จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 968

หยุนถิงรู้สึกตกใจ “ตระกูลเวินจะต่อกรกับจวนซื่อจื่อหรือ ทำไมล่ะ?”

กัวมู่ไป๋ส่ายหน้าเล็กน้อย “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ชัดเจน ยังไงก็แล้วแต่ในจดหมายลับมันเขียนมาแบบนี้ ทีแรกข้าอยากไปตรวจสอบให้ชัดเจนแล้วค่อยมาบอกเม่ยเอ๋อร์ ด้วยนิสัยของนางจะต้องไม่มีทางทนอยู่เฉย ๆ แน่

ข้ากลัวนางจะเป็นอันตราย ก็เลยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับนาง แต่จากเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ข้าไม่อยากรออีกแล้ว แล้วก็ยิ่งไม่อยากให้เม่ยเอ๋อร์เข้าใจผิด เพราะคำพูดของไป๋หลานรั่วได้เตือนให้รู้ตัวแล้ว

ผู้หญิงบ้าคลั่งอย่างนาง แม้แต่ร่างกายตัวเองยังสามารถทรยศได้ แล้วยังจะมีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้อีก

ข้าจะใช้ชีวิตมาปกป้องความปลอดภัยของสองแม่ลูกเม่ยเอ๋อร์ แต่ยังไงข้าก็ตัวคนเดียว ถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมา ข้าเสี่ยงไม่ได้ แล้วก็ไม่อาจเสี่ยงด้วย เพราะว่านั่นคือชีวิตของเม่ยเอ๋อร์กับลูก

ดังนั้น ข้าก็เลยเอาเรื่องนี้มาบอกกับจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟย จะจัดการกับตระกูลไป๋ยังไง ท่านทั้งสองก็ตัดสินใจกันเองเถอะ ข้าแค่อยากให้เม่ยเอ๋อร์กับลูกปลอดภัยเท่านั้น”

จวินหย่วนโยวมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา “ถ้าพวกเขาคิดไม่ดีต่อจวนซื่อจื่อจริง ๆ ข้าจะต้องทำให้พวกเขาเสียใจที่มาถึงโลกใบนี้แน่นอน วันนี้ต้องขอบใจท่านมากที่มาบอกข่าวเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าก็ป้องกันไว้ดีกว่า”

“จวินซื่อจื่อเกรงใจเกินไปแล้ว”

“ถิงเอ๋อร์ ข้าออกไปครู่หนึ่งเดี๋ยวกลับมานะ” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมา

“ท่านพี่ ท่านไปทำงานเถอะเจ้าค่ะ”

พอจวินหย่วนโยวจากไปแล้ว หยุนถิงถึงมองไปที่กัวมู่ไป๋ “ตั้งแต่เด็ก เม่ยเอ๋อร์ก็ต้องลำบากมามาก นางจึงทำตัวเหมือนเม่นตัวหนึ่ง เอาหัวใจของตัวเองไปซ่อนไว้ในเปลือกที่แข็งกระด้าง”

“อย่ามองว่านางเป็นคนสบาย ๆ ไม่สนใจอะไรเลย แต่จริง ๆ แล้วนางเป็นคนโดดเดี่ยวมาก และเป็นเรื่องยากที่กว่าท่านจะทำให้นางเปิดใจยอมรับตัวท่านได้ ดังนั้นก็ไปคุยกับนางให้ชัดเจน และคลี่คลายความเข้าใจผิดกันเถอะ”

“ข้ามีข้อเรียกร้องเพียงอย่างเดียว คือดีต่อเม่ยเอ๋อร์ และดีต่อลูกให้มาก ๆ จวนซื่อจื่อจะเป็นบ้านแม่ของนางเสมอ ถ้าใครกล้ารังแกนาง ข้าจะไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ แน่!”

