“หรันจู๋ซี เอาชีวิตเจ้ามา!” เวินฉิงคำรามด้วยความโกรธ
หรันจู๋ซีผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลบออกไปทันที ก่นด่าสาดเสียเทเสีย “เวินฉิง เจ้าเป็นบ้าหรือ!”
“ไปลงนรกซะ!” หนึ่งกระบี่ของเวินฉิงฟันไม่ถูกหรันจู๋ซี แล้วก็ฟันมาอย่างแรงอีกหนึ่งกระบี่
ถึงแม้หรันจู๋ซีจะหลบกระบี่แรกออกไปได้ แต่หลายวันมานี้เขาถูกหยุนถิงทรมานจนอ่อนแอเหลือทน เมื่อครู่ก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีหมดแล้ว เวลานี้ไม่มีแรงที่จะหลบออกไปได้อีก ถูกฟันไปที่ไหล่หนึ่งกระบี่ เขาเจ็บจนขมวดคิ้วขึ้นมา
“เวินฉิง เจ้าก่อความวุ่นวายพอหรือยัง!”
“วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” เวินฉิงโจมตีเข้ามาอีกครั้ง
บ่าวรับใช้ชายกับองครักษ์ลับที่อยู่ด้านนอกประตูได้ยินความเคลื่อนไหว รีบพุ่งเข้ามาทันที “คุณชายระวัง!”
“เร็ว รีบจับนังผู้หญิงบ้าคนนี้เอาไว้!” หรันจู๋ซีคำรามด้วยความโกรธ วิ่งหนีออกไปทันที
บ่าวรับใช้ชายกับองครักษ์ลับล้อมเวินฉิงเอาไว้ทันที เวินฉิงจ้องมองด้วยความโกรธ “เข้ามาเลย วันนี้หากข้าไม่ฆ่าเจ้าหรันจู๋ซี ข้าสาบานว่าจะไม่เป็นมนุษย์อีก!”
พวกเขาต่อสู้กันขึ้นมาทันที และหรันจู๋ซีที่อยู่ด้านข้างก็พิงหายใจหอบอยู่ที่หน้าประตู ความเจ็บปวดจากบาดแผลตรงไหล่ทำให้สีหน้าของเขาซีดขาว เขาที่เดิมทีร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้วคนทั้งคนยืนไม่มั่นคง พิงอยู่ที่ประตูและนั่งอยู่บนพื้น
ถึงแม้เวินฉิงจะเก่งกาจ แต่หลายวันก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ยังไม่ฟื้นฟูกลับมา บวกกับนางคนเดียวแต่ศัตรูมีมากกว่า ไม่ช้าก็พ่ายแพ้ลง
เวินฉิงมองดูกลุ่มคนที่พุ่งเข้ามา จู่ๆก็หยิบผงยาออกมาจากแขนเสื้อหนึ่งกำมือแล้วโรยออกไป ทุกคนปิดจมูกเอาไว้โดยสัญชาตญาณ
เพียงแต่ว่าผงยาติดบนผิวหนังเป็นแผลเผาไหม้อย่างรุนแรง ทำให้คนไม่สามารถทนได้ บรรดาองครักษ์ลับเหล่านั้นร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวช
หรันจู๋ซีลุกขึ้นก็จะวิ่งออกไปข้างนอก แต่กลับถูกเวินฉิงที่รีบมาถึงพาดกระบี่เอาไว้บนคอของเขา
“ตามข้าไป มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!”
“ได้ ได้ ข้าตามเจ้าไป เจ้าต้องจับเอาไว้ให้แน่นๆ มืออย่าได้สั่นเด็ดขาด” หรันจู๋ซีเห็นด้วย
เวินฉิงบีบบังคับเขาจากไป ทั้งกลัวคนของจวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนจะหาตัวเองเจอ ยิ่งกลัวว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของหรันจู๋ซีจะสืบเจอ ดังนั้นเวินฉิงจึงพาหรันจู๋ซีไปในป่าที่อยู่นอกเมือง พักผ่อนอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง
หรันจู๋ซีที่เดิมทีก็อ่อนแออยู่แล้ว บวกกับระหว่างทางเสียเลือดมากไป คนทั้งคนทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ ทรุดตัวนั่งลงไปกับพื้นโดยตรง “เจ้าเป็นบ้าอะไรของเจ้า ความอดทนของข้ามีขีดจำกัดนะ”
“เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีก ดูสิว่าข้าจะเตะเจ้าให้ตายไหม!” เวินฉิงเตะหรันจู๋ซีอย่างแรง
ลูกเตะนี้ เวินฉิงใช้กำลังเต็มสิบ หรันจู๋ซีเจ็บจนสีหน้ามืดมนอย่างมาก กรีดร้องออกมา
“อ๊าก เจ็บจังเลย ผู้หญิงบ้าคนนี้นี่กินยาผิดไปใช่ไหม?” หรันจู๋ซีกล่าวอย่างแยกเขี้ยวยิงฟัน
“เจ้านำกำลังคนทำลายฐานลับที่ตระกูลเวินข้าดูแลจัดการมาสิบกว่าปี แถมยังฆ่าคนตระกูลเวินไปมากมายขนาดนั้น วันนี้ข้าจะแล่เนื้อเฉือนหนังเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้น ล้างแค้นให้กับเหล่าพี่น้องของข้า!” เวินฉิงกล่าวด้วยความโกรธ
ทีนี้หรันจู๋ซีมึนงงแล้ว “เจ้าพูดอะไรของเจ้า ทำไมข้าถึงฟังไม่เข้าใจ?”
