แต่ฉากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้นั้น ได้ทำให้พี่ใหญ่แห่งวงการปาปารัสซี่ในประเทศหลงคนนี้ตกตะลึงไปเลยทีเดียว
จากน้ำเสียงที่ตะโกนขับไล่ให้เสิ่นรั่วชิงกับเย่อู๋เทียนรีบเดินหน้าไปให้เร็วขึ้นนั้น ทำให้เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงตกใจ และหันมองไปที่เขาทันที
โดยขณะที่สองคนนี้เบี่ยงหน้าหันไปมองนั้น สองคนที่ตามมาด้านหลังทั้งเผยว่านหลี่กับจางม่านที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก ก็มองเห็นใบหน้าด้านข้างของทั้งสองคนนั้นพอดี
เผยว่านหลี่กับจางม่านตกใจขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะคิดไม่ถึงว่า เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงจะมาร่วมงานฉลองวันเกิดของฉาวซิงด้วย
เผยว่านหลี่รีบผละตัวออกมาจากจางม่าน แล้ววิ่งเหยาะ ๆ ไปข้างหน้า พร้อมกับยกมือแสดงความเคารพต่อเย่อู๋เทียน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันสนิทสนม และพูดขึ้นว่า: “คิดไม่ถึงว่าคุณเย่ก็มาร่วมงานด้วย”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าและพูดว่า: “มาทำธุระที่เมืองเจียงหนานเล็กน้อย จึงได้แวะมาร่วมงานนี้ด้วยเลย”
เมื่อพูดอย่างนี้ออกไป พวกนักข่าวที่อยู่บริเวณโดยรอบนั้น รวมถึงพวกปาปารัสซี่ แม้แต่พวกนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียงจำนวนไม่น้อยบริเวณรอบข้าง ต่างก็พากันเบิกตาโพลง และอยู่ในสภาพที่ตะลึงงันกันไปทั้งหมด
ไอ้หนุ่มคนนี้ ตกลงว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่?
ทำไมถึงพูดจาหลงระเริงอย่างนี้นัก?
ที่ปรากฏตัวขึ้นในคฤหาสน์ตระกูลฉาว เพื่อมาอวยพรแสดงความยินดีในงานวันเกิดต่อท่านฉาวนั้น แค่เป็นการแวะมาหรอกเหรอ?
น่าจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่มากแน่เลย ถึงกล้าที่จะไม่ให้เกียรติต่อท่านฉาวแบบนี้?
ต่อให้เป็นเผยว่านหลี่เจ้าบ้านตระกูลเผยที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงและมีเงินทองเทียบเท่าได้กับท่านฉาว ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดด้วยความหลงระเริงแบบนี้ใช่ไหมล่ะ?
แต่ ทางเผยว่านหลี่กลับไม่รู้สึกอะไร รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งจะหนักแน่นขึ้น และหันหน้ามองไปที่เสิ่นรั่วชิง พร้อมกับยกมือแสดงความเคารพอีกครั้ง และพูดว่า: “สวัสดีคุณนายเย่”
เสิ่นรั่วชิงยิ้มและพยักหน้า: “คุณเผย”
ขณะที่เผยว่านหลี่กำลังจะพูดอะไรต่อนั้น จางม่านที่อยู่ด้านหลัง ก็ได้รีบเดินเข้ามา ไปยังบริเวณที่ห่างจากเสิ่นรั่วชิงประมาณหกถึงเจ็ดเมตร พร้อมกับยกมือขึ้น และพูดกับเสิ่นรั่วชิงอย่างเป็นกันเองว่า: “คุณนายเย่ คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะพบเจอกันอีกแล้ว”
เสิ่นรั่วชิงยืนอยู่กับที่ รอให้จางม่านเดินมาที่เบื้องหน้าของเธอ แล้วจึงยื่นมือออกมาจับทักทายกับจางม่าน และพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า: “ครั้งก่อนที่แยกกันที่เมืองเจียงไห่ ฉันก็ยังคิดถึงคุณอยู่เสมอ”
จางม่านยิ้มหน้าบานและพูดว่า: “นี่ถือเป็นเกียรติของสาวน้อยอย่างฉันมากเลย”
พี่ใหญ่ปาปารัสซี่ที่อยู่ออกไปไม่ไกลคนนั้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็แทบที่จะทรุดตัวล้มลงทีเดียว คิดไม่ถึงอย่างยิ่งว่า เมื่อครู่คนที่ถูกตนเองตะโกนเรียกว่า “นักแสดงกระจอกแถวที่สิบแปด” คนนั้นจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไปได้!
