แคว้นต้าเยียน เรือนนอกเมืองหลวง
วันแรกของเทศกาลเก็บเกี่ยวถูกจัดขึ้นมาอย่างคึกคัก หนึ่งวันเสร็จสิ้นลงคนที่มาเก็บผลผลิตก็พากันกลับไปแล้ว เรือนนอกเมืองและรถเข็นแต่ละบ้านล้วนทำกำไรได้มากมาย
องค์ชายสี่ถือกล่องไม้ขนาดใหญ่เห่ออย่างได้ใจ “คิดไม่ถึงจริงๆว่า รายได้ของวันนี้ก็มีหลายหมื่นตำลึงแล้ว เทียบได้กับหอชุนเฟิงเลยนะเนี่ย”
“ดูท่าทางอวดดีของท่านสิ ระวังระหว่างทางกลับไปจะถูกปล้นนะ!” โม่หลานกล่าวอย่างดูหมิ่น
“นังเด็กบ้า ข้าว่าเจ้าอิจฉาตาร้อนมากกว่ามั้ง บอกมาสิว่าวันนี้เจ้าทำกำไรได้เท่าไหร่?” โม่ฉือชิงถาม
“น้อยกว่าของท่าน แต่ก็มากกว่าที่ข้าคาดการณ์เอาไว้ เพียงพอให้ข้าซื้อกระบี่ชั้นดีเล่มหนึ่งแล้ว” โม่หลานกล่าวอย่างได้ใจ
“ไม่เอาไหนจริงๆ แค่นี้ก็พอใจแล้ว นังเด็กบ้าหากเจ้าประจบข้าตอนนี้ ข้ากินเนื้อจะให้เจ้าดื่มน้ำซุป”
“ชิ ข้าไม่สนใจดื่มน้ำซุปของท่านหรอก”
“ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว ต่อไปเจ้าจะต้องร้องไห้มาอ้อนวอนข้า!” โม่ฉือชิงกล่าวอย่างหยิ่งทะนง
“เหอะๆ!”
ทางด้านนี้นางจ้าวกับหยุนหลิงเห็นจำนวนเงินที่อยู่ในสมุดบัญชี ไม่มีเวลาสนใจคนอื่นๆแล้ว สองแม่ลูกตื่นเต้นอย่างมาก
“หลิงเอ๋อร์ แค่วันหนึ่งก็มีเงินเข้าบัญชีสองพันกว่าตำลึงแล้ว เงินมากมายขนาดนี้ แม่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก โชคดีที่พี่สาวของเจ้าให้โอกาสดีๆในการหาเงินเช่นนี้แก่เรา” นางจ้าวตื่นเต้นอย่างยิ่ง
หยุนหลิงก็ตกตะลึงไปเช่นกัน “ใช่แล้วท่านแม่ นี่เพิ่งจะวันเดียวเท่านั้นเอง”
“มิน่าถึงว่ากันว่าพี่ใหญ่ของเจ้าคืออัจฉริยะทางการค้า ต่อไปเราจะต้องอยู่ร่วมกันกับพี่ใหญ่ของเจ้าให้ดี พี่ใหญ่ของเจ้าก็คือเทพแห่งความมั่งคั่งของเรา” นางจ้าวกล่าวกำชับ
“เข้าใจแล้วท่านแม่” หยุนหลิงกล่าวอย่างไม่เต็มใจ
ถึงแม้นางจะเกลียดหยุนถิงแทบตาย แต่ต้องยอมรับและนับถือในความสามารถทางการค้าของนาง เช่นนี้ก็ดีเหมือนกันรอให้เก็บเงินได้มากพอแล้วค่อยแก้แค้นหยุนถิง
โม่ฉือหานก็อยู่ทั้งวันไม่ได้กลับไป ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยความเย็นชา แต่รายได้ของวันนี้ก็มีห้าหกพันตำลึงเช่นกัน
อย่างไรเสียหลีอ๋องก็เป็นน้องชายของฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน ได้รับความสำคัญอย่างมาก คนมากมายอยากจะประจบประแจงยังไม่มีโอกาส ตอนนี้จวนหลีอ๋องขายอาหาร ทุกคนย่อมแย่งกันซื้ออยู่แล้ว
โม่ฉือหานมองดูสมุดบัญชีก็ตกตะลึงไปเช่นกัน สมกับที่เป็นหยุนถิง นาทีนี้ในที่สุดโม่ฉือหานก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเจ้าสี่ถึงได้ปล่อยวางฐานะและเกียรติก็จะร่วมมือกับหยุนถิงให้ได้
หยุนถิง ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงมุมมองจริงๆ หากตัวเองไม่ได้ปฏิบัติต่อนางเช่นนั้น บางทีตอนนี้จวนหลีอ๋องก็ร่ำรวยมหาศาลแล้ว
ทันทีที่นึกถึงนางกับจวินหย่วนโยว โม่ฉือหานก็เสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในตอนนั้น แต่เขาก็รู้ว่าเขากับหยุนถิงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว สั่งให้คนไปสร้างรถเข็นเพิ่มอีกสิบคันทันที การค้าที่ทำกำไรเช่นนี้ เขาย่อมต้องคว้าโอกาสเอาไว้อยู่แล้ว
ข่าวการจัดงานเทศกาลเก็บเกี่ยวผ่านไปอย่างราบรื่นถูกส่งไปถึงหูของฮ่องเต้ ฟังการรายงานของสาย ฮ่องเต้ยินดีอย่างยิ่ง ออกคำสั่งให้นำแนวทางการดำเนินการของการเก็บผลผลิตไปยังทั่วทั้งแคว้นต้าเยียน
เทศกาลเก็บเกี่ยวทุกครัวเรือนมีรายได้ ล้วนให้คนเตรียมเอาไว้มากๆ ทั่วทั้งด้านนอกของเรือนนอกเมืองเสียงผู้คนจอแจ เดินขวักไขว่ไม่ขาดสาย ครึกครื้นอย่างมาก
พริบตาเดียวก็ถึงวันคัดเลือกหญิงงามเข้าวังแล้ว
ตอนเช้าตรู่ โม่หลานแต่งกายเรียบร้อยนั่งรถม้าของตัวเองเข้าไปในพระราชวัง
เพียงแต่ว่านางรอไปนานมาก เห็นผู้หญิงคนอื่นๆล้วนเข้ามาแล้ว ยังไม่เห็นซูชิงโยวกับฉินจิ้งอี๋
“ทำไมสองคนนี้ยังไม่มาอีก คงจะไม่ได้นอนตื่นสายใช่ไหม ไม่น่านี่นา” โม่หลานบ่นพึมพำ
รถม้าขององค์ชายสี่หยุดแล้ว โม่ฉือชิงเดินลงมา เห็นโม่หลานมองซ้ายมองขวาก็วิ่งเข้าไปทันที “ไม่ต้องรอแล้ว ซูชิงโยวกับฉินจิ้งอี๋ไม่มาหรอก”
โม่หลานกลอกตามองเขาครู่หนึ่ง “ท่านรู้ได้อย่างไร?”
