จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 294

พระราชวัง ตำหนักด้านข้าง

จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงคำนับด้วยความเคารพนบนอบ: “ฝ่าบาท ข้านำหัวเชื้อหมักของกากเหล้ามา นี่คือปริมาณของสามเดือนที่ผ่านมา”

ซูกงกงตื่นเต้นอย่างยิ่ง รีบร้อนเข้ามารับไหขนาดใหญ่นั่นทันที และถวายให้กับฝ่าบาทด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง

“หยุนถิง ลำบากเจ้าแล้ว” ฮ่องเต้ปลื้มปิติอย่างมาก

เพราะมีหัวเชื้อหมักที่หยุนถิงนำมาถวาย ดังนั้นยอดขายสุราสองสามเดือนที่ผ่านมาของแคว้นต้าเยียนจึงดีมาก ผลกำไรค่อนข้างสูง เติมเต็มท้องพระคลังได้พอดี

“ได้รับใช้ฝ่าบาท ถือเป็นเกียรติของข้า” หยุนถิงตอบอย่างเคารพนบนอบ

ฮ่องเต้เห็นนางมีท่าทางที่เชื่อฟังเช่นนี้ จู่ๆก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย: “เรื่องของอินทรีทอง ถือว่าข้าผิดต่อเจ้า เจ้ามีอะไรที่อยากได้ เอ่ยปากกับข้ามาได้เลย”

“เหตุใดฝ่าบาทถึงตรัสเช่นนี้ อย่างไรเสียอินทรีทองก็โจมตีคุณหนูว่าน ลงโทษไปแล้วก็แล้วไปเถอะ” หยุนถิงกล่าวอย่างไม่แยแส

“หาได้ยาก นังหนูอย่างเจ้าจะรู้เหตุรู้ผลเช่นนี้”

ทันทีที่หยุนถิงเงยหน้าก็เห็นบนตำหนักด้านข้างมีหนังของพญาอินทรีที่มีขนติดอยู่แขวนอยู่ตัวหนึ่ง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย: “ฝ่าบาท พญานกอินทรีตัวนี้มีที่มาอย่างไรหรือ?”

“นังหนูอย่างเจ้าช่างตาแหลมจริงๆ นี่เป็นอินทรีที่ข้าล่าได้ด้วยตัวเอง ตอนช่วงเวลาการล่าในฤดูใบไม้ร่วงเมื่อหลายปีก่อน จากนั้นก็ให้คนใช้งานฝีมือพิเศษเก็บรักษาหนังที่มีขนติดนี้เอาไว้ หลายปีแล้วยังดูเหมือนใหม่อยู่เลย” ฮ่องเต้ตรัสอย่างได้ใจ

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทจะประทานนกอินทรีตัวนี้ให้ข้าได้หรือไม่!” หยุนถิงเสนอแนะ

“ในเมื่อเจ้าเอ่ยปาก ข้าก็จะมอบให้เจ้า!” ฮ่องเต้ตรัสอย่างใจกว้าง

เพียงแค่หัวเชื้อหมักอันนี้ของหยุนถิงก็ทำเงินให้กับท้องพระคลังของแคว้นต้าเยียนไม่น้อยแล้ว เจ้าเมืองของเมืองหนานหยวนก็ส่งจดหมายมาเช่นกัน บอกว่าการเก็บเกี่ยวมันเทศของที่นั่นไม่เลว ขนมมันเทศกับมันเทศอบกรอบก็ทำเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปขายให้กับเมืองที่อยู่รอบๆ ยอดขายดีมาก รายได้ค่อนข้างสูง

หาได้ยากที่หยุนถิงจะมีคำขอหนึ่งอย่าง ฮ่องเต้ย่อมต้องรับปากอยู่แล้ว

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

“ตอนเย็นข้าจะจัดงานเลี้ยง ถึงเวลานั้นคนของหอเทพเซียนก็จะมาร่วมงานด้วย เจ้ากับจวินหย่วนโยวก็มาร่วมงานเถอะ อันคำว่าเปลี่ยนความขัดแย้งให้เป็นสันติภาพ ข้าจะเป็นทูตไกล่เกลี่ยให้เอง” ฮ่องเต้ทอดถอนใจ

