เซียวเจิ้นเทียนสีหน้าสับสน หายใจหอบ เขากัดฟันปากสั่นชี้ไปที่ฟางเหยียนร้อง“แก แกๆๆ!”
ฟางเหยียนไม่สนใจปฎิกริยาของเขา พูดต่อ “เซียวห้านยิ่งร้อนรน คิดว่าจะพาสวะมาสามพันคนแล้วจะลักพาตัวเมียฉันได้เหรอ คุกคามฉัน เหอะๆ จนตอนนี้ฉันยังไม่สามารถเข้าใจความคิดเธอเลย เธอคิดว่าจะพาสวะกากเดนแบบนั้นมาสามพันคนแล้วจะฆ่าฉันได้ ไร้เดียงสา โง่เขลา ไร้ความรู้!ความตายของหล่อน รนหาที่ตายเองแท้ๆ”
“แต่หล่อนเป็นคนร้องขอให้ฉันฆ่าหล่อนเอง ฉันไม่ได้ลงมือเองนะ อยากรู้ไหมว่าหล่อนร้องขอยังไง ตอนนี้ ฉันจะให้พวกแกดูภาพตอนที่หล่อนร้องขอฉัน นี่คือหล่อน หล่อนเป็นคนอัดไว้เอง ดูดีๆนะ!”
พูดจบ หวังชิงชิงจึงหันกล้องมา ยื่นส่งให้มือเซียวเจิ้นเทียน เซียวเจิ้นเทียนเปิดกล้องมือสั่น ดูคลิปที่อัดไว้ ภาพอันโหดร้ายปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
นอกจากเซียวห้านคุกเข่าขอร้อง แล้วก็เป็นภาพขอร้องให้ฆ่าให้ตาย แล้วยังมีศพที่กองเป็นภูเขาอีก สามารถบรรยายได้ว่ารอบๆล้วนเป็นแบบนี้ ศพเกลื่อนกลาด เลือดไหลนอง ราวกับสมรภูมิรบ
เซียวห้านชอบถ่ายคลิป ฟางเหยียนเลยใช้วิธีนี้กับเธอ หนามยอกเอาหนามบ่ง
“เป็นไงบ้าง หลานสาวแกเหมือนแกมาก”
พูดพลาง ฟางเหยียนเดินขึ้นหน้าไปหาเซียวเจิ้นเทียน สีหน้าถากถาง แบบสบายอารมณ์ แต่วางก้าม
เซียวเจิ้นเทียนปิดกล้อง จ้องไปที่ฟางเหยียนอย่างดุดัน“แกทำเกินไปแล้ว!แกทำเกินไปแล้ว”
“เกินไปงั้นเหรอ”ฟางเหยียนตีหน้าขรึม ตะคอกเสียงเข้ม“ที่เกินไปคือตระกูลเซียวของพวกแก พวกแกฆ่าผู้ประกอบการไปเท่าไหร่ บังคับคนให้ตายไปเท่าไหร่ หรือว่าพวกแกไม่รู้สึกหรือไง”
เขาไม่สามารถบรรยายความเกรี้ยวกราดได้ มีแต่สายฟ้าฟาดสะท้านฟ้าถึงจะอธิบายได้
เสียงของเขาดังกัมปนาทอยู่ในห้องโถงตระกูลเซียว !
เซียวเจิ้นเทียนถูกฝ่ายตรงข้ามขู่ให้ตกใจ การข่มขู่ของเขาทำให้ล่มสลาย แทนที่ด้วยความสิ้นหวัง
ฟางเหยียนหยุดยืนระยะที่ห่างเซียวเจิ้นเทียนออกไปห้าเมตร แววตาสุกใส พกพาท่าที่อหังการ์ ราวกับเป็นผู้คุมนรก คนที่ไม่เข้าใจอาจจะหวาดกลัวแววตาแบบนั้นได้ คนที่เข้าใจจะรู้ว่า นั่นเป็นแววตาอำมหิตที่สะสมวิญญาณที่ถูกฆ่าตายไปแล้วหลายศพ คือ ความเปล่าเปลี่ยว เยียบเย็น และเลือดเย็น
ชีวิตผู้อื่น ในสายตาเขาเป็นเพียงมดตัวหนึ่ง !
