ไป๋หลานรั่วมองเห็นกัวมู่ไป๋มีท่าทางลังเล ใจทั้งดวงของนางตกไปอยู่ถึงตาตุ่ม นางไม่กล้าฟังคำตอบของพี่มู่ไป๋ และไม่อยากฟังด้วย
พอเห็นว่ากัวมู่ไป๋จะเปิดปากพูดแล้ว ไป๋หลานรั่วก็หน้ามืดแล้วหมดสติไปเลย
“หลานรั่ว หลานรั่ว เจ้าเป็นอะไรไป ใครก็ได้รีบไปตามหมอมาเร็ว เร็ว!” ท่านแม่ไป๋ร้อนตะโกนขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
ท่านพ่อไป๋เองก็มีสีหน้าไปพอใจ แต่ก็ยังเป็นกังวล “ใครก็ได้ รีบไปเชิญหมอที่ดีที่สุดในเมืองมาเร็ว”
สองสามีภรรยาตระกูลกัวก็มีสีหน้าเป็นกังวล งานหมั้นดี ๆ กลับมามีสภาพแบบนี้ไปได้
มีแต่จ้าวเม่ยเอ๋อร์คนเดียวที่มองไปที่ไป๋หลานรั่วที่หมดสติไปแล้วอย่างเย็นชา “ช่างหมดสติได้พอเหมาะพอดีเลยนะ”
กัวมู่ไป๋ขมวดคิ้วขึ้นมาเป็นปม แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ คำหนึ่ง “เม่ยเอ๋อร์ ขอโทษนะ วันนี้ข้าคงจากไปไม่ได้แล้ว เดี๋ยววันหลังข้าจะไปอธิบายกับเจ้าให้ดี ๆ เองได้ไหม?”
จ้าวเม่ยเอ๋อร์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้ ที่เคยไล่ตามอยู่หลังตัวเอง คอยตอแยไม่หยุด กลับมาปฏิเสธตัวเองเพราะผู้หญิงตอแหลคนหนึ่ง
น่าขำ ยิ่งน่ารังเกียจกว่า
จ้าวเม่ยเอ๋อร์เป็นคนหยิ่งยโสแค่ไหน นางไม่เคยอ้อนวอนผู้ชายมาก่อน ถ้าไม่ใช่ของตัวเอง อ้อนวอนขอมาแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน ดังนั้นนางจึงไม่สนใจ และไม่อยากได้ด้วย
“ในเมื่อท่านตัดสินใจอยู่ต่อแล้ว งั้นคำอธิบายในอนาคต ข้าก็ไม่ฟังแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระหว่างท่านกับข้าก็ขาดกัน สำหรับเด็กคนนี้ เขาก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่านทั้งนั้น ต่อไปท่านกับข้าก็ทางใครทางมัน ชาตินี้อย่าได้มาเจอกันอีกเลย!” จ้าวเม่ยเอ๋อร์ทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง แล้วก็หมุนตัวจากไปเลย
กัวมู่ไป๋มองไม่เห็น ตอนที่จ้าวเม่ยเอ๋อร์หมุนตัวไปนั้น ตรงหางตามีหยาดน้ำตารื้นขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
จ้องมองแผ่นหลังที่เฉยเมยของนางแล้ว กัวมู่ไป๋ก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ตามออกไป
จ้าวเม่ยเอ๋อร์เดินตรงไปทางหน้าประตู ก็พบเจอกับหยุนถิงเข้าพอดี แล้วนิ่งอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด และยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาตรงหางตาออกโดยอัตโนมัติ
“หยุนถิง เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“ข้ากับท่านพี่และพวกลูก ๆ ผ่านมาทางนี้พอดี แล้วกะว่าจะมาพักในเมืองนี้สักหน่อย แต่ปรากฏว่าเห็นเจ้าเข้ามา แล้วกลัวว่าเจ้าจะเป็นอันตราย ก็เลยตามเข้ามาดูสักหน่อย” หยุนถิงพูดอธิบายขึ้นมา
“น่าขายหน้าจริง ๆ ให้เจ้าต้องมาเห็นสภาพอนาถแบบนี้ของข้า” จ้าวเม่ยเอ๋อร์พูดเยอะเย้ยตัวเองขึ้นมา
“ไม่ขายหน้าหรอก เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องกัน อยู่ต่อหน้าคนกันเอง จะมาขายหน้าอะไร” หยุนถิงพูดจบ ก็จูงมือจ้าวเม่ยเอ๋อร์เอาไว้ แล้วหมุนตัวพานางเดินจากไปเลย
ในวินาทีที่กัวมู่ไป๋มองเห็นหยุนถิง ใจที่กลัดกลุ้มมากก็วางใจลงไปไม่น้อย มีหยุนถิงอยู่ด้วย เม่ยเอ๋อร์ก็ไม่มีทางเป็นอะไรแล้ว
“มู่ไป๋เจ้ารีบตามไปซิ เม่ยเอ๋อร์ท้องลูกของเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ?” นายท่านกัวพึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“ก็แค่ตั้งครรภ์อยู่ จะเป็นลูกของตระกูลกัวหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ลูกสาวข้านอนหมดสติอยู่ตรงนี้ ถ้านางเป็นอะไรไป ข้าไม่มีทางจบกับตระกูลกัวง่าย ๆ แน่!” ท่านแม่ไป๋ตะคอกขึ้นมาอย่างโกรธเคือง
