จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 964

แล้วก็ได้ยินไป๋หลานรั่วกรีดร้องขึ้นมาอีกคำหนึ่ง ทีแรกท่านพ่อไป๋จะแทงไปที่หนอนตัวนั้น แต่ในตอนที่มีดสั้นยังห่างอยู่เพียงไม่กี่เซนติเมตรนั้น อยู่ ๆ หนอนก็กระโดดหนีไป มีดนั้นก็เลยแทงเข้าไปในแขนของไป๋หลานรั่วเลย

“โอ๊ย เจ็บจังเลย ท่านพ่อ ท่านทำอะไรเนี่ย?” ไป๋หลานรั่วเจ็บจนกัดฟันกรอก แล้วพูดอย่างตำหนิขึ้นมา

นางไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าบิดาขอตัวเองจะใช้มีดแทงตัวเอง

“พ่อของลูก นี่ท่านเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถึงได้มาแทงลูกสาวตัวเองเช่นนี้?” ท่านแม่ไป๋ตะคอกเสียงดังออกไปคำหนึ่ง

ท่านพ่อไป๋ตัวสั่นไปทีหนึ่ง แล้วก็ชักมีดออกมาโดยอัตโนมัติ “ข้าจะแทงหนอนตัวนั้นให้ตาย แต่คิดไม่ถึงว่าจะแทงพลาดไป!”

จากนั้นเลือดสด ๆ ก็ไหลอาบออกมา ไป๋หลานรั่วที่ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ก็เจ็บปวดจนหมดสติไปในพริบตา

“ลูกสาว ลูกสาวของข้า รีบมาช่วยลูกสาวข้าเร็ว!” ท่านแม่ไป๋ร้องตะโกนขึ้นมา

แต่วินาทีนี้ ผู้คนต่างก็คิดแต่จะหนีตายเอง ไม่มีใครมีใจจะมาช่วยนางหรอก

นายท่านกัวกับกัวฮูหยินรีบปีนขึ้นไปบนโต๊ะทันที จ้องมองหนอนที่น่าเกลียดน่ากลัวและงูพิษพวกนั้น แล้วก็ตกใจเป็นอย่างมาก

มีแต่กัวมู่ไป๋ที่ยังใบหน้าสงบนิ่งเช่นเดิม เขาตามจีบจ้าวเม่ยเอ๋อร์มาสองปีกว่า จึงรู้ดีว่านี่เป็นฝีมือของจวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียน คาดว่าเด็กสองคนนี้น่าจะมาช่วยเอาคืนให้กับเม่ยเอ๋อร์แล้ว

ในวินาทีนี้ กัวมู่ไป๋ไม่เพียงไม่โกรธ กลับยังรู้สึกดีใจ มีแต่แบบนี้เขาถึงจะรู้สึกว่าความรู้สึกผิดที่มีต่อเม่ยเอ๋อร์พบจะน้อยลงไปบ้าง

“มู่ไป๋นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงได้มีหนอนและงูพิษมากมายขนาดนี้?” นายท่านกัวถามขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ต่อไปให้บ่าวเตรียมกำมะถันแดงไว้ให้เยอะ ๆ หน่อยก็แล้วกัน” กัวมู่ไป๋ตอบกลับไป

“ใช่ งูกลัวกำมะถันแดงที่สุดเลย!”

ในลานที่กว้างใหญ่ราวกับมีเสียงผีร้องโหยหวนอยู่ ทั้งจวนตระกูลกัวเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน พวกแขกเหรื่อวิ่งหนีกันอย่างวุ่นวาย มีคนที่ถูกกัดแล้วร้องโหยหวน ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าดูอนาถมากแค่ไหน

ส่วนทางด้านโรงเตี๊ยม ผู้จัดการได้เตรียมห้องรับรองที่ดีที่สุดให้กับพวกจวินหย่วนโยว แถมยังมีอาหารที่มากมายอีกโต๊ะหนึ่ง

