บทที่ 10
“อื้อ…พรศักดิ์” เสียงครางของเธอทำเขาผงะตัวแข็งทื่อ ก่อนจะก้มลงมองคนในอ้อมกอดตาขวาง พลันมือข้างหนึ่งก็ผลักหัวเธอออกแรงๆ อา…! ไม่มีอีกแล้วสินะความอ่อนโยนก่อนหน้า
“อื้อ! ใครวะ” คนถูกปลุกจากนิทรางัวเงียขึ้นมาด้วยความหัวเสีย ครั้นพอลืมตาสิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกก็คือหน้าดุๆ ของเขา
“โอ๊ะ!” เธออุทานแล้วเอามือปิดปาก พยายามทบทวนและเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนจะพบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอน และเธอก็ไม่ควรหลับตรงนี้ด้วย ครั้นพอหันไปเห็นว่าเบื้องหน้าเป็นคอนโดของเธอแล้ว จึงรีบแก้สถานการณ์ทันที
“อ้อ! ถึงแล้วนี่เนอะ” เธอได้แต่ยิ้มแหยๆ เมื่อคนข้างๆ ยังจ้องเขม็งมาที่เธอด้วยใบหน้าบูดบึ้งดังเดิม ทำให้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าก่อนหน้าตัวเองเผลอไปทำอะไรเขาไว้หรือเปล่า แต่ที่รู้แน่ๆ คือ…การตื่นของเธอมันไม่ปกติแน่ๆ
“เมื่อกี้คุณผลักฉันใช่ไหม” จากรอยยิ้มแหยก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นขึงขังเอาเรื่อง ครั้นพอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยินดียินร้ายกับคำถามนั้น เธอก็ยิ่งเดือดดาล จนต้องแผดเสียงดังลั่นออกมา
“นี่! ทำไมต้องทำกันรุนแรงขนาดนั้นด้วย รู้ว่าไม่ชอบขี้หน้า แต่แค่สะกิดเบาๆ ฉันก็ตื่นแล้ว ใครจะไปกล้าหลับลึกบนรถคนอื่นเล่า” เอิ่ม…ตัดกลับไปที่ภาพก่อนหน้า ทั้งกกทั้งกอดจนแทบจะเกยอยู่บนตัก อืม! ไม่ลึกเลยแม่คุณเอ๊ย
“ใครจะไปอ่อนโยนเหมือนไอ้พรศักดิ์นั่นล่ะ ถ้าคิดถึงมันมากก็รีบลงไปหามันสิ ฉันจะได้กลับบ้านสักที”
“เดี๋ยวนะ! คุณรู้จักพรศักดิ์ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้ฉันเผลอละเมอเรียกชื่อออกมา เฮ้ย! นี่เราหลับลึกถึงขนาดละเมอเลยเหรอวะ” ท้ายประโยคเธอหันไปงึมงำอีกทางด้วยความกระดาก
“ทำไม? ไอ้พรศักดิ์ของเธอมันวิเศษวิโสมาจากไหน ทำไมฉันจะรู้จักไม่ได้ อืม! ช่างเถอะ จะไปไหนก็ไปไป๊” จู่ๆ พ่อคุณก็เปลี่ยนอารมณ์ปุบปับจนเธอตามแทบไม่ทัน
“อะไรของเขาวะ เลือดจะไปลมจะมารึไง สงสัยจะวัยทอง” เธอบ่นกระปอดกระแปดพลางหยิบกระเป๋า ครั้นพอเปิดประตูก็ต้องชะงักเพราะเสียงเขาอีก
“เดี๋ยว” ไม่พูดเปล่า แต่มือเขายังคว้าต้นแขนเธอไว้ด้วย
“อะไรของคุณอีกเนี่ย เดี๋ยวก็ไล่ เดี๋ยวก็ให้อยู่ ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับคุณหรอกนะ ฉันง่วง ฉันจะขึ้นไปนอน พรุ่งนี้ฉันมีงานแต่เช้า ฉันต้องทำงาน You know?” เธอหันมาร่ายยืดยาวด้วยความหงุดหงิด
“คืนนี้เธอจะ…อยู่กับพรศักดิ์?” เขาโพล่งถามออกไปในที่สุด
“ก็อยู่ทุกคืนนั่นแหละ” คำตอบห้วนๆ ของเธอทำมือที่จับอยู่ที่ต้นแขนค่อยๆ คลายออก กระทั่งประโยคต่อมาของเธอ
“ไม่ใช่แค่พรศักดิ์นะ ยังมีสมปอง อรทัย แล้วก็รำไพพรรณด้วย ได้กอดขนนุ่มๆ ของมัน ทำให้ฉันหลับสบาย” เขาขมวดคิ้วพลางทำหน้างง กระทั่งตัดสินใจถามออกไปอีกครั้ง
“แน่ใจนะว่านั่นคน”
“จะบ้าเหรอ คนที่ไหนกันเล่า ตุ๊กตาหมีต่างหากเล่า คุณนี่ท่าจะเพี้ยนนะ” เธอส่ายหน้าน้อยๆ
“เหอะ! ทำมาเป็นพูดชาตินั้นชาตินี้ ฉันว่าคุณแอบเปิดห้องนัดเจอสาวมากกว่า” เธอย่นจมูกให้
“แก่แดด ไร้สาระ หรือต่อให้ฉันจะเปิดห้องเจอใครอย่างที่เธอว่าจริงๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องแอบ เพราะฉันโสด เธอนั่นแหละเป็นเด็กเป็นเล็กมาทำอะไรที่นี่บ่อยๆ หรือว่ามาดักรอฉัน” เขาแสร้งถามทั้งที่รู้อยู่เต็มอก
“ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนพ่อคู้น แต่เอาเหอะ เพื่อความสบายใจของเราสองคน ฉันจะกรวดน้ำคว่ำขันไปให้ละกัน เผื่อจะทำให้เราเจอกันน้อยลง คุณจะได้ไม่หาว่าฉันเป็นเจ้ากรรมนายเวรของคุณอีก” ไม่พูดเปล่า แต่คุณเธอยังยกมือท่วมหัวด้วย
“ทำไม เจอฉันมันทำให้รู้สึกแย่ขนาดนั้นเลยรึไง” สีหน้าที่ทำราวกับว่ากำลังผิดหวังทำเธอถึงกับทำหน้างง ตามอารมณ์ไม่ทัน
“หา! ก็…” ยังไม่ทันจะได้ตอบ เขาก็แทรกขึ้นมาอีก
“ช่างเหอะ” สิ้นเสียงเขาก็เดินจากไปด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ แต่ทันทีที่เขาขยับ กลิ่นหอมจางๆ ที่ลอยมาปะทะจมูกก็ทำให้เธอต้องหันมองตาม แต่แล้วแผ่นหลังกว้างที่อยู่เบื้องหน้าก็ทำให้ความทรงจำแวบเข้ามาในหัว
“เดี๋ยว” ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอตะโกนออกไป แต่ก็ใช่ว่าเสียงนั้นจะทำให้คนที่อยู่ในสภาวะไม่สบอารมณ์อย่างแรงหันมาสนใจ
“เดี๋ยว…คุณเจตต์” เธอก้าวเร็วๆ เพื่อตามมาคว้าแขนเขาเอาไว้
“มีอะไร” เสียงเขาห้วนจัดด้วยอารมณ์ขุ่นมัว พลางมองไปที่แขนตัวเองซึ่งมีมือเธอจับเอาไว้ ทำให้หญิงสาวรีบปล่อยแทบไม่ทัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