“ฟังคำฝ่าบาททั้งหมด”

ฮ่องเต้ให้จวินหย่วนโยวอยู่พูดคุยต่อ ดังนั้นหยุนถิงจึงหยิบอินทรีตัวนั้นแล้วก็ออกไปเลย นางถามสถานที่จัดงานกับองครักษ์แล้ว หยุนถิงก็เข้าไปเลย

งานเลี้ยงจัดขึ้นที่อุทยาน บรรดาบ่าวรับใช้ในวังยุ่งอยู่กับการจัดวางที่นั่ง ผลไม้อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารเลิศรสและสุราชั้นดี--------

หยุนถิงถามตำแหน่งที่คนของหอเทพเซียนนั่งกับบ่าวรับใช้ นางเดินเข้าไปโดยตรง แขวนนกอินทรีที่ฮ่องเต้ประทานให้ตัวนั้นเอาไว้บนเสาตรงข้ามโต๊ะ

“หยุนถิง เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” องค์ชายสี่เดินเข้ามาถาม

“ท่านมาได้จังหวะพอดี ช่วยข้าถือนกอินทรีไปทางนั้นหน่อย ข้าจะดูตำแหน่ง” หยุนถิงกล่าวอย่างไม่เกรงใจ

โม่ฉือชิงเข้ามาช่วยทันที ทั้งสองคนทำการทดลองหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดหยุนถิงก็ระบุตำแหน่ง ก็แขวนนกอินทรีตัวนั่นขึ้นไป

“นี่คือนกอินทรีของฝ่าบาท เพื่อเป็นการแสดงถึงการให้ความสำคัญต่อหอเทพเซียนในคืนนี้ จึงให้ข้าแขวนเอาไว้ที่นี่โดยเฉพาะ หากใครกล้าแตะต้องนกอินทรีตัวนี้ ฝ่าบาทจะไม่อภัยให้เด็ดขาด!” หยุนถิงกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา

“ขอรับ” ทุกคนล้วนคำนับด้วยความเคารพนบนอบ ย่อมไม่มีใครกล้าไปแตะต้องอยู่แล้ว

“เจ้าแขวนนกอินทรีตัวนี้ทำไมกัน?” โม่ฉือชิงงุนงง

“เดี๋ยวคืนนี้ท่านก็รู้เอง”

ไม่ช้าก็ตกกลางคืน ทุกคนของหอเทพเซียนมาที่พระราชวังก่อนเวลา องครักษ์เฝ้าประตูวังพาพวกเขาเข้ามา และกงกงก็เดินนำพวกเขาเข้ามา

ตำแหน่งของทุกคนล้วนถูกกำหนดเอาไว้แล้ว มู่เซียวเซียวและคนอื่นๆนั่งลงไปในที่นั่ง

หยุนถิงมองดูตำแหน่งของมู่ว่านว่านครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยมีความเฉียบคมแว๊บผ่านไปเล็กน้อย จับมือของจวินหย่วนโยวเอาไว้ และเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน

ฮ่องเต้กับเหมยเฟย และหลิ่วเฟยก็มาร่วมงานด้วยเช่นกัน ขันทีตะโกนเสียงดังคำหนึ่ง ทุกคนก็ลุกขึ้นมาคำนับด้วยความเคารพนบนอบทันที

มู่ว่านว่านยังคงรู้สึกหวาดผวาในใจ มองไปทางพี่ใหญ่ ถึงได้ฝืนสงบสติอารมณ์ลงมา: “ข้าทราบแล้วพี่ใหญ่”

