จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 953

“หรือว่าด้านในคือชางหลันเย่?” วี่รั่วฉิงถามอย่างตกใจ ไม่บังเอิญขนาดนี้หรอกกระมัง

“บังอาจ กล้ามาเรียกชื่อฝ่าบาทของเรา ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึ?” องครักษ์ตะคอกดัง ชักกระบี่จะลงมือ

วี่รั่วฉิงโล่งอกทันที “ชางหลันเย่ เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ จะอย่างไรข้าก็เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตเจ้านะ วันนี้ข้ามีภัย ได้เวลาตอบแทนบุญคุณของเจ้าแล้ว!”

องครักษ์ตกใจยิ่งนัก สตรีผู้นี้กล้าเรียกชื่อฝ่าบาท หรือว่านางจะเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของฝ่าบาทจริงๆ องครักษ์พลันไม่กล้ายับยั้ง

ชางหลันเย่ในรถม้าได้ยินคำนี้ พลันเลิกผ้าม่านขึ้นและเห็นวี่รั่วฉิงยืนขวางหน้ารถม้าและยื่นมือให้เขา

“รีบเร็ว ดึงข้าขึ้นไป!”

รั่วชูเห็นภาพนี้ก็ตะลึงยิ่งนัก พอเห็นฝ่าบาทไม่ได้ย้อนหรือให้คนจับนางออกไป เห็นได้ชัดว่านางพูดความจริง

“แม่นาง ข้าดึงท่านละกัน” รั่วชูพูดพลางยื่นมือเข้ามา

เพียงแต่มือนางยังไม่ทันยื่นออกไปได้ ชางหลันเย่ก็ยื่นมือไปก่อนแล้ว “ขึ้นมาเถอะ!”

รั่วชูชะงักค้าง นางรู้ว่าฝ่าบาทรักความสะอาดที่สุด ไม่เคยยอมให้ใครเข้าใกล้เขาในระยะสองเมตรเลย โดยเฉพาะสตรี เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้?

วี่รั่วฉิงคว้ามือชางหลันเย่ปีนขึ้นไปทันที “ชางหลันเย่ โชคดีที่มาเจอท่านนะ โจรพวกนั้นน่ะเป็นคนของภูเขาใกล้เคียงนี้ พวกมันฉุดคร่าหญิงชาวบ้าน โดนข้าพบเจอเข้าพอดี แต่ข้าดันพลาดท่าเสียทีพวกมัน ท่านเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นชางเยว่ พวกมันยกให้ท่านแล้วกัน”

“เจว๋เฟิง เจ้าส่งคนไปสืบให้ละเอียดซะ!” ชางหลันเย่แค่นเสียงเย็น

แคว้นที่เขาปกครอง ไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเด็ดขาด

“ขอรับ!” เจว๋เฟิงรีบนำองครักษ์หลายคนไปจับคนทันที

ในรถม้า ชางหลันเย่เห็นสีหน้าซีดเผือดของวี่รั่วฉิง และรอยเลือดบนตัวนาง เลยหยิบขวดกระเบื้องจากในกล่องหนึ่งมาให้ “ใช้สิ่งนี้เถอะ”

วี่รั่วฉิงไม่เกรงใจ รับมาเปิดออกดมทันที “หยุนถิงนี่ใจกว้างกับเจ้าจริงนะ” ระหว่างพูด ทำท่าจะถอดเสื้อผ้าออก

ชางหลันเย่พอเห็นอย่างนั้นก็หันหลังให้ทันที

รั่วชูถึงได้สติ รีบบอก “แม่นางท่านนี้ ข้าช่วยท่านละกัน”

“ได้!” วี่รั่วฉิงยื่นยาให้

รถม้าพลันเอนเอียง ตัววี่รั่วฉิงหล่นไปบนขาชางหลันเย่ทันที ชางหลันเย่ยื่นมือพยุงนางไว้ สุดท้ายได้เห็นรอยแผลมากมายบนหลังนาง ก็ตะลึงงันไปเลย

หลังของสตรีนางหนึ่งมีรอยแผลมากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

“ฝ่าบาท ข้าจัดการเองเพคะ!” รั่วชูรีบบอก

“ได้!” ชางหลันเย่ปล่อยวี่รั่วฉิง หันหน้าหนีไปอีกครั้ง “ควบรถม้าให้ดีๆ เอนเอียงอีกก็ไสหัวไปเรือนเคียงซะ!”

