จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 991

“แค่มองแวบเดียว ซื่อจื่อเฟยก็มองออกว่าเป็นข้าเลย ช่างเฉลียวฉลาดจริง ๆ แต่น่าเสียดายจวินซื่อจื่อได้ไปที่ห้องโถงด้านหน้าแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครสามารถเจ้าได้อีกแล้ว”บรรพจารย์ตระกูลเวินมีน้ำเสียงที่แก่ชราดังขึ้นมาอีกครั้ง

แหบแห้ง เคร่งขรึม โหดเหี้ยม ราวกับงูพิษที่ใช้ชีวิตอยู่ในที่มืดมน คนได้ยินแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

“บรรพจารย์ตระกูลเวินวางแผ่นได้ดีจริง ๆ ท่านวางแผนแยบยลเช่นนี้ เพราะต้องการจะฆ่าข้าหรือ?” หยุนถิงถามขึ้นมา

“ไม่ ไม่ ไม่ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ข้าแค่ต้องการเลือดของเจ้าเท่านั้น”

บรรพจารย์ตระกูลเวินยื่นมือทางหยุนถิง หยุนถิงรีบถอยหนีไป ทั้ง ๆ ที่นางสามารถหลบหนีไปได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นเชื่องช้า บรรพจารย์ตระกูลเวินเคลื่อนไหวไปถึงข้างกายหยุนถิงอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าคอของหยุนถิงมาบีบไว้ทันที

หยุนถิงรู้สึกแต่เพียงหายใจลำบากขึ้น แล้วนางก็พยายามขัดขืนขึ้นมาบรรพจารย์ตระกูลเวินสาดผงยาพิษเข้าใส่ทันที แล้วหยุนถิงก็รู้สึกหน้ามืดและหมดสติไปทันที

“หึ ก็แค่นี้เท่านั้น”บรรพจารย์ตระกูลเวินหึเสียงเย็นขึ้นมาประโยคหนึ่ง แล้วรีบพาตัวคนไปเลย

แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ มีผงยาถูกสาดออกไปจากแขนเสื้อของหยุนถิง พอพวกเขาจากไปได้ไม่นาน บนพื้นก็ปรากฏสัญญาลักษณ์สีขาวพรวนหนึ่งขึ้นมา

ส่วนพวกองครักษ์ลับของจวนซื่อจื่อที่อยู่บนกำแพง ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น ก็เลยไม่ได้รีบติดตามไปทันที แต่กลับติดตามไปตามสัญญาลักษณ์สีขาวพวกนั้น

บรรพจารย์ตระกูลเวินพาหยุนถิงไปที่เรือนของตระกูล แล้วเดินไปทางในห้องด้านข้างห้องหนึ่ง และผลักประตูเข้า จากนั้นก็เข้าไปในห้องลับของห้องใต้ดิน

เขาเอาตัวหยุนถิงโยนทิ้งไว้บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง แล้วหมุนตัวไปเอามีดมา มืออีกข้างหนึ่งคว้าแขนของหยุนถิงมา แล้วก็จะกรีดข้อมือนางเลย

หยุนถิงกะเวลาให้เหมาะสม แล้วเข็มในมือก็ซัดไปปักบนลำคอของบรรพจารย์ตระกูลเวินอย่างรวดเร็ว

บรรพจารย์ตระกูลเวินคิดไม่ถึงว่านางจะทำเช่นนี้ และถอยหนีไปโดยอัตโนมัติ แต่เข็มเงินในมือหยุนถิงก็ยังบาดหน้าบรรพจารย์ตระกูลเวินเป็นแผลอยู่ดี

“อ๊าก หน้าของข้า นังผู้หญิงสมควรตายนี่!”บรรพจารย์ตระกูลเวินพลิกมือกลับมาแล้วซัดฝ่ามือใส่หยุนถิงอย่างแรงทีหนึ่ง

ถึงแม้ว่าหยุนถิงจะรู้สึกตัว แต่ร่างกายก็อ่อนแรงมาก จึงไม่สามารถหลบหนีได้ แล้วก็ถูกฝ่ามือซัดเข้าใส่อย่างแรงจนหมดสติไป

พอจวินหย่วนโยวที่อยู่ในมิติได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอก ก็รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก แล้วรีบร้องเรียกหยุนถิง แต่ว่าหยุนถิงได้หมดสติไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจวินหย่วนโยวจะตะโกนจนคอแตก ก็ยังไม่สามารถออกมาจากมิติได้เดิม วินาทีนี้ทำให้เขาร้อนใจแทบตายอยู่แล้วจริง ๆ

“ซื่อจื่อ ข้ารู้ว่าท่านร้อนใจ แต่ท่านเป็นแบบนี้ จะให้ซื่อจื่อน้อยกับจวิ้นจู่น้อยตกใจเอาได้นะ ซื่อจื่อเฟยเป็นคนที่ชาญฉลาดและมากแผนการ จะต้องรับมืออยู่แน่นอน” หลงยีพูดเกลี้ยกล่อมขึ้นมา

“ใช่ จวินซื่อจื่อ ถ้าซื่อจื่อเฟยมีอันตราย นางจะต้องเข้ามาด้วยตัวเองแน่ ๆ” ซูหลินพูดปลอบโยนขึ้นมา

“ท่านแม่เก่งกาจซะขนาดนั้น ท่านพ่ออย่าเป็นกังวลเลย” จวินเสี่ยวเทียนเดินมา แล้วพูดไปประโยคหนึ่ง