“ดูท่าสุขภาพของคุณหนูว่านยังไม่หายดี แต่ทำไมข้าได้ยินมาว่าตอนที่คุณหนูว่านถือดาบตัดคอของอินทรีทอง เคร่งขรึมน่าเกรงขามมาก!” เหมยเฟยกล่าวเสียงเย็นชา

สีหน้าของมู่ว่านว่านซีดขาวมากขึ้นเล็กน้อย คุกเข่าลงไปกับพื้นทันที

“ฝ่าบาท ว่านว่านได้รับความโปรดปรานจากท่านเจ้าหอมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงลืมขอบเขตไปชั่วขณะหนึ่ง ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วย” ผู้อาวุโสรองเอ่ยปาก

“ไม่เป็นไร วันนี้ข้ามีความสุข เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ อย่าไปเอ่ยถึงมันอีกเลย” ฮ่องเต้ตรัส

“พ่ะย่ะค่ะ”

นางกำนัลนำถ้วยสุราอันใหม่มาให้ ครั้งนี้มู่ว่านว่านไม่กล้าไปรับ

นัยน์ตาของหยุนถิงมีความเย็นชาแว๊บผ่านไปเล็กน้อย ยกถ้วยสุราขึ้นมา ก็เดินไปฝั่งตรงข้าม

“ข้าคือเจ้านายของอินทรีทอง อินทรีทองของข้าทำร้ายคุณหนูรอง คุณหนูรองเองก็ตัดหัวของอินทรีทองกับมือแล้ว ระหว่างเราถือว่าไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว สุราถ้วยนี้ข้าดื่มคารวะเจ้า นับแต่นี้ไปเจ้ากับข้าเปลี่ยนความขัดแย้งให้เป็นสันติภาพ ไปมาหาสู่กันดีๆเถิด” หยุนถิงกล่าวจบ ก็เงยหน้าดื่มจนหมด

ฮ่องเต้ที่อยู่บนที่สูงเห็นภาพฉากนี้ เลิกคิ้วหล่อเหลาขึ้นเล็กน้อย นี่ไม่เหมือนนิสัยของหยุนถิงเลย

ซวนอ๋องที่อยู่ด้านข้างหรี่นัยน์ตาดำลงเล็กน้อย เท่าที่เขารู้จักหยุนถิง นังหนูคนนี้เจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นนี้ ทำไมถึงยอมปล่อยมู่ว่านว่านไปอย่างง่ายดายขนาดนี้ นี่มันไม่ค่อยปกติเท่าไหร่เลย

หลีอ๋องโม่ฉือหานเห็นภาพฉากนี้ มือที่จับถ้วยสุราเอาไว้กระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย ชำเลืองไปทางจวินหย่วนโยว

เขาโปรดปรานหยุนถิงคนเดียวมาตลอดไม่ใช่หรือ ตอนนี้อินทรีทองของหยุนถิงถูกมู่ว่านว่านตัดหัวแล้ว เขากลับไม่มีการแสดงออกอะไรเลยแม้แต่น้อย ยังให้หยุนถิงริเริ่มแสดงความเป็นมิตรก่อน ไม่เป็นผู้ชายเลยจริงๆ

บนใบหน้าของมู่ว่านว่านมีความได้ใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าหยุนถิงผู้อยู่เหนือมวลชน จะริเริ่มแสดงความเป็นมิตรต่อตัวเอง

อย่างไรเสียที่นี่ก็คือพระราชวัง และอยู่ต่อหน้าฝ่าบาท มู่ว่านว่านถึงได้ยกถ้วยสุราขึ้นมาอย่างได้ใจ: “ในเมื่อเจ้าพูดถึงขนาดนี้แล้ว

จากนั้นมู่ว่านว่านก็ก้มหน้ากำลังจะดื่มสุรา แต่แล้วก็มองเห็นอินทรีทองในถ้วยสุราอีก ทำให้นางตกใจจนตัวสั่น สุราที่อยู่ในมือก็หกออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