จอมนักรบอหังการ นิยาย บท 126

เหตุผลที่อ้ายเสี่ยวเตี๋ยไม่ระวังจนก้างปลาติดคอนั้นเป็นเพราะฉากที่อยู่ตรงหน้ามันน่าตกใจเกินไป

เสิ่นจูนอี๋แห่งเจียงไห่เสิ่นซื่อกรุ๊ปเป็นน้องสาวของเสิ่นรั่วชิงอย่างนั้นหรือ ?

ตอนนี้เสิ่นจูนอี๋กลายเป็นรองประธานของเทียนจวิน กรุ๊ป แถมยังจะมอบตำแหน่งที่อยู่เหนือกว่าคนนับหมื่นให้กับเสิ่นรั่วชิง ?

บ้าไปแล้วหรือเปล่า ?

แต่ปัญหาคือ......

แม้รูปลักษณ์ของเสิ่นจูนอี๋จะเทียบไม่ได้กับเสิ่นรั่วชิง แต่รูปลักษณ์ของเธอเมื่อเห็นแวบแรกก็เหมือนกับคู่แฝดของเสิ่นรั่วชิง !

จากสถานการณ์นี้ ต่อหน้าผู้อำนวยการใหญ่เสิ่นจูนอี๋ท่านนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ล้อเล่น !

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ

ว่าตัวตนของเสิ่นรั่วชิงนั้นจะยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ !

ก่อนอื่นเกาเยว่หรู ประธานแห่งเจียงหนานเกาซื่อ กรุ๊ปคือลูกพี่ลูกน้องของเธอ จากนั้นเสิ่นจูนอี๋ ประธานแห่งเจียงไห่เสิ่นซื่อกรุ๊ปคือน้องสาวเธอ !

นอกจากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงได้กลายเป็นน้องสาวร่วมสาบานของฝ่าบาท !

หากเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา......

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยคงคิดว่าตนเองอาจมีเนื้องอกในสมอง หรือไม่ก็มีอาการประสาทหลอน !

แต่ตอนนี้แม้อ้ายเสี่ยวเตี๋ยจะรู้สึกตกใจมากเพียงใดเธอก็ไม่สนใจเรื่องอื่น เนื่องจากก้างปลามันติดคอของเธอไปแล้วจริง ๆ

รู้สึกเจ็บคออย่างรุนแรง

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว

ผู้หญิงที่สวยและงดงามราวกับดอกไม้อย่างเธอ หากถูกก้างปลาติดคอเข้าจริง แม้จะไม่ถึงชีวิต แต่มันก็เป็นบาดแผลที่มีเลือดออก ซึ่งทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่คออันเรียวยาวของเธอ......

เมื่อคิดเช่นนี้ อ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็พูดออกมาพร้อมกับร้องไห้ “มีก้างปลาติดคอฉันจริง ๆ ทำไมพวกเธอถึงยังนิ่งเฉย ? รีบโทรไปโรงพยาบาลเร็ว ! ฉันเจ็บจนจะตายอยู่แล้ว !”

ตอนนี้เสิ่นรั่วชิงเพิ่งจะเชื่อและรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรทันที

แต่ในตอนนี้ เย่อู๋เทียนลุกขึ้นยืน หันไปพูดกับอ้ายเสี่ยวเตี๋ยว่า “อ้าปาก”

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยยังไม่ทันได้ตอบสนอง “อื๋อ ?”

ทันใดนั้นเย่อู๋เทียนไม่ได้นำนิ้วมือทั้งหมดของเขาเข้าไปในปากของอ้ายเสี่ยวเตี๋ยโดยตรง แต่เขาใช้เพียงสองนิ้ว หลังจากนั้นเขาก็สัมผัสถึงก้างปลาในลำคอของอ้ายเสี่ยวเตี๋ยได้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

ไม่ทันรอให้อ้ายเสี่ยวเตี๋ยได้ตอบสนอง เย่อู๋เทียนได้นำนิ้วมือของเขาออกมาแล้ว และระหว่างนิ้วทั้งสองของเขามีก้างปลายาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรอยู่

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยสำรอกออกมาอย่างรุนแรง

แต่เนื่องจากความรวดเร็วเมื่อสักครู่ของเย่อู๋เทียน จึงทำให้รู้สึกคลื่นไส้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการอยากอาหารของผู้อื่นแต่อย่างใด