“ยังกล้าเสแสร้งอีก!” เวินฉิงโจมตีเข้ามาอีกหนึ่งหมัดด้วยความโมโห
หรันจู๋ซีในเวลานี้ไม่มีแรงตอบโต้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่ถูกบีบให้โดนทุบตีเท่านั้น
หลังจากที่เวินฉิงทุบตีจนเหนื่อย ถึงได้หยุดลงมา “ฆ่าคนตระกูลเวินข้าแล้วยังไม่ยอมรับอีก น่าชิงชังนัก”
“ข้าไม่ได้ทำจริงๆ เจ้าปรักปรำข้า” หรันจู๋ซีกล่าวอย่างน้อยใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
“หากกล้าอีกคำเดียว เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะซ้อมเจ้าอีก!” เวินฉิงกล่าวด้วยความโกรธ
ทีนี้หรันจู๋ซีหุบปากลง ชื่อเสียงทั้งชีวิตของเขาถึงกับถูกทำลายด้วยน้ำมือของเวินฉิง นี่ถ้าหากเผยแพร่ออกไปยังจะไม่ถูกคนหัวเราะเยาะตายหรอกหรือ
เวินฉิงก็เหนื่อยมากจริงๆ บวกกับลงมือเมื่อครู่บาดแผลฉีกขาด เลยหาสถานที่นั่งลงพักผ่อน
เวลาผ่านไปทีละนิดทีละนิด จนกระทั่งฟ้ามืดท้องของหรันจู๋ซีก็ร้องจ๊อกๆขึ้นมา “นังผู้หญิงบ้า เจ้าไปหาของกินมาหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะ!” คนอื่นๆรับพระบัญชาทันที มีเพียงเฉินอ๋องคนเดียวที่เต็มไปด้วยความมึนงง
“เสด็จพี่ ทรงล้อเล่นกับกระหม่อมใช่ไหม?”
สีหน้าของฮ่องเต้เย็นยะเยือก “เจ้าคิดว่าข้าจะเอาความปลอดภัยของต้าเยียนมาล้อเล่นกับเจ้าหรือ?”
เฉินอ๋องมึนงงไปอย่างสิ้นเชิง “เสด็จพี่ ข้าทำเป็นแต่การค้า ตรวจสอบฐานลับกับสายลับเป็นที่ไหนกัน ถ้าอย่างไรมอบหมายเรื่องนี้ให้หลีอ๋องเถิด เขารู้ดีกว่าข้า!”
“ไม่ เรื่องนี้ต้องเป็นเจ้าเท่านั้น โดยทั่วไปแล้วฐานลับก็มีเพียงแค่ร้านสุรากับร้านค้าเท่านั้น ในเมื่อการค้าของเจ้ากระจายไปทั่วทั้งสี่แคว้น เจ้าต้องใส่ใจร้านค้าและการค้าของคนอื่นอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าเชื่อว่าเจ้าต้องทำได้แน่นอน!” ฮ่องเต้อธิบาย
คำพูดนี้มีเหตุผลจริงๆ แต่เฉินอ๋องไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน “เสด็จพี่ ถ้าหากข้าทำพังล่ะ?”
“หากทำพัง ทั่วทั้งต้าเยียนก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน ร้านค้าของเจ้าก็ได้แต่ถูกฝังไปด้วยเท่านั้นแล้ว!” ฮ่องเต้ตรัสด้วยสีหน้ามืดมน
สิ่งที่เฉินอ๋องภาคภูมิใจที่สุดก็คือร้านค้าเหล่านั้น ตอนนี้เขาร่ำรวยเป็นอันดับสองของสี่แคว้น อันดับหนึ่งย่อมเป็นหยุนถิงอยู่แล้ว หากร้านค้าหายไปมันเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าเอาชีวิตของเขาเสียอีก
“ยึกๆยักๆทำไมกัน หาได้ยากที่ฝ่าบาทจะมีสิ่งที่ใช้งานท่านได้ เร็วเข้าสิ” โม่หลานกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“ก็ได้ หาได้ยากที่เสด็จพี่จะให้เกียรติข้า เช่นนั้นข้าก็จะลองดู”
“ถอยออกไปให้หมดเถิด หลีอ๋องอยู่ต่อ!” ฮ่องเต้เอ่ยปาก
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ทุกคนจากไป โม่ฉือหานอยู่ต่อ “ฝ่าบาทมีสิ่งใดจะรับสั่งหรือ?”
“เจ้าเป็นคนที่ข้าเชื่อใจที่สุด มีความสามารถที่สุดในบรรดาอ๋องทั้งหมด ข้าต้องการให้เจ้าสืบหาสายลับของพระราชวังออกมา ยิ่งต้องการให้เจ้าส่งคนไปจับตาดูจี้อวี๋เอาไว้!” ฮ่องเต้เอ่ยปากอย่างราบเรียบ
โม่ฉือหานขมวดคิ้ว “เสด็จพี่สงสัยจี้อวี๋?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...