จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 997

พอคำพูดนี้พูดออกไป ขุนนางใหญ่คนอื่น ๆ ก็พากันมองมาที่ท่านอ๋องสามอย่างสงสัย เขาเป็นคนมารายงานให้พวกขุนนางจริง ๆ บอกว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฝ่าบาท ให้ทุกคนรีบตามมา

ตอนนี้พอมาได้ยินฮองเฮาพูดเช่นนี้ ผู้คนก็พากันรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูผิดปกติจริง ๆ

“ท่านอ๋องสาม ท่านให้คำอธิบายกับทุกคนหน่อยเถอะ” แม่ทัพหยู๋เปิดปากพูดขึ้นมา

เขาเป็นคนที่เที่ยงธรรมมาก และมีความภักดีต่อฮ่องเต้เป็นอย่างมาก ไม่มีทางยอมให้คนอื่นมาทำร้ายฮ่องเต้เด็ดขาด

สีหน้าของเป่ยเย่เหอเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ซึ่งก็คิดไม่ถึงเลยว่ารั่วเฟิงซีจะมีมันสมองมากขนาดนี้

“ข้าถูกเสด็จพี่สั่งให้กักบริเวณก็จริง แต่ข้าก็ไม่อาจทนเห็นท่านวางยาทำร้ายเสด็จพี่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีคนส่งข่าวให้กับข้า แล้วข้าจะรู้ได้ยังไงว่าท่านมีจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้

ตอนนี้ท่านตั้งครรภ์ลูกคนแรกของเสด็จพี่แล้ว ถ้าเสด็จพี่เป็นอะไรไป ท่านก็จะสามารถใช้ลูกคนนี้ขึ้นไปนั่งอยู่ในตำแหน่งไทเฮาได้อย่างมั่นคง แล้วก็ควบคุมแคว้นเป่ยลี่เอาไว้

ท่านเจ้าเล่ห์มาก จิตใจโหดเหี้ยมมาก ข้าจะไม่มีทางทนเห็นแคว้นเป่ยลี่ไปตกอยู่ในมือผู้หญิงงูพิษอย่างท่านแน่!” เป่ยเย่เหอพูดขึ้นมาอย่างมีเหตุมีผล

ฮองเฮารั่วเฟิงซีพึมพำเสียงเย็นขึ้นมาประโยคหนึ่ง “พูดจาไปเรื่อย ในเมื่อท่านอ๋องสามบอกว่ามีคนส่งจดหมายไปให้ท่าน งั้นข้าอยากรู้ว่าใครเป็นคนใส่ร้ายข้า?”

“ยังไม่รีบก้าวออกมาอีก!” เป่ยเย่เหอหึเสียงเย็นขึ้นมาประโยคหนึ่ง

สาวใช้ซูหรงที่อยู่ข้าง ๆ มีสีหน้าเคร่งเครียด ลังเลไปครู่หนึ่งแล้วก็ก้าวเดินออกมาสองสามก้าว “บ่าวเห็นฮองเฮาให้ฝ่าบาทดื่มซุปไปถ้วยหนึ่งกับตาตัวเอง จากนั้นฝ่าบาทก็ถูกพิษจนหมดสติไป หมอหลวงหลิวบอกว่านั่นเป็นยาพิษร้ายแรง ฝ่าบาทยังอยู่ในขั้นตอนการรักษาอยู่ ทำไมเหนียงเหนียงถึงได้จิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ ฝ่าบาทมีความรักลึกซึ้งต่อท่านเช่นนี้ ทำไมท่านถึงวางยาทำร้ายฝ่าบาทได้!”

ฮองเฮารั่วเฟิงซีรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก จ้องมองไปที่ซูหรงอย่างเหลือเชื่อ นางคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าสาวใช้คนสนิทของตัวเองจะมาทรยศตัวเอง และใส่ร้ายตัวเองได้

“ทำไมเจ้าต้องใส่ร้ายข้าด้วย ข้าไม่ดีต่อเจ้ายังไง ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้กับข้า? ข้าไม่เคยทำเลยสักนิด เจ้ากับข้าเป็นคนช่วยกันดูซุปหม้อนั้น ข้าได้ใส่ยาพิษลงไปหรือเปล่า เจ้าไม่รู้หรือ?”