เด็ก ๆ ทั้งสองล้างมือเสร็จแล้ว ก็เริ่มกินกันอย่างมูมมามขึ้นมา หลายวันมานี้เอาแต่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ถึงแม้ท่านแม่จะคอยเปลี่ยนเมนูอาหารให้พวกเขากิน แต่อาหารที่เป็นเมนูขึ้นชื่อแบบนี้เจ้าตัวเล็กทั้งสองก็เพิ่งได้กินเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าต้องกินกันอย่างมีความสุขมากแน่

จ้าวเม่ยเอ๋อร์หยิบน่องไก่อันหนึ่งขึ้นมา แล้วก็กัดไปอย่างแรง ราวกับว่าจะเอาความโกรธระบายกับน่องไก่

หยุนถิงไม่ได้ถามอะไรมาก แค่คอยคีบกับข้าวให้นางตลอด พอทุกคนกินกันอิ่มหนำสำราญแล้ว จ้าวเม่ยเอ๋อร์ขอห้องที่อยู่ตรงกลางห้องหนึ่งแล้วก็เข้าไปนอนเลย

พอหยุนถิงได้ยินเสียงกรนเบา ๆ จากด้านในแล้ว ถึงได้วางใจกลับห้องของตัวเองไป

“ท่านพี่ เรื่องในวันนี้ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ?” หยุนถิงถามขึ้นมา

“กัวมู่ไป๋ไม่เหมือนคนที่ฟันแล้วทิ้ง บางทีเขาอาจจะมีความลำบากใจอะไรหรือเรื่องเข้าใจผิดบางอย่าง” จวินหย่วนโยวตอบกลับมา

“ท่านเองก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกันหรือ ในเมื่อเขาตามจีบเม่ยเอ๋อร์โดยไม่สนใจอะไรเลยมาตั้งสองปี ก็ต้องชอบนางจากใจจริงแน่ แต่กลับไปหมั้นกับผู้หญิงอื่น ระหว่างนี้จะต้องมีเรื่องอะไรแอบซ่อนอยู่แน่ เดี๋ยวคืนนี้ข้าออกไปตรวจสอบดูสักหน่อย” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างเห็นด้วย

“ซื่อจื่อเฟย เรื่องนี้มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ ท่านกับซื่อจื่อลำบากมาตลอดทางแล้ว เดี๋ยวพวกเราจะไปตรวจสอบเอง” หลงเอ้อที่เร่งตามมา รีบเดินเข้ามาจากนอกประตูแล้วพูดขึ้นมา

“ใช่ขอรับซื่อจื่อเฟย พวกท่านพักผ่อนให้ดี ๆ เถอะ” หลิงเฟิงเปิดปากพูดตามไปด้วย

ครอบครัวจวินหย่วนโยวสี่คนลอยอยู่บนท้องฟ้า องครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับคนอื่น ๆ ก็ติดตามมาทางพื้นดินตลอด วิ่งกันเหนื่อยจนต้องเปลี่ยนม้าไปหลายตัว ในที่สุดก็ตามซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยทัน

“พวกเจ้ามาแล้วหรือ ระหว่างทางคงจะลำบากแย่เลย รีบไปบอกให้ผู้จัดการเตรียมอาหารและห้องพักให้เถอะ คืนนี้พักผ่อนกันให้ดีก่อน ไม่ต้องรีบร้อนหรอก” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างดีใจ

พอนางตื่นขึ้นมาตอนเช้า หลงเอ้อกับหลิงเฟิงก็รีบเอาข้อมูลที่ตรวจสอบได้เมื่อคืนมารายงานกับนาง เพราะคิดว่าจ้าวเม่ยเอ๋อร์ท้องโย้อยู่ต้องนอนหลับให้เต็มที่ ดังนั้นหยุนถิงก็เลยไม่ได้ไปปลุกนาง

“เรื่องอะไรหรือ พูดมาเถอะ” จ้าวเม่ยเอ๋อร์เดินเข้ามา แล้วหยิบขนมบนโต๊ะขึ้นมาแล้วกินเลย

