“เรื่องนี้ท่านพ่อก็ยิ่งไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว หยุนเสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อพาพวกเด็กๆไปที่อุโมงค์ใต้ดินแล้ว มันเป็นหลุมใหญ่ที่หยุนเสี่ยวลิ่วแอบขุดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ข้างในมีอาหารและเครื่องดื่ม สบายอย่างมาก เวลานี้พวกเด็กๆคงจะนอนหลับสบายอยู่ข้างในแล้ว” หยุนไห่เทียนตอบ
เรื่องที่หยุนเสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อไปขุดอุโมงค์หลังเที่ยงคืนทุกคืน หยุนไห่เทียนรู้อย่างชัดเจน เพียงแต่ไม่เคยเปิดโปงเขามาก่อน เพราะถึงอย่างไรมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนัก
“สมกับที่เป็นลูกชายของข้า ฉลาดมากจริงๆ ยังรู้จักขุดหลุมเอาไว้ล่วงหน้า ไม่เลวๆ” หยุนเฉิงเซี่ยงหมดกังวลในทันที
ฮ่องเต้เห็นดังนั้น ก็อดที่จะเลิกคิ้วขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน หยุนเสี่ยวลิ่วคนนี้เจ้าเล่ห์มากจริงๆ ถึงกับคิดขุดหลุมเอาไว้ล่วงหน้า เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน
หากลูกๆของหยุนถิงได้รับบาดเจ็บหรือเป็นหวัดจริงๆ ถึงแม้พวกเขาจะสมัครใจเอง แต่อย่างไรเสียตนเองก็เป็นฮ่องเต้ ย่อมไม่สามารถเพิกเฉยได้อยู่แล้ว
“ท่านพ่อ ทีนี้ท่านหมดกังวลแล้ว กินเยอะๆหน่อยเถอะ” หยุนถิงใช้มีดสั้นหั่นเนื้อแกะย่างแล้วยื่นมาให้หนึ่งชิ้น
“กิน ต้องกินให้เยอะๆ” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าวอย่างมีความสุข
และทางด้านนี้ ในที่สุดจี้อวี๋ก็รอจนถึงหลังเที่ยงคืน เมื่อเห็นคนของโม่ฉีเฟิงนอนหลับไปหมดแล้ว คนที่อยู่รับผิดชอบการเฝ้าระวังคนนั้นก็สับปหงกแล้ว จี้อวี๋ไม่ได้ลอบโจมตีทันที แต่เดินไปที่ทางลม หยิบห่อกระดาษออกมาจากแขนแล้วโรยไปในอากาศ
“แม่ทัพจี้ นี่คืออะไร?” คนผู้หนึ่งถาม
“ผงยาที่ทำให้คนหมดสติ หากเราสามารถทำลายโม่ฉีเฟิงโดยไม่ต้องเปลืองแรงแม้แต่น้อย จะไม่ยิ่งดีกว่าหรอกหรือ” จี้อวี๋กล่าวอย่างได้ใจ ปิดจมูกและปากโรยต่อไป
และโม่ฉีเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนไม่ไกลออกไป ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในป่า ลืมตาที่หลับอยู่เล็กน้อยขึ้นมาทันที มองไปบางแห่งด้วยสายตาที่น่าเกรงขาม ลูกธนูไร้หัวที่อยู่ในมือก็ยิงออกไป
“ใคร!”
คนอื่นๆที่กำลังพักผ่อนสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที พากันมองไปบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง
และจี้อวี๋ที่กำลังโรยยาได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธของโม่ฉีเฟิง ก็หลบออกไปโดยสัญชาตญาณ แต่คนที่อยู่ข้างกายนางคนนั้นกลับตอบสนองกลับมาไม่ทัน ถูกลูกธนูของโม่ฉีเฟิงยิงเข้าพอดี
“โง่จริงๆ เช่นนั้นข้าถอยก่อนแล้ว เจ้าก็บอกว่าเจ้าเป็นคนโรยแล้วกัน” จี้อวี๋กล่าวจบก็ยัดห่อกระดาษให้กับคนผู้นั้น และหนีไปทันที
โม่ฉีเฟิงวิ่งเข้ามา ก็เห็นคนผู้นั้นยืนตะลึงงันอยู่ ในมือยังถือห่อกระดาษเอาไว้
“เจ้าเป็นคนลอบโจมตีหรือ?”
คนผู้นั้นตกใจจนตัวสั่น ในใจรู้สึกเสียใจภายหลังแทบตาย รู้อย่างนี้เขาไม่มาตั้งแต่แรกแล้ว “แม่ทัพโม่ไว้ชีวิตด้วย”
โม่ฉีเฟิงกวาดมองบริเวณโดยรอบครู่หนึ่ง ก็เห็นพุ่มหญ้าที่ห่างออกไปไกลเคลื่อนไหวเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่ามีคนหนีไปแล้ว ก็เข้าใจในทันที
“เจ้าตกรอบแล้ว ไปเถอะ”
“ขอบคุณแม่ทัพโม่ที่ไม่ถือสา” คนผู้นั้นรีบจากไปทันที
คนอื่นๆในกลุ่มก็รีบเข้ามาทันที ทันทีที่เห็นห่อกระดาษที่อยู่บนพื้น “เพื่อที่จะเอาชนะถึงกับใช้วิธีที่สกปรกแบบนี้ น่าละอายจริงๆ!”
“เขาไม่มีความกล้าเช่นนี้หรอก ทุกคนระวังกันด้วย” โม่ฉีเฟิงกล่าว
“ขอรับ!”
จี้อวี๋ที่หนีไปไกล เห็นว่าโม่ฉีเฟิงไม่ได้ไล่ตามมา ก็โล่งอกทันที โชคดีที่ตัวเองมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว มิเช่นนั้นชีวิตคงจะหาไม่แล้ว การได้ยินของโม่ฉีเฟิงคนนี้ช่างเฉียบไวจริงๆ
ต่อจากนั้นจี้อวี๋ก็ให้คนทำกับดักอีกหลายอัน แต่โม่ฉีเฟิงกลับเหมือนรู้อยู่แล้ว เขากับคนของเขาไม่ติดกับเลยด้วยซ้ำ จี้อวี๋โกรธจนแทบอยากจะกระอักเลือด เสียเวลาเปล่าจริงๆ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันของวันที่สองแล้ว หากไม่สามารถกำจัดโม่ฉีเฟิงได้อีก เช่นนั้นพรุ่งนี้ก็ไม่มีโอกาสแล้ว
“ในเมื่อกับดักไม่ได้ เราก็ลอบโจมตีโดยตรง!” จี้อวี๋เอ่ยปาก ชำเลืองไปทางดวงอาทิตย์ที่แผดเผาอยู่บนเหนือศีรษะครู่หนึ่งก็มีความคิดเข้ามาในหัว
“พวกเราล้วนฟังคำสั่งของแม่ทัพจี้” ทุกคนรีบสรุปแผนการกับจี้อวี๋ทันที
พวกเขารอไปอีกประมาณครึ่งชั่วยาม และเมื่อดวงอาทิตย์อยู่กลางท้องฟ้า จี้อวี๋หยิบแว่นขยายออกมาจากกระเป๋า อาศัยการสะท้อนกลับของแสงอาทิตย์ส่องไปทางโม่ฉีเฟิงโดยตรง
เพราะเหตุผลเป็นรอง ชั่วขณะหนึ่งโม่ฉีเฟิงรู้สึกอายที่จะโจมตีอีก ทำได้เพียงป้องกัน ถอยหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่แล้วใต้เท้าของเขาไม่ทันได้ระวัง คนทั้งคนก็ตกลงไปในกับดัก และจี้อวี๋ที่โจมตีเข้ามา หมัดยังไม่ได้ทันเก็บกลับไป ก็ถูกโม่ฉีเฟิงจับเอาไว้โดยสัญชาตญาณ ทั้งสองคนตกลงไปในกับดักพร้อมกัน
“อ๊าก!”
เมื่อทุกคนที่มุงดูเห็นดังนั้น ก็รีบวิ่งเข้ามาทันที เพียงแต่เมื่อเห็นหลุมใหญ่ที่ลึกสิบกว่าเมตรนั่น บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ ซึ่งมันลื่นและลงไปช่วยคนได้ยาก
และจี้อวี๋ที่ตกลงไปทับอยู่บนตัวของโม่ฉีเฟิงพอดี บังเอิญทั้งสองคนต่างก็หมดสติไปด้วยกันทั้งคู่
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ว่าจะลงไปช่วยคนอย่างไรอยู่นั้น คนคนหนึ่งก็เอ่ยปากขึ้นมา “อย่าไปเสียเวลาเลย ข้าว่าแม่ทัพจี้ใส่ใจแม่ทัพโม่อย่างมาก สองสามวันมานี้ไล่ตามแม่ทัพโม่อยู่ตลอด บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสเหมาะพอดีก็เป็นได้”
ข้าได้ยินมาว่า กับดักอันนี้ก็คือหลุมกับดักสัญลักษณ์แห่งความรักของแม่ทัพหยุนกับคุณหนูซู ไม่แน่ว่าแม่ทัพโม่กับแม่ทัพจี้ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องราวดีๆก็ได้”
“ข้าก็รู้สึกว่าแม่ทัพจี้ชอบแม่ทัพโม่เหมือนกัน” คนคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างเห็นด้วย
คนอื่นๆก็คิดว่ามีเหตุผลในทันที พวกเขาถอนตัวออกไปทันที
ทางด้านนี้ หยุนเสี่ยวลิ่วและคนอื่นๆตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืนของวันรุ่งขึ้นแล้ว ทุกคนไม่ได้รีบร้อนที่จะออกไป แต่กินอิ่มดื่มและพักผ่อนจนพอใจถึงได้ออกมา
เด็กๆทุกคนอยู่ในสภาวะที่ดีมากเป็นพิเศษ เดินหน้ากันต่อไป ไม่กลัวว่าคนอื่นจะลอบโจมตีพวกเขาเลยแม้แต่น้อย อย่างไรเสียใครก็คงไม่หน้าด้านลอบโจมตีเด็ก
วันนี้กลุ่มคนน้อยลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด เดินไปตั้งนานพวกเขาเพิ่งจะกำจัดไปแค่กลุ่มเดียว เดินไปอีกประมาณครึ่งชั่วยาม จู่ๆจวินเสี่ยวเหยียนก็เห็นผีเสื้อโบยบิน ดีใจจนวิ่งเข้าไปจับผีเสื้อ
ทันทีที่หยุนเสี่ยวลิ่วเห็น ก็ให้ทุกคนตามไปทันที
จากนั้นจวินเสี่ยวเหยียนวิ่งออกไปได้ระยะหนึ่งก็เห็นข้างหน้ามีคนกำลังจะเด็ดดอกไม้ที่อยู่ในพุ่มหญ้า นางส่งเสียงห้ามทันที “อย่าแตะต้องดอกไม้ มันมีพิษ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...