“เหนียงเหนียง ถึงท่านจะฆ่าข้าไป วันนี้บ่าวก็ต้องพูดความจริง ฝ่าบาทยอมอุทิศตนเพื่อแคว้นเป่ยลี่ แล้วทำไมท่านถึงได้เกลียดฝ่าบาท เพียงเพราะฝ่าบาทโปรดปรานสนมคนอื่น แล้วมาวางยาพิษใส่ฝ่าบาทล่ะ?” ซูหรงร้องห่มร้องไห้พูดออกมา

พวกขุนนางใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์แตกฮือกันขึ้นมาทันที “ข้ารู้จักสาวใช้คนนี้ นางคือสาวใช้คนสนิทของฮองเฮา!”

“ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในงานเลี้ยง ข้าเห็นนางปรนนิบัติฮองเฮาด้วย!”

“หรือว่าที่ท่านอ๋องสามพูดมาจะเป็นความจริง ฮองเฮาวางยาพิษฝ่าบาทจริง ๆ หรือ!”

พวกขุนนางพากันถกเถียงกันขึ้นมา แล้วก็จ้องมองไปที่ฮองเฮาอย่างศัตรูกันทั้งหมด

แม่ทัพหยู๋เองก็ใบหน้าโกรธเกรี้ยว “ฮองเฮาเหนียงเหนียง นางเป็นสาวใช้คนสนิทของท่านนะ ในเมื่อนางออกตัวมาเป็นพยานชี้ตัวท่านว่าเป็นคนวางยาพิษใส่ฝ่าบาท ท่านยังมีอะไรจะพูดอีก?”

รั่วเฟิงซีจ้องมองไปที่ซูหรงอย่างเย็นชาทีหนึ่ง แล้วก็มองไปที่ความได้ใจในดวงตาเป่ยเย่เหอ นางรู้เรื่องในวันนี้พวกเขาวางแผนกันมาแล้ว และซูหรงก็ถูกเป่ยเย่เหอซื้อตัวไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นไม่ว่านางจะอธิบายยังไง ก็ต้องตกเหยื่อคนอื่นอยู่แล้ว

“ข้าไม่เคยวางยาพิษฝ่าบาท เรื่องที่ข้าไม่เคยทำ ข้าจะไม่ยอมรับเด็ดขาด!” รั่วเฟิงซีพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง

“ใครที่วางยาพิษแล้วยอมรับเองบ้าง ตอนนี้เรื่องที่เสด็จพี่ถูกพิษเป็นความจริงแล้ว ข้าขอเสนอให้ควบคุมตัวฮองเฮาเอาไว้ก่อน ทุกอย่างรอให้เสด็จพี่ฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยทำการตัดสิน!” เป่ยเย่เหอพูดอย่างมีหลักการ

“ไม่ได้เด็ดขาด ฮองเฮาเหนียงเหนียงกำลังตั้งครรภ์อยู่ สามเดือนแรกนั้นอันตรายมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้น พอฝ่าบาทฟื้นขึ้นมา จะตอบฝ่าบาทว่าอย่างไรล่ะ!” หมอหลวงหลิวที่อยู่ด้านใน พอได้ยินคำพูดพวกนี้ ก็รีบออกมาพูดเกลี้ยกล่อมทันที

“แต่ว่านางวางยาทำร้ายฝ่าบาทนะ พยานหลักฐานก็มีครบ แล้วจะไม่ลงโทษเลยหรือ?” ขุนนางใหญ่อีกท่านหนึ่งโต้แย้งขึ้นมา

สีหน้าของเป่ยเย่เหอเย็นชาลงหลายเท่าทันที “ฮองเฮาเป็นคนวางยาพิษเสด็จพี่เอง ข้าแค่ทำให้ทุกคนได้เห็นความจริง ไม่อยากให้แคว้นเป่ยลี่ต้องมาจบสิ้นลงในมือคนที่จิตใจโหดร้ายเช่นนี้!”