และด้วยเหตุนี้ นิ้วมือของเย่อู๋เทียนจึงเต็มไปด้วยน้ำลายของอ้ายเสี่ยวเตี๋ย

เย่อู๋เทียนโยนก้างปลาทิ้งลงไปทั้งขยะที่อยู่ด้านข้าง พูดออกมาว่า “ฉันจะไปล้างมือที่ห้องน้ำ”

พูดจบเย่อู๋เทียนก็หันหลังพร้อมเดินออกไป

ไม่ว่าจะเป็นอ้ายเสี่ยวเตี๋ยหรือเสิ่นรั่วชิง หรือแม้กระทั่งเสิ่นจูนอี๋กับแขกคนอื่นโต๊ะถัดไป ทุกคนต่างตกตะลึง

ใช้มือหยิบก้างปลาออกมา ?

โดยเฉพาะอ้ายเสี่ยวเตี๋ย เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

หลังจากนั้นลองใช้ความรู้สึกตรวจสอบไปตรงลำคอของตนเอง เอ่อ มันไม่มีก้างปลาติดอยู่แล้ว รู้สึกสบายมาก !

แต่เมื่อนึกถึงจากที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ใบหน้าของอ้ายเสี่ยวเตี๋ยแดงเหมือนกับลูกท้อในชั่วพริบตา

แม้เย่อู๋เทียนจะช่วยเธอเอาไว้

แต่......

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยยังคงรู้สึกแปลก ๆ

เสิ่นรั่วชิงลูบด้านหลังของอ้ายเสี่ยวเตี๋ยเบา ๆ พูดออกมาด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวเต๋อ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?”

ใช้เวลาอยู่นานกว่าอ้ายเสี่ยวเตี๋ยจะตอบกลับไป “ไม่ ไม่เป็นอะไร”

เสิ่นรั่วชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก พูดออกมาว่า “โชคดีที่สามีของฉันอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเมื่อสักครู่ก็คงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร อ่า ทำไมเธอถึงไม่ระวังเอาเสียเลย ทานปลาอย่างไรถึงปล่อยให้ก้างมาติดคอได้ !”

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยดื่มน้ำลงไป พูดออกมาด้วยอารมณ์ไม่พอใจ “ทั้งหมดมันไม่ใช่เพราะเธอหรือไง !”

เสิ่นรั่วชิงพูดออกมาอย่างไร้เดียงสา “นี่เธอ......นี่มันเกี่ยวอะไรกับฉัน ?”

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยหันไปมองเสิ่นจูนอี๋ กลืนน้ำลาย ถามเสิ่นรั่วชิงออกมาว่า “เธอ เสิ่นจูนอี๋ เป็นน้องสาวของเธองั้นหรือ ?”

เสิ่นรั่วชิงถามออกไปด้วยความประหลาดใจ “ทำไมเหรอ ?”

ดวงตาของอ้ายเสี่ยวเตี๋ยเบิกกว้าง นำมือขึ้นมาปิดหน้าอกแล้วพูดว่า “ยังมีหน้ามาถามว่าทำไม ! เสิ่นรั่วชิง ฉันจะบอกเธอเอาไว้ว่าฉันโกรธมาก ตอนที่เรียนด้วยกัน ฉันคิดว่าเธอเป็นเด็กสาวที่มาจากครอบครัวเล็ก ๆ ดี ตอนนี้ช่างดีเหลือเกิน ที่แท้เธอก็มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ! เลิกคบกันเถอะ ฉันดีกับเธอถึงขนาดนี้ แต่เธอกลับมาหลอกฉัน !”

แม้เสิ่นรั่วชิงจะรู้ว่านี่เป็นเพียงคำพูดล้อเล่น แต่เธอก็รู้สึกตกใจมากเมื่อได้ยินว่าอ้ายเสี่ยวเตี๋ยต้องการเลิกคบกับเธอ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายเรื่องนี้ให้อ้ายเสี่ยวเตี๋ยฟังอย่างไร

เสิ่นรั่วชิงสูดลมหายใจเข้า พูดออกมาว่า “เสี่ยวเต๋อ เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด ฉันไม่ได้หลอกเธอ !”

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยพูดออกมาพร้อมใบหน้าสีแดงของเธอ “เธอกำลังโกหกฉัน !”