จางม่านดาราเบอร์หนึ่งแห่งวงการบันเทิงในประเทศหลง เมื่ออยู่ต่อหน้าของผู้หญิงคนนี้ กลับเรียกขานตัวเองว่าสาวน้อย?
เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่?
พี่ใหญ่แห่งวงการปาปารัสซี่ถึงกับงุนงงไปหมด
ขณะนั้น ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี!
เมื่อครู่ตอนที่เขาตะโกนเรียกเสิ่นรั่วชิงนั้น ก็ถูกผู้คนรอบข้างได้ยินกันทั้งหมดแล้ว ในจำนวนนี้ยังจะมีเพื่อนร่วมสายงานเดียวกันจำนวนมากด้วย และรวมไปถึงสปอนเซอร์หลักของเขา!
คำพูดที่ผิดพลาด และการดูถูกเหยียดหยามคนในชั่วขณะหนึ่ง เป็นไปได้ที่อาจจะทำให้อาชีพการงานของเขาถึงจุดสิ้นสุดลงได้เลยทีเดียว!
หมดหนทาง!
ในวงการบันเทิง ในสถานที่ที่เน้นแต่ชื่อเสียงและผลประโยชน์เป็นหลักนั้น ก็จะมีสภาพความเป็นจริงที่โหดร้ายแบบนี้!
แม้ว่าเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงจะไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา แต่จางม่านแค่มองดูไปที่เขาเล็กน้อย เขาก็รับรู้แล้วว่า......
ต้องจบเห่แล้วแน่เลย!
เพียงเพราะคำพูดเดียวของตนเอง ก็ทำลายอาชีพการงานในอนาคตของตนเองลงอย่างราบคาบ!
ในวงการบันเทิงนั้นจางม่านมีสถานะระดับไหน?
เพียงแค่เธอพูดออกไป หรือเพียงแค่เธอพูดกับพวกผู้มีอิทธิพลบางคนในวงการบันเทิงเพียงคำเดียวว่า เธอไม่ชอบตัวเขา ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ตัวเขาเองก็คงจะต้องยุติอาชีพในวงการบันเทิงนี้ลงอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ด้วยสายตาของจางม่านที่จ้องมองมาที่ตัวเขานั้น เขาที่เป็นพี่ใหญ่แห่งปาปารัสซี่ ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า สายตาของเพื่อนร่วมอาชีพรอบข้างที่มองมาที่ตัวเขานั้น ก็เต็มไปด้วยความน่าเห็นอกเห็นใจกันมากเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงขนาดที่ว่ายังมีสายตาที่มองตาด้วยความดีใจเมื่อเห็นคนอื่นเป็นทุกข์ด้วย
เมื่อสำนึกรู้ตัวขึ้นได้ พี่ใหญ่แห่งวงการปาปารัสซี่ก็รีบจะตรงเข้าไปหา เพื่อแสดงความขอโทษต่อเสิ่นรั่วชิง แต่ภาพเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนั้น กลับทำให้เขาเกิดสภาพจิตใจที่ย่ำแย่จนอยากที่จะร้องไห้ออกมาเลย
เมื่อเห็นว่า จางซินหร่านลูกสาวของจางเสี่ยวชวนผู้จัดการธนาคารสำนักงานใหญ่แห่งประเทศ พลันปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มคน แล้วก็เดินตรงเข้าไปหาเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิง
เฉียนจิ้งคุนและภรรยา ผู้ที่มีอิทธิพลแห่งวงการเหมืองแร่ที่เพิ่งจะมาถึงด้านหน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลฉาว รวมถึงเฉินเมิ่งเฉี่ยนเจ้าของเฉินซื่อเพชรพลอยแห่งเมืองหนานกั่ง ต่างก็พากันเดินเข้ามาหาเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงโดยเร็ว
นอกจากนี้ ยังจะมีม้ามืดในวงการนักธุรกิจอย่าง ซุนอีหมิงผู้รับผิดชอบใหญ่ของเทียนจวิน กรุ๊ปสาขาเมืองเจียงไห่ ก็ยังวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหาเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงด้วย
รวมไปถึงบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่มักจะเห็นกันประจำตามหน้าโทรทัศน์บางราย ต่างก็พากันเข้าไปหา ถึงแม้จะเป็นพวกนักธุรกิจใหญ่ระดับเฉียนจิ้งคุนที่กำลังสนทนากับเฉิงโม่หนงอยู่นั้น ต่างก็พากันกรูเข้ามาหาด้วย
เพราะว่านักธุรกิจหลายรายที่เพิ่งจะพูดคุยกับเฉิงโม่หนงเมื่อครู่นี้ ไม่เว้นแม้แต่รายเดียวนั้น ต่างก็เป็นเพราะคำพูดของเฉิงโม่หนงเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้รับรู้ถึงสถานะของเย่อู๋เทียน!
