสีเลือด”
“นี่ต้องไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตแน่นอน คนทั่วไปไหนเลยจะกล้าโอหังกับสำนักราตรี”
“พวกเจ้าจำได้หรือไม่ เมื่อวานฟู่ซื่อจื่อวิ่งกลับมาบอกว่า หยุนถิงถูกคนของสำนักราตรีสังหาร คืออยู่ที่หลังเขา”
“ตอนนั้นข้าก็ได้ยินเช่นกัน ตอนที่จวินซื่อจื่ออุ้มคุณหนูหยุนกลับมาทั่วทั้งตัวของนางเต็มไปด้วยเลือด คนทั้งคนหมดสติไป ซื่อจื่อคงไม่ได้เป็นคนลงมือหรอกใช่ไหม”
“ซื่อจื่อโปรดปรานคุณหนูหยุนคนเดียว มองดูผู้หญิงของตัวเองถูกทำร้ายขนาดนั้น เป็นผู้ชายคนหนึ่งก็ไม่สามารถอดทนได้ทั้งนั้น นับประสาอะไรกับจวินซื่อจื่อ เขาเป็นถึงคนที่มีองครักษ์เงามังกร ทั่วทั้งใต้หล้าแห่งนี้นอกจากองครักษ์เงามังกรแล้วยังมีใครที่มีกำลังและความสามารถขนาดนี้ได้อีก”
ทุกคนฮือฮาขึ้นมาทันที พากันกระซิบวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งพูดก็ยิ่งเชื่อว่าจวินซื่อจื่อเป็นคนลงมือ นาทีนี้ทุกคนต่างก็รู้สึกนับถือจวินหย่วนโยวจนอยากจะก้มกราบ รู้สึกนับถือองครักษ์เงามังกรมากยิ่งขึ้น
สิบกว่าปีก่อน แคว้นต้าเหยียนถูกสามแคว้นร่วมมือกันมารุกราน องครักษ์เงามังกรนี่แหละที่ต่อสู้กับศัตรูหนึ่งต่อร้อย เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องแคว้นต้าเหยียน หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นความสง่างามขององครักษ์เงามังกรอีกครั้ง มันช่างทำให้คนรู้สึกตกตะลึงจริงๆ
ขณะเดียวกันทุกคนก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น อย่าได้รนหาที่ตายไปล่วงเกินคุณหนูหยุนเด็ดขาด มิเช่นนั้นคำพูดเพียงคำเดียวของเขาก็ทำลายล้างองค์กรของเจ้าแล้ว
ซ่างกวนหรูเดินผ่าน ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนเข้าพอดี คนทั้งคนของนางสีหน้าซีดขาว มือที่จับผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมกระชับแน่นขึ้นมาในทันใด
บัดซบ จวินหย่วนโยวถึงกับลงมือกับสำนักราตรีเพื่อหยุนถิง แถมยังกวาดล้างทั่วทั้งสำนักราตรีภายในชั่วข้ามคืน เขาถึงกับโหดเหี้ยมและเด็ดขาดเช่นนี้ ถ้าหากให้ท่านพ่อรู้ว่า ตัวเองทำให้สำนักราตรีถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก ซ่างกวนหรูไม่กล้าจินตนาการถึงผลลัพธ์เช่นนั้นเลย
“คุณหนู ท่านเป็นอะไรไป?” สาวใช้สอบถามอย่างใสซื่อ
แววตาของซ่างกวนหรูลุกลน แต่กลับฝืนสงบสติอารมณ์ “ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย เรากลับกันก่อนเถอะ”
กลับไปถึงห้อง ซ่างกวนหรูก็รีบเก็บของ เดินทางกลับเมืองหลวงทันที ตอนที่รถม้าของนางจากไป ซวนอ๋องย่อมรู้อยู่แล้ว ไม่ได้ให้คนขวางเอาไว้
ถึงแม้ว่าโม่เหลิ่งเหยียนก็พอจะคาดเดาได้ประมาณหนึ่งแล้ว แต่ซ่างกวนหรูเป็นลูกสาวของเฉิงเซี่ยงฝ่ายซ้าย ตอนนี้สำนักราตรีก็ถูกเผาจนวอดวายไปหมดแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งจะยังสามารถทำอะไรได้อีก
บางทีการให้นางจากไป ถึงจะวิธีที่ดีที่สุดในการวางแผนระยะยาวเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ที่มากยิ่งกว่า
โม่เหลิ่งเหยียนก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า จวินหย่วนโยวจะส่งองครักษ์เงามังกรไปทำลายล้างสำนักราตรี ดูท่าเขาไม่ได้แค่ใส่ใจหยุนถิงธรรมดาแล้ว
ฮ่องเต้ย่อมได้ยินเรื่องที่สำนักราตรีถูกทำลายล้างอยู่แล้ว เขาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับอารมณ์ดีอย่างมาก
ยุทธภพกับราชสำนักไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หากกำลังของยุทธภพแข็งแกร่งเกินไป คุกคามถึงราชสำนัก เช่นนั้นสำหรับฮ่องเต้แล้วย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
“ฝ่าบาท จู่ๆสำนักราตรีก็ถูกทำลายล้าง ไม่รู้ว่าเป็นการกระทำของผู้ใด?” เหมยเฟยถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ยังจะมีใครได้ ผู้หญิงของตัวเองถูกทำร้ายขนาดนี้ จวินหย่วนโยวไหนเลยจะยอมอดทนได้ คิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านไปหลายปีองครักษ์เงามังกรยังฉลาดเฉียบแหลมและมีความสามารถเหมือนในอดีต” ฮ่องเต้ทอดถอนใจ
“ฝ่าบาททรงปรีชาชาญ ความรักที่จวินซื่อจื่อมีต่อคุณหนูหยุน ทำให้คนประทับใจยิ่งนัก จวินซื่อจื่อก็ซื่อสัตย์และภักดีต่อฝ่าบาทเช่นกัน แบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาทได้พอดี” เหมยเฟยเอ่ยปาก
“เป็นเช่นนี้จริงๆ” ฮ่องเต้หัวเราะออกมา
ในเรือนของทางด้านนี้ จนกระทั่งเที่ยงวันของวันรุ่งขึ้นหยุนถิงถึงได้ตื่นขึ้นมา ครั้งนี้ร่างกายมีเรี่ยวแรงขึ้นมามากแล้ว นางดื่มสารอาหารไปอีกสองขวด บาดแผลบนร่างกายก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นแล้ว
“นังหนู เจ้าตื่นได้สักที” ท่านลั่วทอดถอนใจ
เขาถูกรั่วจิ่งพามากลางดึก เมื่อเห็นบาดแผลทั่วร่างกายของหยุนถิง ท่านลั่วก็ยังสะดุ้งตกใจ ดีที่เจ้าหนุ่มจวินบอกว่านางตื่นขึ้นมาแล้ว และนอนหลับไปอีกครั้ง
ในคืนนี้ ท่านลั่วก็ไม่ได้กลับไปนอน ก็เฝ้าอยู่ด้วยเช่นกัน กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนังหนูคนนี้ อย่างไรเสียนางก็เป็นคนที่เจ้าหนุ่มจวินวางเอาไว้บนสุดของหัวใจ
นานพักใหญ่ จวินหย่วนโยวถึงได้หยุดลง “เสร็จแล้ว”
ท่านลั่วตรงไปยังกระจก เมื่อเห็นตัวเองในกระจก ก็ตกตะลึงไปจริงๆ “พวกเจ้าสองผัวเมียไม่มีศีลธรรมเกินไปแล้วมั้ง ถึงกับแปลงโฉมให้ข้ากลายเป็นมังกรตาเดียวที่หลังค่อมคนหนึ่ง?”
“เช่นนี้ถึงจะไม่ถูกคนสังเกตเห็นได้ ความปลอดภัยกับหน้าตาท่านคิดว่าสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน?” หยุนถิงถามกลับ
“ที่พูดมามันก็ถูก แต่นี่มันก็อัปลักษณ์เกินไปหน่อย” ท่านลั่วบ่นอุบ
“ท่านแก่ขนาดนี้แล้ว ไม่ได้จะออกไปหาสาวๆซะหน่อย จะแต่งตัวให้มันดูดีขนาดนั้นทำไม”
“นังเด็กเวร พูดอย่างไรของเจ้าน่ะ ไม่อยากจะสนใจเจ้าแล้ว” ท่านลั่วจากไปด้วยความโกรธเคือง
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ทันทีที่เขาออกไป ทุกคนก็เหลือบมองเขาครู่หนึ่งไม่ได้สนใจอะไร เป็นเพราะรูปลักษณ์ของท่านลั่วธรรมดาเกินไป ถึงขั้นอัปลักษณ์เล็กน้อยด้วยซ้ำ
จู่ๆท่านลั่วก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา เขาไม่ได้ออกไปเดินเล่นมานานหลายปีแล้ว ประการแรกเพราะกลัวว่าฐานะจะถูกเปิดเผย ประการที่สองคือกลัวถูกคนไล่ฆ่า ตอนนี้เขากลับสามารถมองโลกภายนอกได้อย่างเปิดเผยแล้ว
แน่นอนว่า ท่านลั่วก็ไม่ได้ไปยังสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน แค่หาสถานที่ที่เงียบสงบไม่มีคนเพื่อเดินเล่นรอบๆ
และหยุนถิงที่อยู่ในเรือนเห็นว่าท่านลั่วจากไปแล้ว ก็หัวเราะแฮะๆให้กับจวินหย่วนโยว “ซื่อจื่อ ในเรือนมันน่าเบื่อเกินไป ข้าออกไปสูดอากาศหน่อยได้ไหม”
“ไม่ได้ ก่อนที่จะหายดีห้ามออกไปเด็ดขาด” จวินหย่วนโยวคัดค้านอย่างเผด็จการ
“เช่นนั้นท่านไปเรียกซูชิงโยว หยุนหลี หยุนซูมาให้ข้า ให้พวกนางมาคุยเป็นเพื่อนข้า” หยุนถิงเสนอแนะ
“ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...