“ซื่อจื่อเฟยวางใจเถอะ เม่ยเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่ข้ารักจริง ๆ และเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ข้าจะรักในชีวิตนี้ ข้าจะไม่มีทางยอมให้ใครมาทำร้ายนางแน่นอน!” กัวมู่ไป๋รับประกันขึ้นมา

“งั้นก็ดี”

จากนั้นสีหน้าของกัวมู่ไป๋ก็ดูกลัดกลุ้มขึ้นมา “แต่เมื่อกลางวันนางบอกว่าจะตัดขาดกับข้า เกรงว่าคงจะไม่มีทางยอมให้อภัยข้าง่าย ๆ แน่”

“ทำร้ายเมียสะใจแค่ชั่วคราว แต่ง้อเมียนั้นเป็นงานใหญ่เท่ากับฟ้าผ่าเลย คำพูดประโยคนี้ว่าไว้ไม่มีผิดเลย ในเมื่อท่านต้องมาอดทนกับความอัปยศอดสูเพราะจวนซื่อจื่อ งั้นข้าก็จะช่วยเจ้าสักครั้ง เจ้าไปทำตามที่ข้าบอกก็แล้วกัน” หยุนถิงกระซิบเสียงเบาบอกไปสองสามประโยค

“ได้ ข้าจะทำตามที่ซื่อจื่อเฟยบอก” กัวมู่ไป๋ไม่คิดเลยสักนิด ก็ตอบตกลงไปอย่างไม่อิดออดเลย

เช้าวันที่สอง ข่าวเรื่องการยกเลิกการหมั้นหมายของตระกูลกัวและตระกูลไป๋ก็แพร่สะพัดไปทั่ว หนังสือถอนหมั้นถูกแขวนไว้ในจุดที่คึกคักที่สุดของถนนในเมือง เป็นหนังสือที่กัวมู่ไป๋เขียนเองกับมือ

พวกชาวบ้านต่างพากันถกเถียง เพราะว่าเรื่องที่เพิ่งหมั้นหมายกันเมื่อวาน มาวันนี้ก็มาถอนหมั้นกันแล้ว มันไม่ได้มีกันบ่อย ๆ ผู้คนต่างพากันคาดเดาว่าต้องเป็นเพราะผู้หญิงชุดแดงคนนั้นแน่

ที่เทียนเหอโหลว

จ้าวเม่ยเอ๋อร์นอนจนใกล้เที่ยงแล้วเพิ่งจะตื่น ช่วงนี้นางท้องโตมากแล้ว จึงยิ่งชอบนอนมากยิ่งขึ้น พอตื่นมาก็ลงไปกินอาหารข้างล่าง

“เจ้าได้ยินหรือยัง ตระกูลกัวกับตระกูลไป๋ถอนหมั้นกันแล้วนะ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายกัวจะเป็นคนแบบนี้ นี่มันเกินไปแล้วจริง ๆ” ชาวบ้านที่มากินข้างข้าง ๆ พูดขึ้นมา

“คาดว่าคุณชายกัวน่าจะชอบผู้หญิงคนที่มาก่อกวนในงานหมั้น ผู้หญิงคนนั้นตั้งครรภ์ลูกของเขาอยู่ด้วยนะ”

“ได้ยินมาว่าเป็นคู่หมั้นตั้งแต่เด็กที่นายท่านกัวเคยหมั้นหมายไว้ให้ แบบนั้นคนก็เหมาะสมแล้ว ถ้าพูดตามหลักก่อนหลังแล้ว คุณหนูตระกูลไป๋ก็ควรเป็นน้อยนะซิ”

“ได้ยินมาถูกนายท่านกัวเฆี่ยนด้วยนะ บนร่างกายนี่มีแต่เลือดเต็มไปหมดเลย ดูน่าอนาถมากเลย”

จ้าวเม่ยเอ๋อร์ที่กำลังกินอาหารอยู่ ตอนแรกนึกว่าทำไมจู่ ๆ กัวมู่ไป๋ก็ถอนหมั้นกะทันหัน ในใจยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่พอได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายแล้ว อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าน่องไก่ในมือไม่อร่อยแล้ว