โดยไม่เพียงแต่จะเป็นเจ้ายมบาลชิงตี้แห่งประเทศหลง ยังจะเป็นเจ้าของเบื้องหลังตัวจริงของเทียนจวิน กรุ๊ปด้วย!
ต่อให้พวกนักธุรกิจต่างประเทศบางราย เมื่อเห็นเย่อู๋เทียนปรากฏตัวขึ้น ต่างก็พากันเข้ามาแสดงความเคารพ
เวลาเพียงไม่นาน เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงก็ถูกพวกนักธุรกิจแต่ละสาขาวงการโอบล้อมเอาไว้ ที่สำคัญก็คือ เผยว่านหลี่ยังเป็นผู้นำ จัดการให้ทุกคนได้ทยอยถ่ายรูปร่วมกับเย่อู๋เทียนด้วย......
เหตุการณ์แบบนี้ มันช่างน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมากเลย!
เมื่อเจ้าของบริษัทที่มีมูลค่าทรัพย์สินหลักสิบล้านร้อนล้านที่อยู่รอบข้างเหล่านั้นเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ต่างก็แทบจะสิ้นลมหายใจ ทุกคนต่างก็คาดเดาว่า เย่อู๋เทียนคนนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่!
นี่มัน......
เป็นการแย่งซีนของเจ้าภาพงานโดยสิ้นเชิง!
เมื่อปรากฏตัวขึ้น ก็ดึงดูดให้พวกนักธุรกิจและผู้มีอิทธิพลของแต่ละพื้นที่เข้ามาจับมือทักทายอย่างเป็นกันเอง
แม้ว่าจะเป็นท่านฉาวเจ้าของงานวันเกิดในวันนี้ ก็คงจะไม่ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นคับคั่งเช่นนี้หรอก?
เมื่อโล่เชียนฟานมาถึงแล้ว ก็เกิดความสงสัยว่า เบื้องหน้านั้นเกิดเหตุการณ์อะไรกันแน่?
มีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่คนไหนที่มาถึงอย่างนั้นเหรอ?
ถึงได้มีความโกลาหลวุ่นวายกันขนาดนี้?
โล่เชียนฟานกับเจียงอู่ฟูเดินเข้าไปในงานพร้อมกัน ตลอดทางที่เดินผ่าน ไม่มีใครกล้าจะมาขัดขวาง ต่อให้เป็นพวกนักข่าวและพวกปาปารัสซี่เหล่านั้น เวลานี้ต่างก็ไม่กล้าที่จะถ่ายรูปแล้ว
เพราะว่า โล่เชียนฟานเป็นคนของตระกูลโล่แห่งตี้ตู
ไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรืออย่างไร?
นักข่าวคนใดในที่แห่งนี้ มีใครบ้างล่ะที่กล้าถ่ายรูปของโล่เชียนฟาน?
แต่หลังจากที่กลุ่มคนเริ่มปลีกตัวออก โล่เชียนฟาน ก็มองเห็นเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงได้อย่างชัดเจน หลังจากนั้น......
