จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 999

มุมปากของเป่ยจิงจิงกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย แล้วมองตาขาวทีหนึ่ง “ข้าแค่รู้สึกว่าเซ่อเจิ้งอ๋องน่าเกรงขาม ดูทรงพลังอำนาจเท่านั้น ข้าไม่ได้คิดอะไรต่อเขา สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือแย่งชิงคนรักของคนอื่น เจ้าแต่งงานกับเซ่อเจิ้งอ๋อง ทั้งสี่แคว้นต่างก็รู้กันไปทั่ว ในใจเซ่อเจิ้งอ๋องก็มีแต่เจ้า ถึงข้าจะโง่แค่ไหนก็ไม่ไปแย่งเขามาหรอก นอกเสียจากว่าตัวเองอยากหาเรื่องใส่ตัวเอง”

เริ่นเซวียนเอ๋อร์มีสีหน้าได้ใจ “โอ๊ย เป่ยจิงจิง เจ้านี่ดีนี่ ตอนนี้รู้จักตัวเองดีแล้วนี่”

“พูดไร้สาระ ข้าไม่ได้โง่สักหน่อย เจ้ารีบไปดูเสด็จพี่ข้าให้หน่อยเถอะ ขอแค่เจ้าช่วยเสด็จพี่ข้าได้ เจ้าจะให้ข้าทำอะไรก็ได้” เป่ยจิงจิงพูดขึ้นมา

“งั้นถ้าข้าบอกให้เจ้าแต่งงานกับหมูตัวหนึ่งล่ะ?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตั้งใจพูดติดตลกขึ้นมา

เป่ยจิงจิงสีหน้ามืดมน “เริ่นเซวียนเอ๋อร์ เจ้าเกินไปแล้วนะ”

“ฮา ฮา ข้าล้อเล่นเท่านั้น ถ้าข้าให้เจ้าแต่งงานกับหมูจริง ๆ เป่ยหมิงฉี่คงจะต้องฆ่าข้าแน่” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดแล้ว ก็รีบไปดูเป่ยหมิงฉี่เลย

ฮองเฮาได้สั่งให้คนเตรียมทุกอย่างมาแล้ว เริ่นเซวียนเอ๋อร์จ้องมองเป่ยหมิงฉี่ที่หมดสติอยู่ แล้วก็ยื่นมือไปถอดเสื้อผ้าของเป่ยหมิงฉี่เลย

“เซวียนเอ๋อร์ นี่เจ้าจะทำอะไร?” กู้จิ่วเยวียนรีบออกเสียงห้ามปรามขึ้นมาทันที

“ก็ถอดเสื้อผ้าของเป่ยหมิงฉี่ไง ไม่งั้นจะอบตัวยังไงล่ะ?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์โต้แย้งกลับไป

ท่าทางดูไร้เดียงสา กู้จิ่วเยวียนรู้ว่าตัวเองคิดมากไปแล้ว แต่พอเห็นผู้หญิงของตัวเองไปถอดเสื้อของผู้ชายคนอื่น เปลี่ยนเป็นผู้ชายคนไหนก็คงจะทนดูอยู่เฉย ๆ โดยไม่สนใจไม่ได้หรอก

“เรื่องแบบนี้ฮองเฮาเหมาะสมกว่าเจ้า เจ้าทำแบบนี้ ฮองเฮาจะรังเกียจเอาได้นะ” กู้จิ่วเยวียนพูดเสียงเรียบขึ้นมา

รั่วเฟิงซีกำลังจะพูด ที่จริงตัวเองไม่ได้รังเกียจ เพราะว่าเริ่นเซวียนเอ๋อร์ทำเพราะต้องการรักษาอาการให้ฝ่าบาท ในสายตาของหมอไม่มีชายหญิง แต่พอเห็นสีหน้าของเซ่อเจิ้งอ๋องแล้ว รั่วเฟิงซีก็เข้าใจแล้วว่ากู้จิ่วเยวียนหึงหวงแล้ว

“เซวียนเอ๋อร์ ให้ข้าทำเถอะ” รั่วเฟิงซีเปิดปากพูดขึ้น

“ได้” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พยักหน้าขึ้นมา

“เดี๋ยวข้าช่วยเอง” เป่ยจิงจิงรู้ว่ารั่วเฟิงซีตั้งครรภ์อยู่ไม่สะดวก ดังนั้นจึงพูดขึ้นมาอย่างผู้กล้า

“เจ้าแน่ใจหรือว่าอยากเห็นตูดเปล่า ๆ ของเสด็จพี่เป่ยหมิงฉี่ของเจ้า?”

คำพูดประโยคเดียว ก็ทำให้ใบหน้าของเป่ยจิงจิงเป็นเหมือนกับกุ้งสุกขึ้นมาทันที และแดงมากด้วย “เริ่นเซวียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นนักเลงหรือ?”