“เหอะ เหอะ จิตใจโหดเหี้ยมหรือ ข้าว่าคนที่จิตใจโหดเหี้ยมคือท่านต่างหาก!” เป่ยจิงจิงพูดจี้ใจดำขึ้นมา

“เป่ยจิงจิงเจ้าอย่าพูดจาไปเรื่อยนะ สาวใช้คนสนิทของฮองเฮาก็ได้พูดออกมาแล้ว ว่าฮองเฮาเป็นคนวางยาเสด็จพี่!” เป่ยเย่เหอโต้แย้งขึ้นมา

“คำพูดมั่ว ๆ แบบนี้ พวกท่านก็เชื่อหรือ แล้วถ้าเกิดนางถูกคนซื้อตัวไปหรือว่าข่มขู่ไว้ล่ะ พวกท่านเป็นถึงขุนนางใหญ่ของแคว้นเป่ยลี่กันทั้งนั้น การใส่ร้ายที่งุ่มง่ามเช่นนี้ ก็ยังมองกันไม่ออกอีกหรือ ช่างโง่เขลากันจริง ๆ!” เป่ยจิงจิงพูดขึ้นมาอย่างดูถูก

พวกขุนนางใหญ่สีหน้าดูย่ำแย่มาก เพราะว่าถูกองค์หญิงสี่ตำหนิเช่นนี้ ใบหน้าเหี่ยวย่นของพวกเขาทนแบกรับกันไม่ไหวแล้ว

“เป่ยจิงจิงเจ้าเอะอะพอหรือยัง วันนี้คนที่มาที่นี่เป็นถึงเหล่าขุนนางของราชสำนักแคว้นเป่ยลี่กันทั้งนั้น ทุกคนต่างก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเสด็จพี่ เจ้ามาเอะอะโวยวายเช่นนี้มันมีประโยชน์อะไรกัน หรือว่าเจ้าเป็นพวกเดียวกับฮองเฮาหรือ?” เป่ยเย่เหอตะคอกขึ้นมาอย่างโกรธเคือง

เป่ยจิงจิงอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก แล้วโมโหจนต่อยไปที่เป่ยเย่เหอทีหนึ่ง “แม่เมิงซิ ข้าเห็นเจ้าเป็นพี่สาม เจ้าก็ได้คืบจะเอาศอกแล้วหรือ อยากโดนซ้อมใช่ไหม!”

นางเป็นคนที่อารมณ์ร้อนอยู่แล้ว เพราะว่าถูกหลงเอ้อปฏิเสธ จึงกลับไปฝึกฝนที่ค่ายทหารด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว ถึงแม้จะได้กลายเป็นรองแม่ทัพหญิงของแคว้นเป่ยลี่แล้ว แต่นิสัยก็ร้อนขึ้นมากกว่าเดิมไปด้วย

เมื่อก่อนเป่ยจิงจิงมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับเป่ยเย่เหอ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็จะให้พี่สามช่วยออกความคิดเห็นให้ แต่ต่อมามีหลายครั้งที่เป่ยจิงจิงสังเกตเห็นหลังจากการชี้แนะจากหยุนถิง ว่าเป่ยเย่เหอเอาตัวเองไปเป็นโล่บังหน้า ดังนั้นเป่ยจิงจิงจึงมีอคติต่อเป่ยเย่เหอมากขนาดนี้

เป่ยเย่เหอร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ไม่สามารถฝึกวิชาการต่อสู้ได้ พอโดนซ้อมสด ๆ ร้อน ๆ ไปรอบหนึ่งก็กลายเป็นตาหมีแพนด้า ใบหน้าบวมบูด ริมฝีปากมีเลือดสด ๆ ไหลออกมา ร่างกายทั้งตัวล้มไปกองอยู่บนพื้น และแม่ทัพหยู๋เป็นคนประคองเขาไว้

“เป่ยจิงจิง เจ้าทำเกินไปแล้ว นี่เจ้าไม่สนใจความเป็นความตายของเสด็จพี่แล้วหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