“จ้าวเม่ยเอ๋อร์ในอดีตได้ตายไปแล้ว ระหว่างข้ากับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว” จ้าวเม่ยเอ๋อร์หึเสียงเย็นไปคำหนึ่ง

กัวฮูหยินสีหน้าแข็งทื่อไปเล็กน้อย แล้วเปิดปากพูดต่อไปว่า “เจ้าพูดถูกต้อง เจ้าพูดอะไรมาก็ถูกทั้งนั้น ผู้หญิงท้องโมโหไม่ได้นะ ไม่งั้นจะกระทบกระเทือนต่อลูกได้ เป็นเพราะเจ้าชั่วมู่ไป๋นั่นไม่รู้เรื่องเอง ตอนนี้พ่อของเขาได้สั่งสอนเขาแล้ว”

“ดูจากท้องของเจ้า คงใกล้คลอดแล้ว เจ้าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวต้องไม่สะดวกแน่ เดี๋ยวข้ามาช่วยเจ้าดูแลเองนะ ข้าได้หาหมอตำแยและแม่นมทั้งเมืองมาแล้ว เจ้าดูซิว่าชอบคนไหนก็เหลือคนนั้นไว้ให้เจ้าเลย”

“ยังมีของกินของใช้ของเด็กอีก เป็นของที่ดีที่สุดทั้งนั้นเลยนะ ข้าซื้อของทุกอย่างที่นึกได้มาให้เจ้าหมดแล้ว โรงเตี๊ยมนี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะแก่การคลอดลูก ข้าได้สั่งให้คนเก็บกวาดห้องที่ดีที่สุดในจวนไว้ให้แล้ว รับรองว่าจะดูแลเจ้าตอนอยู่ไฟให้ดีที่สุดเลย”

จ้าวเม่ยเอ๋อร์มีสีหน้ามึนงงไปหมด จ้องมองเห็นข้าวของในรถม้าสี่คันด้านนอก ของวางเกลื่อนเต็มไปหมด แล้วนางก็รู้สึกหมดคำพูดไปทันที

“กัวฮูหยินที่ท่านถูกคุณไสยมาหรือเปล่า?”

“ดูพูดเข้าซิ ข้าสบายดี ข้าก็แต่ดีใจมากเกินไปเท่านั้น นี่เป็นลูกคนแรกของมู่ไป๋เลยนะ” กัวฮูหยินไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของนางเลยสักนิด แล้วพูดขึ้นมาอย่างดีใจ

“ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับกัวมู่ไป๋”

“เจ้าว่าไม่เกี่ยวข้องก็คือไม่เกี่ยวข้อง เจ้าพูดอะไรก็ถูกต้องทั้งนั้น” กัวฮูหยินไม่ได้สนใจคำพูดนางเลยสักนิด

หยุนถิงที่อยู่ข้าง ๆ ยังขมวดคิ้วขึ้นมาเลย ว่ากันว่ากัวฮูหยินเป็นคนหยิ่งยโสไม่น่าคบหา แต่ทำไมวันนี้ พอดูไปแล้วก็ไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้นนี่

“ข้าไม่ต้องการ” จ้าวเม่ยเอ๋อร์บอกปฏิเสธไปตรง ๆ

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ต้องการ แต่ว่านี่เป็นความตั้งใจของข้ากับพ่อของเขา ถ้าเจ้าไม่ชอบก็โยนทิ้งไปเลย ได้โปรดอย่าโกรธเลยนะ ข้าจะไม่อยู่ขัดหูขัดตาเจ้าที่นี่แล้ว” กัวฮูหยินพูดแล้ว ก็รีบจากไปเลย

“ข้าว่าว่าที่แม่สามีของเจ้านี่ ดูไม่เลวเลยนะ” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างติดตลก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