“ข้าแค่พูดไปตามความจริง การอบตัวขับพิษนี่ต้องไม่เหลือเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์หัวเราะเสียงเบาขึ้นมา

เป่ยจิงจิงถลึงตาใส่นาง แล้วก็วิ่งหนีไปอย่างเขินอาย

สีหน้าของกู้จิ่วเยวียนก็มืดมนลง แล้วก็ลากตัวเริ่นเซวียนเอ๋อร์ออกไปเลย เขาไม่อยากให้เริ่นเซวียนเอ๋อร์เห็นสภาพแบบนั้นของเป่ยหมิงฉี่หรอกนะ

“เหนียงเหนียง ให้บ่าวทำเถอะ” ขันทีเล็กที่ปรนนิบัติเป่ยหมิงฉี่รีบเปิดปากพูดขึ้นมาทันที

“ได้” รั่วเฟิงซีพยักหน้า

ขันทีเล็กถอดเสื้อผ้าของฝ่าบาทออกด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด จากนั้นก็ยกเป่ยหมิงฉี่ขึ้นไปบนเตียงไม้นั่นพร้อมกับขันทีอีกคนหนึ่ง

รั่วเฟิงซีจ้องมองเป่ยหมิงฉี่ที่มีร่างกายที่เปลือยเปล่า แล้วใบหน้าก็ร้อนผ่าวมากขึ้นมา แล้วก็ออกไปตามเริ่นเซวียนเอ๋อร์เลย

เริ่นเซวียนเอ๋อร์ก้าวเท้าแล้วก็จะเดินเข้าไป แต่กู้จิ่วเยวียนกลับก้าวเข้าไปก่อนนางก้าวหนึ่ง พอเห็นเป่ยหมิงฉี่ที่นอนหมดสติอยู่ สีหน้าของกู้จิ่วเยวียนก็เย็นชาลง แล้วก็รีบกดหัวเริ่นเซวียนเอ๋อร์เข้ามาอยู่ในอกตัวเองโดยอัตโนมัติ

“อ๊าย เสด็จอาเก้านี่ท่านจะทำอะไรเนี่ย?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ

กู้จิ่วเยวียนไม่ได้ตอบ มือข้างหนึ่งกดอยู่บนหัวเริ่นเซวียนเอ๋อร์ แล้วมืออีกข้างก็หยิบผ้าคลุมด้านข้างขึ้นมาแล้วโยนไปที่ตัวเป่ยหมิงฉี่เลย และไปปิดตรงจุดสำคัญของเขาไว้พอดี แล้วถึงได้คลายมือออก

“ไม่มีอะไร”

เริ่นเซวียนเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเสื้อผ้าบนตัวเป่ยหมิงฉี่ แล้วก็อดไม่ได้ที่หัวเราะขึ้นมา “เสด็จอาเก้า ท่านนี่……ดีมากจริง ๆ”

“ข้าเองก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน” กู้จิ่วเยวียนพูดอย่างเห็นด้วยขึ้นมา

“ฝ่าบาทไม่เป็นอะไรแล้ว พิษถูกถอนออกไปแล้ว ดีจังเลย ในที่สุดท่านก็อดทนมาได้แล้ว” รั่วเฟิงซีพูดขึ้นมา น้ำตานองเต็มหน้า

สวรรค์เท่านั้นที่รู้ ตอนที่เป่ยหมิงฉี่ถูกพิษหมดสติไปนั้น นางหวาดกลัวมากแค่ไหน เป็นกังวลมากแค่ไหน ถ้าเป่ยหมิงฉี่เป็นอะไรไปจริง ๆ นางจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่

เพราะว่า นางเป็นคนยกซุปถ้วยนั้นมาให้เป่ยหมิงฉี่เอง ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว ดีจังเลย

เป่ยจิงจิงวิ่งเข้ามา แล้วก็มาเห็นภาพนี้เข้าพอดี แล้วถึงโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง “ท่านพี่สะใภ้ เริ่นเซวียนเอ๋อร์บอกว่าเขาใกล้จะฟื้นขึ้นมาแล้ว”

“ดีจังเลย”

พอพวกขุนนางเห็นองครักษ์ยกตัวฝ่าบาทลงกลับมา ก็พากันถามอย่างซาบซึ้งขึ้นว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง?”

“เริ่นเซวียนเอ๋อร์ได้ช่วยถอนพิษให้ฝ่าบาทแล้ว อีกไม่นานฝ่าบาทก็ฟื้นแล้ว!” รั่วเฟิงซีตอบกลับไป

“ดีจังเลย สวรรค์คุ้มครอง ฮ่องเต้ทรงพระเจริญ” ขุนนางคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างซาบซึ้ง

“สวรรค์คุ้มครองที่ไหนกัน ทั้ง ๆ ที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นเทียนจิ่วช่วยไว้แท้ ๆ ควรจะขอบคุณนางต่างหาก” ขุนนางอีกคนหนึ่งพูดโต้แย้งขึ้นมา

“ถูกต้อง ถ้าฮ่องเต้ของแคว้นเทียนจิ่วไม่ปรากฏตัวมา ฝ่าบาทก็ต้องเคราะห์ร้ายแน่”

วินาทีนี้พวกขุนนางพากันซาบซึ้งเป็นอย่างมาก และรู้สึกขอบคุณเริ่นเซวียนเอ๋อร์เป็นอย่างมาก มีเพียงเป่ยเย่เหอคนเดียวที่มีสีหน้าเย็นชาผิดปกติ

น่ารังเกียจจริง ๆ เจ้าเริ่นเซวียนเอ๋อร์คนนี้กลับมาทำลายเรื่องดี ๆ ของตัวเองไป ช่างสมควรตายจริง ๆ

เป่ยจิงจิงมองเห็นสีหน้าของเป่ยเย่เหอเข้าพอดี แล้วตั้งใจเดินมาพูดว่า “ต้องขอโทษด้วยนะพี่สาม ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว”

เป่ยเย่เหอถลึงตาใส่นางทีหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มจอมปลอม “ใครว่าข้าผิดหวัง เสด็จพี่ถอนพิษได้แล้ว ข้าก็ต้องดีใจอยู่แล้ว ฮา ฮา”

พอคำพูดจบลง แม่ทัพหยู๋ก็นำทหารมากองหนึ่ง แล้วควบคุมตัวคนกลุ่มหนึ่งมา พอเป่ยเย่เหอเห็นคนพวกนั้นแล้ว ก็หัวเราะไม่ออกอีกเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