เซียวเจิ้นเทียนถามด้วยสีหน้าสั่นเทา“ตกลงแกจะเอายังไงกับตระกูลเซียว”
ฟางเหยียนเงยหน้าขึ้นมองเพดาน พูดเสียงเย็น“ตั้งแต่พวกแกบังคับลุงเย่จนตาย ตระกูลเซียวพวกแกมีจุดจบทางเดียว!”
คำพูดฟางเหยียน หนักแน่นและดุดัน ราวกับเหล็กที่หนักอึ้งทับลงบนหน้าอกเซียวเจิ้นเทียน
เซียวเจิ้นเทียนมองฟางเหยียนอย่างแข็งทื่อเป็นหุ่น ตระกูลเย่ ทำเพื่อตระกูลเย่จริงๆ ในปีนั้นตระกูลเย่รับเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง และยังให้เป็นลูกเขย แค่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กกำพร้าตระกูลฟาง
เสียใจในตอนแรก แต่เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว เสียใจไปได้ประโยชน์อะไร!เขาสูดลมหายใจลึก พูด“งั้นตอนนี้ฉันคืนของทุกอย่างของตระกูลเย่ไปแล้วกัน แกจะปล่อยตระกูลเราไปได้หรือยัง”
ทะเลาะกับตระกูลฟาง ไม่เข้าท่าแม้แต่น้อย ต่อให้ที่นี่เป็นเมืองจินโจวก็เถอะ เป็นที่ของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังสู้ตระกูลฟางไม่ได้อยู่ดี ตระกูลฟางแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
เซียวเจิ้นเทียนอ่อนปวกเปียกไปหมด นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมแพ้ เพื่อที่จะรักษาเชื่อสายตระกูลเซียว เขาต้องยอมแพ้
ฟางเหยียนราวกับอ่านใจเขาออก สีหน้ากลับปกติ พูด “ถ้าแค่คำว่ายอมแพ้ แล้วฉันปล่อยตระกูลเซียว ฉันก็คงไม่วางแผนทั้งหมดหรอกนะ”
เซียวเจิ้นเทียนกำหมัด หรี่ตา พูด “แต่ ฉันปล่อยคนในครอบครัวเขาไป ฉันไม่ได้ทำอะไรคนในครอบครัวเขาหรือว่าเรื่องนี้ชดเชยกันไม่ได้”
“ความหมายของแกคือ ยังคิดจะแตะต้องคนในครอบครัวลุงเย่เหรอ”
คำถามนี้ทำให้เซียวเจิ้นเทียนตะลึง พูดไม่ออกเป็นนาน
ฟางเหยียนไม่หยุดกับหัวข้อนี้ ได้แต่พูดเย็นชา“อย่างแกเหรอ จะมีสิทธิ์พูดว่าทดแทน?!”
นักรบสมรภูมิประเทศหวา จอมพลโผ้จวินของสำนักเจ็ดพิฆาต มีคนกล้าพูดทัดเทียมกับเขาด้วยเหรอ?!
หึหึ ตลกร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
“บอกมา ใครอยู่เบื้องหลัง ถ้าแกบอก ฉันอาจไม่ล้างตระกูลแก ”ฟางเหยียนจ้องเซียวเจิ้นเทียนเขม็ง คอยสังเกตความเปลี่ยนแปลง ฟางเหยียนต้องแก้แค้นให้ลุงเย่ แต่สิ่งสำคัญคือยังฆ่าหมากสำคัญอย่างเซียวเจิ้นเทียนไม่ได้ แต่ต้องถอนรากถอนโคนคนบงการ!
ถ้าต้องฆ่าพวกมัน!ก็ต้องฆ่า!
แววตาที่จ้องฟางเหยียนของเซียวเจิ้นเทียนหลุบลง แก้มกระตุก ลิ้นจุกปาก ครุ่นคิดครู่หนึ่ง พูด“ไม่ ฉันไม่มีเบื้องหลังอะไรทั้งนั้น ฉันทำเอง ที่ตระกูลเย่มีวันนี้ เพราะพวกมันดวงไม่ดีเอง ฉันทำคนเดียว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