จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 937

พวกเขาพูดไม่ออกในทันที ใครจะไปคิดว่าเด็กๆเหล่านี้ก็มาเข้าร่วมการแข่งขันด้วยเช่นกัน และพวกเขาก็ถูกกวาดล้างไปทั้งกลุ่มด้วยประการเช่นนี้

“นึกไม่ถึงว่าเราจะแพ้ให้กับเด็กๆเหล่านี้ ต่อไปข้าไม่มีหน้าอยู่ต่อแล้ว” หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

“ก็นั่นน่ะสิ พวกเราไม่ได้ระวังตัวเลยด้วยซ้ำ”

“ท่านแม่ข้าบอกแล้วว่า อย่าได้ดูถูกเด็กเด็ดขาด ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ต่อไปพวกเจ้าก็ระมัดระวังกันหน่อยแล้วกัน” จวินเสี่ยวเทียนกล่าวด้วยท่าทางผู้ใหญ่น้อยคนหนึ่ง

ทุกคนรู้สึกขบขันไปกับเขา “ซื่อจื่อน้อยกล่าวได้ถูกต้องอย่างยิ่ง หลังจากเหตุการณ์นี้ต่อไปข้าไม่กล้าดูถูกเด็กอีกแล้ว”

ทุกคนส่งอาหารและอาวุธออกมาทันที จากนั้นก็พากันจากไป

“เรามาแบ่งอาหารพวกนี้กันเถอะ ส่วนอาวุธเด็กๆอย่างพวกเจ้าเอาลูกธนูไร้หัว คันธนูข้ากับเสี่ยวอันจื่อจะแบกเอาไว้” หยุนเสี่ยวลิ่วกล่าว

“ตกลง ฟังคำสั่งน้าเล็ก”

หลงเอ้อและคนอื่นๆที่อยู่ในที่ลับยังอดที่จะเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อหยุนเสี่ยวลิ่วไม่ได้ เจ้าหมอนี้มีไหวพริบจริงๆ ถึงกับคิดวิธีนี้ได้ แต่ว่าพวกเขาก็ไม่กล้าประมาท จ้องมองทางด้านนี้จากในที่ลับตลอด ด้วยกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเด็กๆ

จากนั้นหยุนเสี่ยวลิ่วก็พาทุกคนเดินหน้าต่อไป ใช้แผนการเดียวกันกำจัดไปอีกสามกลุ่ม แต่ว่าครั้งสุดท้ายถูกคนของกลุ่มจี้อวี๋ที่กำลังตรวจสอบภูมิประเทศเห็นเข้าพอดี

คนผู้นั้นนำสิ่งที่เห็นกลับไปบอกจี้อวี๋ทันที “แม่ทัพจี้ ท่านว่าควรทำอย่างไรดี หยุนเสี่ยวลิ่วพวกเขาพาเด็กๆกวาดล้างกลุ่มอื่นๆ คิดไม่ถึงว่าจวินซื่อจื่อจะให้เด็กเข้าร่วมการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงที่อันตรายขนาดนี้?”

จี้อวี๋ขมวดคิ้ว “ในเมื่อจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงกล้าให้พวกเขาเข้าร่วม ก็ต้องส่งคนปกป้องอย่างลับๆแน่นอน คาดว่าคงอยากจะฝึกพวกเด็กๆ

เราไม่ต้องไปสนใจ ชนะพวกเด็กๆพูดออกไปก็ไม่ได้ดูดีอะไร พ่ายแพ้ก็ยิ่งขายหน้า ถ้าหากไม่ระวังทำให้พวกเขาบาดเจ็บหยุนถิงยังจะไม่สู้สุดชีวิตกับเราหรอกหรือ ดังนั้นเราคอยหลบเอาไว้ก็พอ

ทุกคนไล่ตามกองทัพของโม่ฉีเฟิงต่อไป ขอเพียงชนะพวกเขานั่นก็คือที่หนึ่ง คนอื่นล้วนไม่ควรค่าให้หวาดกลัว