“คำพูดนี้หมายความว่ายังไง หลานรั่วบ้านท่านร่างกายอ่อนแอเองอยู่แล้ว เกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย” กัวฮูหยินพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ตอนแรกหวังอยากให้หลานรั่วมามีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลกัว ถึงแม้นางจะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แต่ก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่มู่ไป๋อยากจะแต่งงานด้วย พอตอนนี้มาเห็นจ้าวเม่ยเอ๋อร์ท้องโย้มาหา แน่นอนว่ากัวฮูหยินก็ไม่มีอะไรที่ต้องยอมแล้ว ในเมื่อหลานก็มีแล้ว
“ท่าน ท่านพูดจาเกินไปแล้วนะ ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา หลานรั่วของข้าจะหมดสติไปได้ยังไง?” ท่านแม่ไป๋โต้แย้งกลับ
“พอแล้ว ยังเห็นว่าขายหน้าไม่พออีกหรือ” ท่านพ่อไป๋ตะคอกออกไปคำหนึ่ง ผู้หญิงทั้งสองหุบปากไปทันที
ตรงหน้าประตู จวินหย่วนโยวได้พาลูกทั้งสองตามมาอย่างเร่งรีบแล้ว และก็มาเจอกับหยุนถิงและจ้าวเม่ยเอ๋อร์ตรงหน้าประตูพอดี แล้วสีหน้าของจ้าวเม่ยเอ๋อร์ก็ดูย่ำแย่มาก
“ท่านน้า ท่านเป็นอะไรไปหรือ ทำไมถึงดูไม่มีความสุขเลย?” จวินเสี่ยวเหยียนถามอย่างเป็นห่วงขึ้นมา
“ใครรังแกท่านน้า เดี๋ยวข้าไปสั่งสอนมันเอง!” จวินเสี่ยวเทียนเห็นด้วย
หนอนพิษกู่เหมือนฟังรู้เรื่อง แล้วก็รีบคลานเข้าไปในจวนตระกูลกัวเลย
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะช่วยแก้แค้นให้ท่านน้า จะขาดข้าไปด้วยได้ยังไง” จวินเสี่ยวเทียนพูดแล้วก็ล้วงยาเม็ดสีขาวหลายเม็ดออกมาจากกระเป๋า แล้วใช้แรงที่เยอะที่สุดโยนเข้าไปในกำแพงจวนตระกูลกัว
หยุนถิงยืนห่างอยู่หลายเมตร แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นการกระทำของลูกชายและลูกสาว
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมกัวมู่ไป๋ต้องไปหมั้นหมายกับผู้หญิงคนอื่น แต่มาทำร้ายจิตใจเช่นนี้เม่ยเอ๋อร์ แน่นอนว่าหยุนถิงต้องไม่ยอมอยู่แล้ว ตอนนี้ลูกทั้งสองลงมือแล้ว นางก็จะได้ประหยัดเรื่องไป
ในจวนตระกูลกัว ทั้งห้องโถงใหญ่วุ่นวายไปหมด พอหมอมาถึง ก็รีบตรวจชีพจรให้ไป๋หลานรั่ว “คุณหนูไป๋ร่างกายอ่อนแออยู่แล้วบวกกับความกระวนกระวายใจก็เลยทำให้หมดสติไป เอาตัวนาง……หนอน หนอน ทำไมถึงได้มีหนอนเยอะขนาดนี้?”
หมอไม่มีเวลามารักษาอาการป่วยให้ไป๋หลานรั่วแล้ว รีบกระโดดถอยหนีไปทันที
“ใครอยู่ข้างนอก มาไล่หนอนพวกนี้ออกไปให้หมด!” นายท่านกัวร้องตะโกนออกไปคำหนึ่ง
แขกคนอื่น ๆ ก็มองเห็นหนอนสีดำสนิทพวกนั้นแล้ว ต่างพากันตกใจจนขนลุกไปหมด แล้วรีบหนีไปทั่วทุกทิศทาง ทั้งห้องโถงใหญ่สับสนวุ่นวายกันไปหมด มีบางคนกระโดดขึ้นไปอยู่บนโต๊ะ มีบางคนปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ และมีคนที่วิ่งหนีออกไปข้างนอก
ผลปรากฏว่า ยังไม่ทันได้ช่วยเหลือ ก็เห็นงูเขียว ๆ เหลือง ๆ เลื้อยออกมาจากทั่วสุกสารทิศ ผู้คนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ต่างพากันร้องขอความช่วยเหลือ
สองสามีภรรยาตระกูลไป๋ ก็พากันตกใจแทบตาย แล้วรีบประคองลูกสาวหนีไปเลย
ส่วนไป๋หลานรั่วที่แกล้งหมดสติ อยู่ ๆ ก็กรีดร้องออกมาคำหนึ่ง แล้วรู้สึกเจ็บที่แขน นางลืมตาขึ้นมาทันที ก็เห็นหนอนสีดำตัวใหญ่กำลังเกาะอยู่ที่แขนตัวเอง นางตกใจลงสะบัดมือไปทั่ว
แต่ว่าหนอนตัวนั้นกัดแขนนางไว้แน่น สะบัดยังไงก็ไม่หลุด
“อย่าขยับ!” ท่านพ่อไป๋ชักมีดสั้นตรงเอวออกมาแล้วแทงมาเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...