คนควบรถม้าตกใจตัวสั่น “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”

พอวี่รั่วฉิงทำแผลเสร็จ ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ก็เอนพิงมุมหนึ่งของรถม้า พลางหลับตาลง เพื่อต่อกรกับโจรพวกนี้ นางไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว ตอนนี้เรี่ยวแรงแทบไม่เหลือแล้ว

ไม่นานหลันเย่ก็ได้ยินเสียงกรนของวี่รั่วฉิง เขาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ สตรีผู้นี้ใจกล้านัก

“ฝ่าบาท แม่นางผู้นี้บาดเจ็บสาหัสนัก พานางกลับวังหรือไม่?” รั่วชูถามเสียงเบา

“นางเคยช่วยชีวิตข้า ในเมื่อนางได้รับบาดเจ็บ ก็พานางกลับวังก่อนแล้วกัน” ชางหลันเย่ตอบ

“เพคะ!”

................................................

หยุนเฉิงเซี่ยงขมวดคิ้ว “แต่ซูนฟั่งบอกว่าเขาเป็นเด็กกำพร้านี่?”

ฮูหยินจูเก่อพอได้ยินอย่างนั้นก็มีสีหน้าเสียใจนัก “ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว เขายังไม่ยอมอภัยให้ข้าเลย ตอนนั้นข้าเองก็จนปัญญาถึงได้ยกเขาให้บ้านลุงใหญ่เขาไป ข้ารู้ว่าเขาไม่ยอมยกโทษให้ข้า แต่ข้าก็อยากทำอะไรให้ซูนฟั่งบ้าง

หายากนักที่เขามีคนที่ชอบ เลยอยากให้เขายกขบวนขันหมากสู่ขอตบแต่งคุณหนูสามในนามตระกูลจูเก่อ ข้ารู้ว่าจวนตระกูลหยุนไม่สนใจเรื่องพวกนี้ นี่เป็นสิ่งเดียวที่คนเป็นแม่อย่างข้าจะทำเพื่อคุณหนูสามได้!”

หยุนเฉิงเซี่ยงฟังแล้วรู้สึกตื้นตันนัก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็เข้าเรือนมาคุยกันเถอะ”

“ขอบคุณหยุนเฉิงเซี่ยง”

หยุนหลีกำลังฝึกกระบี่กับเสวี่ยเชียนโฉว ได้ยินคนรับใช้บอกว่ามีคนมาที่จวนเพื่อปรึกษาเรื่องการแต่งงานของคุณหนูสาม รีบไปดูทันที

สุดท้ายก็ได้เห็นฮูหยินจูเก่อปรึกษาเรื่องการแต่งงานของหยุนซูกับท่านพ่อ หยุนหลีเดือดดาลหนักทันที

“ครั้งก่อนโดนพี่หญิงใหญ่ข้าด่ากราดกลับไป ครั้งนี้เจ้ายังมีหน้ามาอีกรึ? การแต่งงานของซูนฟั่งกับพี่หญิงสามน่ะไม่ต้องการเจ้ามาจัดการหรอก คนที่แม้แต่ลูกชายตนเองยังละทิ้งได้ มีหน้าอะไรมาจวนตระกูลหยุน!”

ฮูหยินจูเก่อสีหน้ากระดากอายนัก “คุณหนูสี่สั่งสอนถูกแล้ว ตอนนั้นข้าเลอะเลือนเอง!”

“รอประเดี๋ยวก่อน เจ้าบอกว่า ครั้งก่อนนางโดนพี่หญิงใหญ่เจ้าด่ากราดกลับไปรึ?” หยุนเฉิงเซี่ยงถามประเด็นสำคัญ

“ใช่ไง พี่หญิงใหญ่บอกว่าพี่หญิงสามไม่ต้องการเรื่องพวกนี้ ซูนฟั่งเองก็ไม่ยกโทษให้นาง วันนี้นางกลับมาหาเราถึงเรือน ทำไมหน้าหนาเยี่ยงนี้!” หยุนหลีเดือดดาลหนักมาก

สีหน้าฮูหยินจูเก่อไม่น่าดูอย่างมาก เส้นเลือดที่ขมับปูดโปน คุณหนูหยุนสี่ผู้นี้ช่างหยาบกร้านกระด้างนัก กล้าด่าตนต่อหน้าเลย ช่างไร้มารยาทเสียจริง

แต่พอคิดถึงเป้าหมายของตน นางร้องไห้น้ำตาไหลพรากทันที “คุณหนูสี่เข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่อยากชดเชยให้ลูกชายในฐานะแม่เท่านั้นเอง”

“ข้าว่าเจ้าไม่ได้อยากชดเชย แต่มีเป้าหมายอย่างอื่นมากกว่ากระมัง!” น้ำเสียงเย็นเยียบลอยมา หยุนถิงเดินออกมาจากในเรือน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