บทที่ 12
“ฉันจะตามพวกมันไป แค่นี้ก่อนนะคุณ” ว่าแล้วเธอก็กดวางสาย ก่อนกระโดดขึ้นรถด้วยความรีบร้อน
“ตามคันนั้นไปเลยพี่” เธอสั่งแท็กซี่ ขณะที่สองตาก็มองท้ายรถคันนั้นไม่คลาดสายตา ราวกับกลัวว่าจะคลาดกัน
ตัดมาที่เจตต์
“เดี๋ยว! มีนา อย่าเพิ่งวาง” เสียงเขาแทบจะเป็นเสียงตะโกน แต่ก็ไม่ช่วยอะไร เมื่ออีกฝ่ายวางสายไปแล้ว
“ให้ตายสิ! คุยยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ” ปากเขาก็บ่นไป แต่ก็รีบกลับรถไปตามทางที่เธอส่งพิกัดมาให้ โชคดีที่ตอนนี้เลยช่วงเวลาเร่งด่วนมาแล้ว อีกทั้งเส้นทางที่ไปก็เป็นนอกเมือง เขาจึงเร่งความเร็วได้เต็มที่ พร้อมกันนั้นก็ได้แต่ภาวนาขออย่าให้เธอเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงมากกว่าที่เป็นก็แล้วกัน
พริมรตาถูกพามายังโกดังร้างนอกเมือง โดยมีมีนาแอบตามมาด้วย ระหว่างรอเจตต์และคนอื่นๆ มาช่วย เธอจึงซ่อนตัวอยู่ด้านนอก แต่เพราะมุมที่เธออยู่มันทำให้เห็นภาพที่พริมรตาถูกทำร้ายร่างกายสารพัด แน่นอนว่าเธอไม่สามารถทนมองภาพเหล่านั้นได้อีกต่อไป
ตุบ! เธอตัดสินใจหยิบไม้ดุ้นใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ทุ่มลงกับพื้น แล้วรีบวิ่งออกจากตรงนั้น ถึงแม้มันจะเป็นความคิดที่โง่มาก แต่เพื่อถ่วงเวลาไม่ให้พริมรตาต้องเจ็บตัวไปมากกว่านี้ เธอจำต้องทำ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เธอถูกลากเข้าไปด้านในอีกคน
“มัด” พริมรตานัยน์ตาเบิกกว้างหลังเห็นมีนาถูกลากเข้ามา
“พี่พรีม อดทนไว้นะพี่ ยังไงไอ้พวกคนชั่วพวกนี้มันก็ทำอะไรคนดีๆ อย่างเราไม่ได้” มีนาเห็นสภาพหน้าตายับเยินของพี่สาวจึงพยายามพูดปลอบ แต่กลับทำให้เธอถูกศัตรูของพริมรตาตบเข้าให้อย่างจัง
เพียะ!
“หยุดนะพาขวัญ เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเรา น้องเขาไม่เกี่ยว ปล่อยน้องเขาไปซะ” พริมรตาตะคอกเสียงดัง แต่รายนั้นกลับท้าทายด้วยการตบซ้ำอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วงมัดนะพี่ แค่นี้ไม่ตายหรอก อย่างมันก็มีปัญญาทำได้แค่นี้แหละ เก่งแต่รังแกคนไม่มีทางสู้ แน่จริงก็มาตบกันตัวต่อตัวสิวะนังหน้าวอก” มีนาท้าทายด้วยความเจ็บใจ ด้วยตนถูกคนของอีกฝ่ายจับไว้หรอก ไม่อย่างนั้นเธอคงได้เอาคืนให้สาแก่ใจไปแล้ว
แต่เชื่อเถอะว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่เธอที่เจ็บใจ ยังมีคนที่เพิ่งมาถึงและลอบมองอยู่ตรงมุมหนึ่งกำลังเดือดดาลไม่แพ้กัน เจตต์ได้แต่กำหมัดแน่น พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ผลีผลามออกไปให้เสียท่าพวกมันอีกคน จึงทำได้แค่อดทนรอให้คนอื่นๆ ที่ตัวเองส่งข่าวบอกไปมาพร้อมกัน
กระทั่งคนที่รอมาพร้อมกับกำลังคนและอาวุธครบมือ เจตต์ไม่รอช้ารีบเดินออกไปสมทบด้วยความร้อนใจ ด้วยอยากจะเข้าไปช่วยยัยเด็กแก่แดดของตัวเองเต็มแก่ กระทั่งพวกมันหันมาเห็น
“โอ๊ย! ก็บอกว่าอย่าดราม่าไง เห็นไหมว่าฉันปลอดภัยดี ไม่มีอะไรบุบสลายเลย แล้วอีกอย่าง คนถ้ามันจ้องจะทำร้าย มันก็หาโอกาสเข้ามาทำร้ายจนได้อยู่ดีนั่นแหละ ดีไม่ดีถ้าพวกแกอยู่ด้วย จะพานโดนจับกันมาทั้งหมดน่ะสิ”
“จับก็จับสิ ฉันไม่กลัว อย่างน้อยถ้ามีพวกเราอยู่ด้วย แกก็คงไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวแบบนี้ ฉันไม่กลัวที่จะเจ็บเลยสักนิด เพราะการเห็นแกต้องเจ็บคนเดียวแบบนี้ มันทำให้ฉันเจ็บมากกว่า เจ็บที่ใจเนี่ย” ศิศิราบอกพลางทุบที่อกข้างซ้ายของตัวเอง ก่อนดึงตัวเพื่อนเข้ามากอด แล้วทั้งหมดก็กอดคอกันร้องไห้ กระทั่งมีนาก็พูดขึ้นบ้าง
“พวกพี่สองคนไม่ต้องห่วง อย่างน้อยก็มีหนูเจ็บเป็นเพื่อนพี่พรีมอีกคนนะ” ทุกคนหันไปมองหน้ามีนา แล้วก็พากันลูบหัวน้องเล็กด้วยความซาบซึ้งและเอ็นดู
“เจ็บมากไหม ขอโทษนะที่ทำให้เราต้องมาเจ็บตัวด้วยแบบนี้ แต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ มันอันตรายรู้ไหม” พริมรตายื่นมือมาแตะที่ขอบปากที่มีเลือดซึมอยู่ของเธอด้วยความรู้สึกทั้งซาบซึ้ง ขอบคุณ แล้วก็เป็นห่วงไปพร้อมๆ กัน
“ต่อให้อันตรายกว่านี้ หนูก็เลือกแบบนี้อยู่ดี แล้วหนูก็ไม่เสียใจเลยสักนิดที่หนูตัดสินใจตามมา เพราะถ้าไม่มา หนูคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต พี่ก็เหมือนพี่สาวหนูคนนึงนะพี่พรีม” เธอบอกพลางซบหน้ากับอกพี่สาวอย่างออดอ้อน
“ขอบใจมากนะมัด ถ้าไม่ได้แก พี่สองคนคงรู้สึกผิดมากกว่านี้ ขอบใจมากจริงๆ” แวววิวาห์ว่าพลางลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ แล้วทั้งหมดก็โวยวายขึ้นเสียงดัง เมื่อคนที่กำลังถูกกอดจู่ๆ ก็เป็นลมล้มพับไป โชคดีที่ทั้งหมดช่วยกันพยุงไว้ได้ทัน ก่อนที่คนรักของพริมรตาจะรีบเข้ามาอุ้มร่างหมดสติของเธอไว้อย่างทะนุถนอม
“พี่พรีมตัวเปียกเพราะโดนพวกมันสาดน้ำค่ะ จากนั้นมันก็ตบพี่พรีมหลายครั้ง แต่พี่พรีมก็ตอบโต้อะไรไม่ได้ หนูอยากเข้าไปช่วยใจแทบขาด แต่หนู…หนูขอโทษ ฮือ…” คนที่เห็นทุกอย่างตั้งแต่ต้นถึงกับร้องไห้โฮด้วยความรู้สึกผิดที่ทำอะไรไปมากกว่าการแอบดูไม่ได้
“มานี่มา” เจตต์ดึงเธอเข้าไปกอดปลอบ ในขณะที่เธอก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับอกเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตกใจทั้งกลัวปะปนกันไปหมด แน่นอนว่าถ้าใครได้อยู่ในเหตุการณ์ที่เรียกว่าผ่านความเป็นความตายมาแบบเธอก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน ดังนั้นอย่างเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือ…ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