ใบหน้าของเสิ่นรั่วชิงแสดงให้เห็นถึงความโศกเศร้า

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยเห็นสภาพนี้ของเธอ หัวใจก็รู้สึกเริ่มทนไม่ไหว

ในตอนนั้นเสิ่นจูนอี๋ก็พูดกับเสิ่นรั่วชิงด้วยความอึดอัดว่า “พี่ หากไม่มีเรื่องอะไรแล้วงั้นฉันขอตัวก่อน พี่เขยเขาไม่อยากเห็นหน้าฉัน ฉันเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน”

เสิ่นรั่วชิงหันไปมองเสิ่นจูนอี๋อย่างลึกซึ้ง ถอนหายใจ พยักหน้าพร้อมพูดว่า “งั้นเธอกลับไปก่อนเถอะ ที่จริงเรื่องทุกอย่างที่เธอทำในช่วงที่ผ่านมา พี่เขยของเธอก็เห็นและรู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร แต่บาดแผลที่เธอสร้างให้เขามันลึกเกินไป เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา”

เสิ่นจูนอี๋ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเธอเกือบเป็นสีแดง ฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า “โอเค พี่ ฉันรู้แล้ว”

พูดจบเธอก็จากไป

เสิ่นรั่วชิงหันไปหาอ้ายเสี่ยวเตี๋ยอีกครั้ง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงหันไปเล่าประวัติความเป็นมาที่แท้จริงของเธอ

และในตอนนั้นเอง เย่อู๋เทียนล้างมือในห้องน้ำเสร็จเป็นอันเรียบร้อย แต่เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับมา เขาโทรไปหาซุนอีหมิงด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม

ไม่นานเสียงของซุนอีหมิงก็ดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ด้วยความเคารพ “ประธานเย่ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ ?”

เย่อู๋เทียนพูดออกไปตามตรง “มันเกิดอะไรขึ้น กับข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ระหว่างเทียนจวิน กรุ๊ปและหานซื่อ กรุ๊ป ?”

ซุนอีหมิงตอบกลับด้วยความเคารพ “เรียนประธานเย่ อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ควรได้รับการจัดการในลักษณะนี้ โครงการของสถาบันเจิ้นกั๋ว เทียนจวิน กรุ๊ปของพวกเรามีความสามารถเพียงพอในการทำความเข้าใจ แต่หานเฟิงอี้แห่งหานซื่อ กรุ๊ปได้เข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ตามคำพูดของประธานเฉิง หานเฟิงอี้สร้างแรงกดดันไม่น้อยให้กับประธานเฉิง ซึ่งนำไปสู่สถานการณ์ปัจจุบัน”

พูดถึงตรงนี้ ซุนอีหมิงก็พูดเสริมออกมาอีกว่า “นอกจากนี้ผมยังได้ยินมาว่าตอนนี้หานเฟิงอี้รู้แล้วว่าคุณคือประธานตัวจริงของเทียนจวิน กรุ๊ป ดังนั้นเธอจึงต้องการรวมเทียนจวิน กรุ๊ปเข้ากับหานซื่อ กรุ๊ป ประธารเฉิงรับมือกับเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน ตอนนี้ทุกอย่างถึงได้เป็นอย่างที่เห็น โครงการของสถาบันเจิ้นกั๋วควรจะทำอย่างไรต่อไปก็ให้ทำอย่างนั้น แต่สิ่งที่ต่างจากเมื่อก่อนก็คือ มีหานซื่อ กรุ๊ปเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง”

เย่อู๋เทียนหรี่ตาลง ใบหน้าของเขาเริ่มไม่น่ามอง ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ ตระกูลหานในตี้ตูยังไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง คือชอบรังแกผู้อื่น !

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยเข้าไปข้างหูของเสิ่นรั่วชิงและกระซิบออกมาสองสามประโยค

หลังจากเสิ่นรั่วชิงได้ฟัง เธออายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน พูดด้วยความโมโหว่า “อ้ายเสี่ยวเตี๋ย เธอเป็นแบบนี้ได้อย่างไร พวกเราเป็นผู้หญิง จะไปดูของแบบนั้นได้อย่างไร ?”

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยกลอกตาพร้อมพูดออกว่า “เธอนะเธอ เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ! เธอเป็นผู้หญิงที่สวยเพียบพร้อม งั้นเธอก็เชิญเป็นแบบนั้นต่อไป !”

เสิ่นรั่วชิงหันศีรษะและมองไปรอบ ๆ เมื่อพบว่าไม่มีคนด้านข้างให้ความสนใจ ใบหน้าของเธอมีสีแดง กระเส่าออกมาว่า “งั้น......หากเธอมีเวลาก็ช่วยเอาของพวกนั้นทั้งหมดลงในแฟลชไดรฟ์ให้ฉัน ฉัน......เธออย่าคิดมาก ฉันแค่ช่วยในสิ่งที่สามีของฉันต้องการ !”