โล่เชียนฟานก็ถึงกับตกใจเล็กน้อย
ถึงอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงจะมาอยู่ที่นี่
เจียงอู่ฟูที่อยู่ด้านข้างของโล่เชียนฟาน ยิ่งจะเกิดความสับสนขึ้นอย่างมากที่สุด เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่โรงแรมว่างไห่ เขาถูกหยดน้ำของหลินกู่ฉานพุ่งทะลุทรวงอก ในตอนนั้นหากว่าไม่ได้เย่อู๋เทียนเข้ามาช่วยชีวิตเอาไว้
เจียงอู่ฟู จะต้องตายลงแน่นอน!
พี่ใหญ่แห่งวงการปาปารัสซี่ที่ตะโกนเรียกเสิ่นรั่วชิงนั้นเมื่อเห็นโล่เชียนฟานกับเจียงอู่ฟูมาถึงแล้ว ก็โล่งใจขึ้นอย่างมาก เพราะว่าเถ้าแก่ของเขา เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมกับโล่เชียนฟาน
แม้ว่าความสัมพันธ์นี้จะไม่ถือว่าใกล้มากนัก
แต่ ถ้าหากว่าได้มีโอกาสพูดคุยกับโล่เชียนฟาน และพูดถึงเถ้าแก่ของตนเองขึ้นมา ไม่ว่าอย่างไรคุณเย่กับคุณนายเย่ที่กำลังเป็นจุดสนใจในตอนนี้นั้นจะมีประวัติความเป็นมาอย่างไร อาชีพการงานของตนเองในอนาคตนั้น อย่างน้อยก็คงจะไม่ย่ำแย่เกินไปนัก!
นอกจากนี้ยังได้ยินมานานแล้วว่าโล่เชียนฟานให้ความสำคัญต่อเกียรติและความมีหน้ามีตาอย่างมาก
ในตอนนี้ เดิมทีที่ควรจะเป็นเวลาการแสดงตัวตน แสดงเกียรติหน้าตาของเขา แต่กลับถูกแย่งชิงไปโดยคุณเย่กับคุณนายเย่ที่ประวัติความเป็นมาไม่แน่ชัด แน่นอนว่าสภาพจิตใจของเขาคงจะไม่ค่อยจะดีนัก
พี่ใหญ่แห่งวงการปาปารัสซี่คิดอยู่ในใจว่า หากอีกสักครู่มีโอกาสได้พูดคุยกับโล่เชียนฟานจริง ๆ เพียงแค่พูดถึงเรื่องที่ไม่ดีของคุณเย่ต่อหน้าของเขา ก็เป็นไปได้ที่โล่เชียนฟานอาจจะไม่ให้เกียรติต่อคุณเย่เลย
เพราะว่า โล่เชียนฟานเป็นคนของตระกูลโล่แห่งตี้ตู
ต่อให้จะมีท่านฉาวซิงอยู่ที่นี่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของโล่เชียนฟาน ก็คงจะต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นกัน!
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว พี่ใหญ่แห่งวงการปาปารัสซี่ก็สบายใจขึ้นมาก สีหน้าท่าทางก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อย
แต่ในเวลานี้ เมื่อโล่เชียนฟานเดินมาถึงด้านหน้าของเย่อู๋เทียน ก็ได้ยกมือแสดงความเคารพต่อเย่อู๋เทียนก่อน แล้วก็ตะโกนเรียกเสิ่นรั่วชิงที่อยู่ด้านข้าง: “สวัสดีคุณอา หลานโล่เชียนฟาน ขอแสดงความเคารพ! ”
นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาจนถึงตาย ส่วนเรื่องที่หนักหนาจนถึงตายอย่างที่สุดก็คือ......
เจียงอู่ฟูผู้มีอิทธิพลและมีชื่อเสียงแห่งวงการหมัดมวยทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่เดินมาถึงด้านหน้าของเย่อู๋เทียน ก็พลันคุกเข่าข้างเดียวลงไปบนพื้น ที่เบื้องหน้าของเย่อู่เทียน และพูดขึ้นด้วยความเคารพว่า: “เจียงอู่ฟู ขอคารวะผู้มีบุญคุณ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบอหังการ
เรื่องนี้อะไรก็ดีหมด เสียอย่างเดียวคือไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนพยายามจะยัดเยียดพระเอกให้มีเมียมากกว่า1? พระเอกเก่งมีเมียคนเดียวไม่ได้?...