จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ นิยาย บท 63

บทที่ 62

“อะไร? ฉันแค่เห็นว่ามันน่าเกลียด ก็เลยไม่อยากให้เธอใส่เท่านั้นแหละ” คนปากแข็งไม่ยอมรับ

“ว้า! ไม่เห็นเหมือนที่พี่เมบอกเลย”

“เมษาบอกอะไรเธอ” หัวคิ้วเขาขมวดมุ่น รู้สึกได้ว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่

“ก็พี่เมบอกว่าถ้าใส่ชุดนี้แล้วคุณจะหึง แล้วถ้าคุณหึง ก็แสดงว่าคุณน่ะรักฉันไง หรือว่าต้องใส่สั้นกว่านี้ คุณถึงจะหึง”

“อย่าแม้แต่คิดมีนา ไม่งั้นฉันจะจับเธอขังไว้ในห้อง ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยคอยดู” เขาบอกเสียงลอดไรฟัน อีกทั้งใบหน้ายังถมึงทึง แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้เธอกลัว

“งั้นคุณก็ยอมรับมาก่อนสิว่าคุณหึงฉัน” คนถูกต่อรองถึงกับกัดฟันกรอด

“เออใช่…ฉันหึงเธอ พอใจรึยัง” ถึงแม้เสียงนั้นจะฟังดูกระแทกกระทั้น อีกทั้งใบหน้าก็ยังหงิกงอ แต่คนฟังก็ยังยิ้มได้ พร้อมกับรีบเข้าไปกอดแขนด้วยท่าทีออดอ้อน

“งั้นเพื่อความแน่ใจ…ขอถามอะไรอีกนิดสิ” ถึงแม้จะเคลือบแคลงกับสิ่งที่เธอจะถาม แต่ไอ้ท่าทางออดอ้อนแบบนี้ก็ทำเอาเขาถึงกับยอมแพ้ราบคาบ เฮ้อ! ขืนเธอทำแบบนี้บ่อยๆ เขาไม่ต้องกลายเป็นไอ้งั่งที่หลงเธอหัวปักหัวปำรึไง

“ถ้าเกิดวันหนึ่งมีผู้ชายคนอื่นมาชอบฉัน และคิดจะแย่งฉันไปจากคุณ คุณจะทำยังไง” ถามไปแล้ว เธอก็อดลุ้นไม่ได้ว่าเขาจะตอบเหมือนกับที่เธอตอบผู้เป็นแม่หรือเปล่า

“ไม่ต้องทำยังไง เพราะมันจะไม่มีวันเกิดขึ้น ใครจะมาชอบเด็กกะโปโลอย่างเธอ” คนที่กำลังรอลุ้นถึงกับรอเก้อ จนต้องหันไปทำปากขมุบขมิบอีกทาง เห็นแบบนั้นเขาก็อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้

“ใครก็แย่งเธอไปจากฉันไม่ได้หรอก ฉันเคยบอกไปแล้วไง ว่าฉันจะทำทุกอย่างให้เธอเป็นของฉันแค่คนเดียว” คนฟังถึงกับยิ้มร่าทันที ก่อนจะถามต่ออีก

“แล้วคุณอยากเป็นผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ฉันตลอดไปไหม”

“อยากสิ ถ้าไม่อยากจะวางแผนให้คนไปตามเธอมารึไงล่ะ” คนฟังถึงกับตาโต

“ร้ายกาจนักนะ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เคลียร์เรื่องคำถามของฉันให้จบก่อน”

“ทำไมถามเยอะจัง จะไปทำวิทยานิพนธ์รึไง” เขาอดล้อเลียนไม่ได้ ทั้งที่ก็รู้เหตุผลของเธอดี

“จะว่างั้นก็ได้ งั้นเข้าคำถามข้อต่อไป คุณ…อยากเป็นรอยยิ้มของฉัน อยากเป็นความสุขของฉันไหม”

“ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะเป็นให้เธอได้ไหม แต่สำหรับฉันเธอเป็น แล้วก็เป็นมาตลอด เธอคือความสุขและรอยยิ้มของฉัน…มีนา” เขาว่าพลางสบตาเธอหวานซึ้ง ทำเอาเธอรีบเอามือปิดหน้าด้วยความขัดเขิน

“แล้วเวลาที่คุณเอ่อ…ลูบหัวฉัน คุณรู้สึกยังไงเหรอ” เธอจ้องเขานัยน์ตาเป็นประกายอย่างกำลังลุ้นในคำตอบ

“รู้สึกอยากลูบอย่างอื่นที่ไม่ใช่หัว”

“คุณเจตต์…คุณมันหื่น” เธอย่นจมูกใส่คนหื่นอย่างเหลืออด

“งั้นข้อสุดท้าย ถ้ามีผู้ชายคนอื่นมาลูบหัวฉัน คุณจะทำยังไง”

“ฉันจะฆ่ามัน” นัยน์ตาเขาเปลี่ยนเป็นดุกร้าวทันที

“แกเห็นข่าวแล้วใช่ไหมมัด” ทันทีที่ประตูเปิด ศิศิราก็ตรงเข้ามาจับแขนน้องสาวทันที

“เอ่อ…ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ” มีนาบอกเสียงอ่อย

“เอ้า! แล้วแกมัวแต่ทำอะไร คนอื่นเขาเห็นกันทั่วบ้านทั้งเมือง แต่แกกลับยังไม่เห็น หรือว่า…” ศิศิราหรี่ตามองอย่างกำลังจับผิด อีกทั้งท่าทางมีพิรุธของเธอก็น่าสงสัย

“มานี่เลยยัยตัวแสบ” ว่าแล้วทั้งสามสาวก็ลากคนมีพิรุธให้ไปคุยกันตรงมุมหนึ่ง โดยมีอีกคนมองตามไม่วางตา

“อาการหนักเหมือนกันนะครับคุณเจตต์” ภาคินที่สังเกตเห็นอาการของอีกฝ่ายจึงอดล้อเลียนไม่ได้ ทำเอาคนถูกล้อได้แต่ยิ้มแหยแก้เก้อให้ตัวเอง เห็นแบบนั้นภากรจึงพูดขึ้นบ้าง

“พี่ก็ว่าแต่เขา พี่เองก็อาการหนักไม่ต่างกันหรอก จะว่าไปมันก็อาการหนักกันทั้งหมดนี่แหละ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่นิ่งๆ ขรึมๆ อย่างพ่อเลี้ยงพิมาย” คนถูกพาดพิงอย่างพ่อเลี้ยงพิมายได้แต่หันมายิ้มเขิน โดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ

“ว่าแต่คุณดูเหนื่อยๆ นะครับคุณเจตต์ เหมือนเพิ่งออกกำลังกายมา” ว่าแล้วภากรก็หันมาล้อเลียนเจตต์อย่างคนรู้ทันอีกที จนคนถูกล้อทนไม่ไหวต้องสวนกลับไปบ้าง

“พูดอย่างกับคุณไม่เคยออกกำลังกายในห้องอย่างนั้นแหละคุณภากร ผมกล้าเอาหัวเป็นประกันเลยว่าพวกคุณทุกคนต่างต้องเคยทำแบบผมมาแล้วทั้งนั้น” สิ้นเสียงสี่หนุ่มก็พากันหัวเราะเสียงดังแทนคำตอบ ประหนึ่งว่าไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

ขณะที่สี่หนุ่มกำลังคุยกัน สาวๆ ที่อยู่อีกมุมก็กำลังคาดคั้นเอาความจริงจากปากน้องเล็กที่กำลังอึกอักอ้ำอึ้ง

“บอกพี่มายัยมัด แกกับคุณเจตต์ไปถึงไหนๆ กันแล้วใช่ไหม” แวววิวาห์ถามตรงแบบไม่อ้อมค้อมอีก

“ถึงไหนล่ะพี่ ก็อยู่แค่ตรงนี้แหละ ไม่ได้ไปไหน” เธอพยายามเฉไฉ จนศิศิราต้องแทรกขึ้นมาเสียงเขียว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