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยตกใจเล็กน้อย และในวินาทีต่อมาเธอก็เอื้อมมือออกไปและคว้าเอวของเสิ่นรั่วชิง กลอกตาและพูดติดตลกว่า “ปีศาจตัวน้อย เธอเป็นปีศาจตัวน้อยจริง ๆ !”

ในตอนนี้เย่อู๋เทียนได้กลับมาแล้ว มองมายังทั้งสองคนและถามออกมาว่า “พวกเธอกำลังคุยอะไรกันอยู่งั้นเหรอ ?”

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยมองเย่อู๋เทียนด้วยดวงตาที่คลุมเครือ

เสิ่นรั่วชิงรีบก้มศีรษะลง ต้องการพูดกลบเกลื่อน แต่ท่าทางของเธอนั้นไม่สามารถปกปิดไว้ได้ “เอ๋ ? ไม่ ไม่ได้คุยอะไรกัน ก็แค่พูดไปเรื่อย ใช่แล้ว พวกเรารีบกินข้าวแล้วกลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปสมัครงานแต่เช้า !”

ขณะที่เย่อู๋เทียนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง อ้ายเสี่ยวเตี๋ยมองไปที่เสิ่นรั่วชิงด้วยความดูถูกและจงใจพูดออกมาว่า “เธอแน่ใจเหรอว่าจะกลับบ้านไปเพราะพรุ่งนี้ต้องไปสมัครงานแต่เช้า ? ฉันว่าเธอน่าจะรอไม่ไหวแล้วใช่ไหม ! เธอเองก็อยากทำก้างปลาติดคอบ้างใช่หรือเปล่า หลังจากนั้นก็ให้สามีสุดที่รักของเธอช่วยนำมันออกมา ? ฮึ ฉันไม่ปล่อยให้เธอได้ทำแบบนั้นหรอก ! กินอิ่มแล้วไปดื่มกันต่อเถอะ !”

หลังจากพูดถึงตรงนี้อ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็ยื่นคอออกไปกระซิบข้างหูของเสิ่นรั่วชิง “ฉันจะบอกเธอไว้ เมื่อดื่มเหล้าเข้าไปแล้วจะทำให้มีอารมณ์ และผู้หญิงประเภทอย่างเธอ เธอไม่ดื่มเหล้า จะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือได้อย่างไร ? เธอกับสามีของเธอห่างกันมาเจ็ดปีแล้ว เธอคิดว่าผู้ชายจะทนความเหงาได้ถึงเจ็ดปีเลยอย่างนั้นเหรอ ? อีกอย่าง ฉันเคยอ่านหนังสือ ดูผู้ชายว่าเป็นผู้ชายที่ดีหรือไม่ เขาให้ดูที่นิ้วมือ นิ้วมือของสามีเธอยอดเยี่ยมมาก ! มันคือสิ่งที่ดีที่สุดของ......”

ไม่รอให้อ้ายเสี่ยวเตี๋ยพูดจบ เสิ่นรั่วชิงทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้นยืน พูดออกมาพร้อมใบหน้าอันแดงระเรื่อ “ฉัน ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อน”

พูดจบเสิ่นรั่วชิงก็วิ่งไปห้องน้ำราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง

เย่อู๋เทียนมองไปที่อ้ายเสี่ยวเตี๋ยโดยไม่พูดอะไร อ้าปากแต่ก็ไม่ได้พูด

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยถามออกไป “นายคิดจะพูดอะไร ?”

เย่อู๋เทียนสูดลมหายใจเข้า พูดออกมาว่า “รั่วชิงของครอบครัวพวกเราที่เป็นแบบนี้ ฉันชอบมาก เธอไม่ต้องพูดจาไร้สาระต่อหน้าเขา อีกอย่าง เธอ......เธอไม่มีแม้แต่แฟนหนุ่ม เธอจะไปเข้าใจอะไร !”

ดวงตาคู่นั้นของอ้ายเสี่ยวเตี๋ยเบิกกว้าง ใบหน้าเป็นสีแดง พูดออกมาว่า “ฉันไม่เคยมีแฟนมาก่อน ? จำนวนแฟนเก่าของฉันเชื่อไหมว่ายืนต่อคิวกันจากร้านนี้ไปถึงหน้าประตูบ้านฉัน ? อีกอย่างทั้งหมดล้วน......”