“แม่ทัพจี้กล่าวถูกต้องแล้ว เด็กพวกนี้เราไม่สามารถยั่วยุได้” ความเห็นของทุกคนตรงกัน เดินหน้าต่อไปทันที

ระหว่างทาง พวกเขาก็กวาดล้างไปหลายกลุ่ม ในที่สุดในตอนฟ้ามืดก็หากลุ่มของโม่ฉีเฟิงเจอ

ไม่ไกลออกไป โม่ฉีเฟิงกำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนพื้น แขนเสื้อของเขาเป็นรอยถลอก เสื้อผ้าก็สกปรกเล็กน้อยแถมยังมีฝุ่นติดอยู่ แต่เขากลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย อยู่ในสภาพที่ดูไม่เลว

จี้อวี๋ที่อยู่ในที่ลับมองสังเกตคนพวกนั้นอย่างละเอียด “ฝ่ายตรงข้ามมีแปดคน เราบุ่มบ่ามโจมตีตอนนี้ไม่มีข้อได้เปรียบ รอกลางดึกเมื่อทุกคนนอนหลับแล้วค่อยฉวยโอกาสจู่โจมตอนที่พวกเขาไม่ทันได้ระวังตัว”

“ขอรับ!” ทุกคนเห็นด้วยกันหมด

หยุนเสี่ยวลิ่วและคนอื่นๆที่อยู่ทางด้านนี้เมื่อเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว ก็พาทุกคนหาสถานที่พักผ่อนทันที

“น้าเล็ก ข้ากลัวความมืด” จวินเสี่ยวเหยียนกล่าวด้วยความขี้ขลาด

“น้าเล็กข้าก็กลัวความมืดเหมือนกัน” หยวนเป่าคล้อยตาม

“เสี่ยวเหยียนกลัวความมืดก็ช่างมันเถอะ หยวนเป่าเจ้าตัวอ้วนอย่างกับหมู ยังจะกลัวความมืดอีก?” หยุนเสี่ยวลิ่วถามกลับ

“ถึงแม้ข้าจะเป็นหมู ข้าก็กลัวความมืดนี่นา” หยวนเป่ากล่าวด้วยความน้อยใจ

เขาถูกหลู่อ๋องกับหลู่หวางเฟยเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงมตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเข้าพื้นที่ล่าสัตว์มาก่อน หากไม่ใช่ว่ามีจวินเสี่ยวเหยียนอยู่ด้วย ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่มา

หยุนเสี่ยวลิ่วยังรู้สึกขบขันไปกับเขา “ไปกันเถอะ ข้าพาพวกเจ้าไปยังสถานที่ดีๆ”

หยุนเสี่ยวลิ่วพาพวกเขาไปที่ไหล่เขาแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ปีนลงไปตามไหล่เขา ดึงวัชพืชออกบนพื้นก็มีไม้กระดานยาวครึ่งเมตรปรากฏขึ้นมา หยุนเสี่ยวลิ่วเปิดมันออก

“เข้าไปเถอะ ที่นี่เป็นความลับของข้ากับเสี่ยวอันเชียวนะ”

“ความลับอะไร?” จวินเสี่ยวเทียนอยากรู้อยากเห็นอย่างยิ่ง ปีนลงไปอย่างระมัดระวัง

เมื่อเด็กคนอื่นๆเห็นก็ปีนตามลงไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้ทางเข้าจะไม่ใหญ่ แต่ด้านในกลับมีอีกดินแดนหนึ่ง

เสี่ยวอันจื่อเข้ามาเป็นคนสุดท้าย นำไม้กระดานมาปิดทางออกเอาไว้ มือข้างหนึ่งก็จัดวางวัชพืชที่อยู่ด้านนอกอีกครั้ง ให้มันกลับสู่สภาพเดิมแล้วถึงได้ปิดตายทั้งหมด