“ท่านแม่เก่งกาจที่สุดอยู่แล้ว” จวินเสี่ยวเหยียนพูดอย่างเห็นด้วย

พอเห็นลูกชายลูกสาวทั้งคู่เป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ ในที่ร้อนรนของจวินหย่วนโยวก็รู้สึกผ่อนคลายลงไปหลายส่วน “อืม พ่อรู้แล้ว แม่ของพวกเจ้าเก่งกาจที่สุด เป็นเพราะพ่อเป็นกังวลมากเกินไปเอง”

ด้านนอกมิติบรรพจารย์ตระกูลเวินเปิดกล่องใบหนึ่งในห้องลับออกอย่างบ้าคลั่ง แล้วก็หยิบหน้ากากหนังอันหนึ่งขึ้นมาใส่ จากกองหน้ากากหนัง แล้วก็จัดการอยู่กับใบหน้าพักหนึ่ง

พอเขาหันหน้ามา ก็ไม่ใช่ใบหน้าของเวินหวู่อวี่อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นใบหน้าของคนแปลกหน้าคนหนึ่ง

บรรพจารย์ตระกูลเวินจ้องมองไปที่หยุนถิงด้วยสายตาโหดเหี้ยมและชั่วร้ายทั้งคู่ แล้วป้อนยาให้หยุนถิงไปเม็ดหนึ่ง จากนั้นก็เก็บมีดบนพื้นขึ้นมา แล้วบาดลงบนข้อหยุนถิงอย่างแรงทีหนึ่ง

เลือดสีแดงสด ๆ ไหลออกมาบรรพจารย์ตระกูลเวินรีบเอาถ้วยแก้วที่เตรียมไว้ล่วงหน้ามารับเลือดเอาไว้

“ซื่อจื่อเฟย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” พวกหลงเอ้อกับซูหลินต่างพากันจ้องมองมาอย่างเป็นกังวล

“ท่านแม่!” ลูกทั้งสองคนก็วิ่งมาหาเช่นกัน

“ข้าไม่เป็นไร แค่เสียเลือดไปมากเท่านั้น ข้าอยากรู้ให้แน่ชัดว่าตกลงบรรพจารย์ตระกูลเวินกำลังปรุงยาอะไรอยู่ ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้ายังรับมือไหว” หยุนถิงรีบพูดให้ทุกคนวางใจ

“สีหน้าดูแย่ขนาดนี้แล้ว ยังรับมือไหวอีกหรือ” ใจทั้งดวงของจวินหย่วนโยวบิดตัวเป็นเกลียวขึ้นมาแล้ว

หยุนถิงพูดชื่อยาออกไปสองสามอย่าง หลงเอ้อกับซูหลินก็รีบช่วยเอาออกมาให้ทันที จวินหย่วนโยวเป็นคนป้อนหยุนถิงกินลงไป แล้วหยุนถิงถึงรู้สึกว่าร่างกายสบายตัวมากขึ้นเยอะ

“ท่านพี่ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก ข้ายังอยากรู้ให้แน่ชัดว่าตาเฒ่าคนนี้รู้สถานะชนเผ่าเลือดของข้าได้ยังไง ตอนนี้อย่าเพิ่งลงมือเลย!” หยุน ถิงพูดขึ้นมา

จวินหย่วนโยวขมวดคิ้วเป็นปม ถึงแม้ว่าจะปวดใจ แค่ก็ไม่มีทางเลือก “ได้ ครั้งหน้าถ้ามีอันตรายอะไรก็รีบเจ้ามาเลยนะ อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงเด็ดขาด”

“ได้” หยุนถิงเหม่อลอยไปอีกพักหนึ่ง แล้วถึงจะออกจากมิติไป

บรรพจารย์ตระกูลเวินยังไม่ปรากฏตัวออกมา และร่างกายของหยุนถิงก็ฟื้นฟูกลับมาได้ครึ่งกว่าแล้ว พอเห็นเหล็กที่หนักอึ้งนั่น มุมปากของเธอก็คลี่ยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมา แล้วล้วงเข็มเงินอันหนึ่งออกมา แล้วแหยะเข้าไปในรูนั่นเบา ๆ สองสามที โซ่เหล็กนั่นก็แยกออกจากกันเลย

จากนั้น หยุนถิงก็ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดเดินไปที่ชั้นวางต่าง ๆ ในห้องลับ แล้วเอาชั้นวางทั้งหมดใส่เข้าไปในมิติ คัดลอกทั้งหมดไปรอบหนึ่ง แบบนี้ดีเลยจะได้ค่อย ๆ วิเคราะห์ไปว่าตาเฒ่านี่ปรุงยาอะไรขึ้นมาบ้าง

เพียงแต่ตอนที่ได้เห็นกำแพงด้านสุดท้ายในห้องลับนั้น หยุนถิงก็นิ่งอึ้งไปทั้งตัวเลย เพราะว่าในกำแพงด้านนั้นมีคนอยู่ ไม่น่าจะพูดว่าเป็นคน น่าจะพูดว่าเป็นมัมมี่ซะมากกว่า เพราะว่าร่างกายของพวกเขาได้เหี่ยวย่นไปหมดแล้ว สีหน้าเหี่ยวย่นน่ากลัว ดูก็รู้เลยว่าถูกคนดูดเลือดไปจนแห้ง

เด็กคนสุดท้าย สีหน้าขาวซีด ริมฝีปากแห้งกร้าน ดูไปเหมือนกับว่านอนหลับอยู่ หยุนถิงเหลือบไปเห็นแผ่นหยกตรงเอวของเด็กคนนั้นโดยบังเอิญ แล้วก็ตกใจจนสะดุ้งขึ้นมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