“เจ้าไม่รู้หรือว่า หยุนถิงช่วยขอราชโองการให้พวกนาง ฝ่าบาทรับปากไม่ให้พวกนางสองคนเข้าวังแล้ว” โม่ฉือชิงกล่าวตอบ
ไม่เป็นอะไรสักอย่าง แล้วยังจะมาเข้าร่วมการคัดเลือกอะไรกันอีก
“เสด็จพี่ นางคือท่อนไม้ที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่มีอะไรดีสักอย่าง หากพระองค์ให้นางเข้าวัง เกรงว่าทั่วทั้งวังหลังคงไม่ได้สงบสุขแน่!” โม่ฉือชิงเบะปากกล่าวออกมา
โม่หลานจ้องมองมาด้วยความโกรธ “ท่านต่างหากที่เป็นท่อนไม้ที่ไม่รู้อะไรเลย ใครบอกว่าข้าไม่มีอะไรดีสักอย่าง ข้าตีรันฟันแทงเป็น ความฝันของข้าก็คือการออกไปสู้รบในสนามรบ ปราบกบฏเพื่อฝ่าบาทเหมือนกับพี่ใหญ่ของข้า!”
ขณะที่โม่หลานกล่าวไป ก็ร่ายรำวิชามวยขึ้นมาทันที
เห็นหญิงสาวที่อ่อนโยนเพียบพร้อมไปด้วยศีลธรรมอันดีงามจนชิน จู่ๆก็มีหญิงสาวที่กล้าหาญตรงไปตรงมาอย่างโม่หลานโผล่มา ฮ่องเต้ที่เดิมทีรู้สึกเบื่อหน่ายจู่ๆก็เกิดความสนใจขึ้นมา
จนกระทั่งโม่หลานรำมวยจบ ฮ่องเต้พอพระทัยอย่างยิ่ง “พยัคฆ์ย่อมไม่ออกลูกเป็นสุนัขจริงๆ ไม่เลว อาศัยการรำมวยชุดนี้โม่หลานอยู่ต่อ!”
ขันทียื่นถาดเข้ามาทันที ข้างบนมีดอกไม้วางอยู่หนึ่งดอก
โม่หลานชะงักงันไปทันที จากนั้นใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เดิมทีนางคิดอยากจะให้ฝ่าบาทรู้สึกว่านางหยาบคายเหลือทน ไม่ให้นางเข้าวัง ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองทำมันพังไปล่ะ
“คุณหนูโม่ ยังไม่ขอบพระทัยอีก” กงกงที่อยู่ด้านข้างกล่าวเตือนสติทันที
โม่หลานยิ้มได้น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก ถึงได้รับดอกไม้ดอกนั้นมาอย่างไม่เต็มใจ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ประทานดอกไม้”
โม่ฉือชิงมองดูนางถือดอกไม้ดอกนั้นเอาไว้ ไม่รู้ว่าทำไม หน้าอกรู้สึกอึดอัด หดหู่ พูดไม่ถูกอธิบายไม่ได้
และหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวที่อยู่ไกลถึงแคว้นเป่ยลี่ย่อมได้รับข่าวจากทางแคว้นต้าเยียนแล้วเช่นกัน จวินหย่วนโยวขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “โม่หลานเข้าวังแล้ว เจ้าไม่เป็นกังวลสักนิดเลยหรือ?”
ตอนนั้นหยุนถิงเป็นตัวแทนขอร้องให้ซูชิงโยวกับฉินจิ้งอี๋ แต่กลับไม่ได้พูดขอร้องให้โม่หลานคนเดียว นางสนิทกับโม่หลานไม่ใช่หรือ
หยุนถิงยกมุมปากขึ้นมา “ตอนนั้นข้าเป็นตัวแทนขอร้องฝ่าบาท ชะตากรรมของซูชิงโยวกับฉินจิ้งอี๋แล้วก็ลูกสาวตระกูลหยุนก็เพียงพอแล้ว หากเพิ่มลูกสาวของแม่ทัพใหญ่อีกคนฝ่าบาทต้องคิดว่าข้าได้คืบจะเอาศอกอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นด้วยนิสัยของโม่หลาน ถึงแม้นางจะเข้าวังก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ได้นาน วางใจเถอะ ข้ารู้อยู่แก่ใจ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...