เย่อู๋เทียนขัดคำพูดของเธอ “ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ฉันเองก็สามารถดูออก ผู้หญิงที่ไม่เคยมีความรักมาตั้งแต่กำเนิดคนหนึ่ง ไม่ ผู้หญิงมีความจำเป็นอะไรที่ต้องแสร้งทำว่าตนเองคือผู้เชี่ยวชาญทางด้านความรัก ? ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการหลอกเด็ก ! จริงจังกว่านี้สักหน่อยได้ไหม ?”

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยรู้สึกโกรธขึ้นมา ชี้มาที่ตนเองแล้วพูดว่า “นายบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยมีความรักมาจนถึงตอนนี้ ?”

เย่อู๋เทียนพูดออกมาว่า “ที่รู้จักกันทั่วไปในนามแม่หญิงสาวโสด แต่เรื่องนี้จะโทษเธอก็ไม่ได้ เธอป่วย และเป็นมาตั้งแต่กำเนิด ที่จริงโรคที่เธอป่วยอยู่มันง่ายมาก แค่ผ่าตัดเล็กน้อยก็สามารถรักษาได้แล้ว ป่วยก็ต้องไปหาหมอ จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากไม่รีบรักษามันจะอันตรายมาก หากป้องกันไม่อยู่ ในอนาคตอาจจะไม่สามารถมีลูกได้”

เย่อู๋เทียนอ้าปากค้างและมองไปที่เย่อู๋เทียน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจราวกับว่าเธอได้เห็นผีที่ยังมีชีวิตอยู่ งุนงงอยู่นานจึงถามออกไปว่า “นาย นายรู้ได้อย่างไร ?”

เย่อู๋เทียนตอบกลับไปว่า “จากสถานการณ์ที่เธอกำลังเป็นอยู่ ชนพื้นเมืองเรียกกันว่าเป็นหมัน มันก็เหมือน......”

ไม่รอให้เย่อู๋เทียนพูดจบ สีหน้าของอ้ายเสี่ยวเตี๋ยเปลี่ยนไป กัดฟันพร้อมพูดออกมาว่า “หากนายยังกล้าพูดออกมาอีก นายกับฉันไม่มีวันจบกันแน่ !”

เย่อู๋เทียนถอนหายใจเบา ๆ “เมื่อสักครู่ก็บอกกับเธอไปหมดแล้ว เป็นโรคก็ต้องไปหาหมอเพื่อทำการรักษา อีกอย่างด้วยสถานการณ์ที่เธอเป็นอยู่มันจะส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นของร่างกาย เธอชอบดื่มเหล้าใช่ไหม ? ในบางครั้งเกิดอาการปวดท้องน้อยใช่หรือเปล่า ? นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ แม้จะเป็นเพียงอาการเริ่มต้น แต่ต้องระวัง โดยเฉพาะเวลาปัสสาวะ หากกลั้นไม่อยู่ มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ !”

ใบหน้าของอ้ายเสี่ยวเตี๋ยกลายเป็นสีแดงราวกับจะมีเลือดไหลออกมา

เนื่องจากอาการป่วยของเธอมันเป็นไปตามที่เย่อู๋เทียนพูดทุกอย่าง

ใจเย็น ๆ อ้ายเสี่ยวเตี๋ยกลืนน้ำลายอย่างประหม่าและลองพูดออกมาว่า “นาย......นายเป็นหมออย่างนั้นหรือ ?”

เย่อู๋เทียนตอบกลับไปว่า “ไม่ใช่”

คำพูดนี้ทำให้อ้ายเสี่ยวเตี๋ยเสียสติ !

เมื่อมองไปที่เย่อู๋เทียน เธอเกลียดจนอยากจะฆ่าเขาให้ตายทันที !

อ้ายเสี่ยวเตี๋ยพูดเสียงสั่นออกมาว่า “เมื่อกี้ใครบอกฉันว่าอย่าหลีกเลี่ยงการไปหาหมอหากมีอาการป่วย ? ! ฉันจะไปหาหมอก็ได้ ! แต่ปัญหาตอนนี้คือ......นายไม่ใช่หมอ แต่นายกลับพูดกับฉันมากขนาดนี้ ? ! นี่นายจงใจใช่ไหม ? จงใจที่จะแกล้งฉันใช่ไหม ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบอหังการ