เมื่อคนผู้นั้นได้ยิน ก็หยุดลงทันที มองไปทางด้านหลังโดยสัญชาตญาณ เห็นว่าเป็นเด็กกลุ่มหนึ่งก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“พวกเจ้ารู้จักดอกไม้ชนิดนี้?”
“ดอกไม้ชนิดนี้เมื่อก่อนท่านแม่ข้าเคยสอนให้ข้ารู้จักมาก่อน มันมีพิษร้ายแรง เมื่อถูกมันทิ่มนิ้ว ไม่เกินครึ่งวันก็จะเสียชีวิต” จวินเสี่ยวเหยียนอธิบาย
คนผู้นั้นถอยหลังไปหลายก้าวในทันที อยู่ห่างออกไปไกลๆ “ขอบคุณจวิ้นจู่น้อยมากที่เตือนสติ มิเช่นนั้นข้าคงจะต้องตายที่นี่แล้ว”
“ไม่เป็นไร” จวินเสี่ยวเหยียนกล่าว
“จวิ้นจู่น้อย พวกท่านมาได้อย่างไร?” คนผู้นั้นถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“พวกเรามาเข้าร่วมการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วง ถึงแม้เจ้าจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ตอนนี้เจ้าตกรอบแล้ว” ขณะที่พูด ลูกธนูไร้หัวที่อยู่ในมือของหยุนเสี่ยวลิ่วก็ยิงเข้ามา
เสี่ยวอันจื่อก็ยิงมาอีกสามดอกติดต่อกัน หยุนซือถิงกับอี้หมิงก็ไม่ยอมน้อยหน้า พากันยิงธนู ทุกคนที่อยู่ด้านข้างยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมาก็ถูกยิงตกรอบไปหมด
เด็กๆโห่ร้องด้วยความดีใจกันใหญ่ หลงเอ้อที่อยู่ในที่ลับยังอดรู้สึกนับถือพวกเขาไม่ได้ “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า ซื่อจื่อน้อยกับจวิ้นจู่น้อยไม่จำเป็นต้องให้เราปกป้องเลยด้วยซ้ำ”
“พวกเขามีไหวพริบกว่าพวกเราด้วยซ้ำ” หลงซานเห็นด้วย
“เช่นนั้นเจ้าคอยมองดูอยู่ที่นี่ ข้าจะกลับไปรายงานซื่อจื่อเฟย ไม่ได้รายงานมาสองวันแล้ว กลัวพวกเขาจะเป็นห่วง” หลงเอ้อเสนอแนะ
“ตกลง เจ้าไปเถอะ”
หลงเอ้อกระโดดตัวจากไปทันที เพียงแต่เขาเพิ่งจะมาถึงหน้าประตูพื้นที่ล่าสัตว์ ยังไม่ทันได้รายงานซื่อจื่อเฟย ก็ได้ยินเสียงตะโกนที่ฟังดูกระวนกระวายดังมา
“ฝ่าบาท จดหมายเร่งด่วนพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อฮ่องเต้ที่กำลังชิมชากับหยุนเฉิงเซี่ยงได้ยิน ก็รีบวางถ้วยชาที่อยู่ในมือลงทันที มองมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เกิดอะไรขึ้น?”
คนผู้นั้นวิ่งเข้ามาทันที ถวายจดหมายที่อยู่ในมือมาให้ด้วยความเคารพนบนอบ “ฝ่าบาท เกิดเรื่องขึ้นกับเมืองชิ่งหลวน”
ซูกงกงรรับมันมาเปิดออกและถวายให้ฮ่องเต้ทันที ในตอนที่ฮ่องเต้เห็นเนื้อหาที่อยู่ในจดหมาย สีหน้าของฮ่องเต้เคร่งขรึมอย่างยิ่งในทันที
“เสด็จพี่ มีเรื่องอะไรหรือ?” โม่ฉือหานถาม
“เมืองชิ่งหลวนถูกศัตรูยึดครอง เจ้าเมืองถูกสังหาร เสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมดที่จะขนส่งไปทางตะวันตกเฉียงใต้ถูกปล้นไปหมด ตอนนี้ความคับแค้นใจของเหล่าทหารตะวันตกเฉียงใต้ร่ำลือไปทั่ว กินไม่อิ่มท้อง นี่มันช่างน่าชิงชังมากจริงๆ!” ฮ่องเต้เต็มไปด้วยพิโรธ
คนอื่นๆก็พากันมีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นนั้น คิ้วของโม่ฉือหานขมวดกันเป็นก้อน “ในเมื่อเจ้าเมืองถูกสังหารไปแล้ว เช่นนั้นใครเป็นเขียนจดหมายฉบันนี้กัน?”
“สายของข้าในเมืองชิ่งหลวน ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว คนอื่นๆล้วนถูกลอบสังหารหมดแล้ว!” ฮ่องเต้กริ้วสุดขีด
“ฝ่ายตรงข้ามกล้าทำสงครามขนาดใหญ่เช่นนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน เรื่องนี้ต้องวางแผนกันในระยะยาว” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าว
ฮ่องเต้ชำเลืองไปทางพื้นที่ล่าสัตว์ครู่หนึ่ง “แจ้งข่าวทุกคน การล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงในครั้งนี้ยุติแล้ว หลีอ๋อง ซวนอ๋อง โม่หลาน จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงพวกเจ้าตามข้ากลับพระราชวังเพื่อหารือมาตรการตอบโต้”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทุกคนรับพระบัญชาทันที
หยุนถิงเห็นหลงเอ้อเข้าพอดี สั่งให้เขาพาพวกเด็กๆกลับมาโดยเร็วที่สุด
“ถิงเอ๋อร์พวกเจ้าไปเถอะ ข้าจะอยู่รอพวกเด็กๆที่นี่” หยุนเฉิงเซี่ยงเอ่ยปาก
“เรื่องบ้านเมืองสำคัญ พวกเด็กๆก็สำคัญเช่นกัน ถิงเอ๋อร์เจ้าตามฝ่าบาทไปเถอะ ข้าจะอยู่รอลูกๆ” จวินหย่วนโยวกล่าว ไม่เห็นพวกเด็กๆเขาไม่วางใจ
“ตกลง เช่นนั้นท่านพี่ท่านอยู่รอแล้วกัน” หยุนถิงรีบไปกราบทูลต่อฮ่องเต้ทันที
ฮ่องเต้ก็รู้ว่าจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงรักและห่วงใยลูกๆ ก็เลยตอบตกลง
หลงเอ้อใช้วิชาตัวเบากระโดดตัวกลับไป ด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก อธิบายสถานการณ์ให้กับหยุนเสี่ยวลิ่วและคนอื่นๆฟังชัดเจนแล้ว หยุนเสี่ยวลิ่วรีบพาพวกเด็กๆออกไปทันที
กลุ่มอื่นๆได้ยินว่าการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงถูกยกเลิก พากันงุนงง แต่ในเมื่อฝ่าบาทให้คนมาแจ้ง ย่อมไม่มีข้อผิดพลาดแน่นอน รีบออกไปกันหมดทันที แน่นอนว่าพวกเขาก็ลืมโม่ฉีเฟิงกับจี้อวี๋ที่ตกลงไปในหลุมลึกแล้ว
ท้องพระโรงพระราชวัง
มองดูแผ่นหลังของโม่เหลิ่งเหยียน ไม่รู้ว่าทำไมในใจหยุนถิงถึงได้มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี พูดไม่ถูกอธิบายไม่ได้
“ซื่อจื่อเฟย ซื่อจื่อพาพวกเด็กๆกลับมาแล้ว” องครักษ์นายหนึ่งของจวนซื่อจื่อเข้ามารายงาน
เมื่อหยุนถิงได้ยินเกี่ยวกับพวกเด็กๆ ก็ไม่มีเวลาสนใจจะคิดมากอีก รีบกลับจวนซื่อจื่อทันที
..............................
พื้นที่ล่าสัตว์
เมื่อโม่ฉีเฟิงตื่นขึ้นมา ทั่วทั้งพื้นที่ล่าสัตว์ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง เขาถึงได้เห็นทุกสิ่งตรงหน้าชัดเจน หลุมใหญ่นี่เขารู้จัก
มันเป็นหลุมที่ซูชิงโยวกับหยุนไห่เทียนประสบอุบัติเหตุก่อนหน้านี้ ต่อมาเขาต้องการจะสั่งคนให้ปิดมัน แต่หยุนไห่เทียนกลับบอกว่าให้เก็บเอาไว้เป็นกับดักในการฝึกเหล่าทหาร
โม่ฉีเฟิงก็ตอบตกลง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะประมาทจนถึงขั้นตกลงมาได้
เขาชำเลืองไปทางจี้อวี๋ที่ไม่นอนแน่นิ่งอยู่ด้านข้าง รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ใช้เท้าถีบไปทางนาง “เฮ้ ตื่นสิ!”
จี้อวี๋ที่รู้สึกถึงความเจ็บถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา ลืมตาขึ้นมามองดูบริเวณรอบๆคนทั้งคนก็ตะลึงงันไป “ที่นี่ที่ไหน ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ โม่ฉีเฟิงเจ้าทำอะไรกับข้า?”
โม่ฉีเฟิงหมดคำพูด “เจ้ามีแต่หนังหุ้มกระดูก ข้าจะทำอะไรกับเจ้าได้”
“น่าชิงชังนัก เจ้าถึงกลับดูถูกข้า หาเรื่องทะเลาะ!” จี้อวี๋ชกมาอีกหนึ่งหมัด
โม่ฉีเฟิงก็หงุดหงิดโมโหอย่างยิ่งเช่นกัน หลบออกไปโดยตรง พลิกมือชกกลับมาหนึ่งหมัด ทั้งสองคนต่อสู้กันขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าที่นี่มันคือกับดัก มีพื้นที่เพียงสองตารางเมตร สถานที่ไม่ใหญ่ ทั้งสองก็ลงมือกันอย่างเอาเป็นเอาตาย โม่ฉีเฟิงถูกชกหนึ่งหมัด จี้อวี๋ถูกเตะหนึ่งครั้ง ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บกันอย่างสมเกียรติ
การต่อสู้นี้ กินเวลาตั้งแต่ฟ้ามืดจนถึงเที่ยงคืน จนกระทั่งทั้งสองคนหมดเรี่ยวแรงถึงได้หยุดลง นอนหายใจหอบกันอยู่ในหลุม
“สองท่านหากสู้กันจนเหนื่อยแล้ว ก็ขึ้นมาเถอะ” จู่ๆก็มีเสียงดังมาจากเหนือศีรษะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...