หยุนเสี่ยวลิ่วถึงได้โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง แอบพูดกับเสี่ยวอันจื่อประโยคหนึ่ง “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าการเลี้ยงเด็กมันเหนื่อยกว่าการออกรบเสียอีก ต่อไปข้าไม่ให้กำเนิดลูกแล้ว”

เสี่ยวอันจื่อกลอกตามองเขาครู่หนึ่ง “หากเจ้าไม่ให้กำเนิด หยุนเฉิงเซี่ยงจะไม่ไล่ตีเจ้าจนขาหักหรือ”

“เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ แต่ว่าข้าวิ่งเป็นนี่นา อย่างไรเสียท่านพ่อข้าเขาแก่แล้วไล่ตามข้าไม่ทันหรอก” หยุนเสี่ยวลิ่วก็นอนลงเช่นกัน

และหลงเอ้อกับคนอื่นๆที่อยู่ด้านนอกอุโมงค์ฟังเสียงความเคลื่อนไหวที่อยู่ข้างในอยู่ตลอด จนกระทั่งไม่มีเสียงเคลื่อนไหวแล้ว หลงซานกับหลงเอ้อและคนอื่นๆถึงได้วางใจ

ด้านนอกพื้นที่ล่าสัตว์ หยุนถิงและอื่นๆอยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำ กลางคืนก็เลยกินแกะย่างทั้งตัวโดยตรง ฝีมือการทำอาหารของหยุนถิงเป็นที่ยอมรับของทุกคนว่าอร่อย

ฮ่องเต้อารมณ์ดีอย่างมาก กินน่องแกะย่างและตรัสถามว่า “หยุนถิง เจ้าไม่ห่วงพวกเด็กๆจริงหรือ?”

“เป็นห่วงสิ แต่เมื่อถึงเวลาที่ควรปล่อยมือก็ต้องปล่อยมือ มีหลงเอ้อพวกเขาอยู่ด้วยไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก ตอนนี้ก็ยังไม่ออกมาแสดงว่าพวกเขาราบรื่นมาก” หยุนถิงตอบ

“ถ้าหากแก้วตาดวงใจของข้าได้รับบาดเจ็บ ต่อไปก็อย่ามาเรียกข้าว่าพ่ออีก” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าวด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“ท่านพ่อ ท่านอย่าโกรธไปเลย ไม่แน่ว่าพวกเขายืนหยัดจนถึงสุดท้ายแล้วก็ชิงที่หนึ่งกลับมาได้ล่ะ” หยุนถิงกล่าวเย้าแหย่

“ใครสนใจที่หนึ่งกัน”

โม่เหลิ่งเหยียนกับหยุนไห่เทียนเดินเข้ามาจากไม่ไกลออกไป “วางใจเถอะ เด็กๆทุกคนยอดเยี่ยมมาก พวกเขากำจัดไปหลายกลุ่มแล้ว”

พวกเขาสองคนรับผิดชอบการลาดตระเวนพื้นที่ล่าสัตว์ พวกเขาจะเข้าไปลาดตระเวนเป็นระยะๆ ย่อมให้ความสำคัญกับเรื่องของพวกเด็กๆมากอยู่แล้ว

ได้ยินคำพูดของซวนอ๋อง หยุนเฉิงเซี่ยงรู้สึกดีใจอย่างมาก “สมกับที่เป็นแก้วตาดวงใจของข้า เก่งจริงๆ!”

“เมื่อครู่นี้ใครบอกว่าเป็นห่วงกัน?” หยุนถิงถามกลับ

“ในฐานะที่ข้าเป็นท่านตาเป็นห่วงก็สมควรอยู่แล้ว แต่ว่าดึกขนาดนี้แล้ว พวกเขานอนที่ไหนกัน กลางคืนน้ำค้างมากเป็นหวัดไปจะทำอย่างไร?” หยุนเฉิงเซี่ยงเป็นห่วงขึ้นมาอีก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