“ที่กัวมู่ไป๋ต้องหมั้นหมายกับคุณหนูตระกูลไป๋ ก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ไป๋หลานรั่วได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ช่วยรับคมกระบี่แทนเขาไป แล้วสิ่งที่บังเอิญมากก็คือ ในระหว่างที่ไป๋หลานรั่วได้รับบาดเจ็บหมดสติไปนั้น ได้ถูกนักเลงสองสามคนมาพบเห็นเข้า แล้วก็ถูกเอาเปรียบจนสูญเสียความบริสุทธิ์ไป”

“พอกัวมู่ไป๋รู้เรื่องนี้แล้ว ก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก แต่โทษตัวเองอยู่ตลอด เขาหาทางออกไม่ได้ก็เลยต้องรับผิดชอบตัวไป๋หลานรั่ว กระบี่ที่แทงมาตอนนั้น อาบยาพิษไว้ด้วย ดังนั้นตอนนี้กัวมู่ไป๋จึงเหลือชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว คิดว่านี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ไป๋หลานรั่วรับหมั้นนางด้วย”

หยุนถิงเอาข้อมูลที่หลงเอ้อกับหลิงเฟิงสืบหามาได้ บอกกับจ้าวเม่ยเอ๋อร์ไปจนหมด

มือที่ถือขมนอยู่ของจ้าวเม่ยเอ๋อร์แข็งทื่อไป “ทำไมเรื่องนี้มันบังเอิญขนาดนี้ แน่ใจหรือว่าไม่ใช่ละครที่ยัยดอกไม้เน่านั่นแต่งเองแสดงเอง นางแกล้งทำเป็นถูกพิษหรือเปล่า?”

หยุนถิงยักคิ้วแล้วก็ชูนิ้วโป้งให้กับนาง “เจ้าคิดเหมือนกับที่ข้าเดาไว้เลย ข้าได้ส่งองครักษ์ลับออกไปหาพยานแล้ว”

“ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย พวกเราตามหาตัวนักเลงได้คนหนึ่ง!” องครักษ์ลับสองสามคนควบคุมตัวคนเข้ามา แล้วเตะไปทีหนึ่งจนเขาล้มลงไปบนพื้น

นักเลงคนนั้นจ้องมองพวกจวินหย่วนโยวทีหนึ่ง พอเห็นท่าทางที่สง่าผ่าเผย แต่งกายไม่ธรรมดา ก็ตกใจจนรีบคุกเข่าหลังตรงขึ้นมาทันที “ท่านผู้กล้าทั้งหลาย ไว้ชีวิตด้วย ไม่ทราบว่าทำผิดต่อท่านผู้กล้าทั้งหลายไปตรงไหนขอรับ?”

หยุนถิงขี้เกียจที่จะพูดจาไร้สาระ “หลงเอ้อ”

หลงเอ้อเข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายขึ้นมาทันที แล้วก็ล้วงยาสารภาพความจริงออกมาเม็ดหนึ่งแล้วยัดใส่ปากนักเลงคนนั้น แล้วจับคางนักเลงเชิดขึ้นมาให้เขากลืนยาลงไป

“พูดมา เรื่องที่เจ้าข่มขืนไป๋หลานรั่ว เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”

นักเลงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย “พวกท่านรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เรื่องนี้ก็ต้องเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว ตอนนั้นพวกข้าเข้าป่าไปเพราะจะไปล่าสัตว์เพื่อหาเงินกันสักหน่อย แต่ปรากฏว่าพบเจอผู้หญิงคนหนึ่งเข้า ทุกคนก็เลยโถมตัวเข้าไปอย่างหลงลืมสติทันที พอเสร็จเรื่องแล้ว พวกเราถึงรู้ว่านางคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลไป๋ เรื่องนี้เราไม่เคยพูดกับใครอื่นมาก่อนเลยนะ พวกเจ้ารู้เรื่องได้ยังไงกัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