บทที่ 42
“ก็คุณไง” เธอบอกพลางจิ้มไปที่อกของเขาเบาๆ ทำเอาคนถูกรุกหนักถึงกับชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะตั้งสติได้ในเวลาต่อมา
“เพ้อเจ้อ” ให้ตายสิ! เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบพูดคำนี้กับเธอนัก แต่เวลาเสียอาการทุกครั้งคำนี้ก็จะออกมาเองเสมอ ประหนึ่งเป็นคำแก้เก้อให้ตัวเอง
“ฉันพูดจริงๆ นะคุณ อย่างเดียวที่ฉันอยากได้ตอนนี้คือ…อยากแต่งงานกับคุณแต่งงานกันนะ” เธอไล่ตามคนที่หันหนีไปอีกทางอย่างไม่ลดละ
“เพี้ยนไปแล้วรึไง สงสัยจะเหนื่อยจนเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ” เขาหลบเลี่ยง พยายามไม่สบตาด้วยการก้มไปคุยกับลูกสาวแทน
“ว่าไงคะคนเก่งของป๊ะป๋า หนูอยากได้รางวัลอะไรเป็นพิเศษบ้างไหมเอ่ย”
“หนูมีนี่แล้วค่ะ” เด็กหญิงชูรางวัลในมือขึ้นด้วยใบหน้าแต้มยิ้ม
“มันไม่เหมือนกันนี่คะ นั่นมันรางวัลของโรงเรียน แต่นี่เป็นรางวัลจากป๊ะป๋าค่ะ”
“งั้นหนูยกรางวัลนี้ให้พี่มัดขาได้ไหมคะ” คนที่ได้รางวัลเพิ่มถึงกับหันไปยักคิ้วใส่ ก่อนจะนึกเอะใจกับสรรพนามที่เด็กน้อยใช้
“ขอบคุณนะคะหนูน้อย เอ่อ…แต่ขอเป็นพี่มัดเฉยๆ ได้ไหมคะ เรียกพี่มัดขา รู้สึกเหมือนเดินไม่ค่อยสะดวกยังไงก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ”
“ได้ค่ะ พี่มัดเฉยๆ” เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่าย ทำเอาผู้เป็นพ่อหลุดขำพรืดออกมา ในขณะที่เจ้าของชื่อถึงกับหน้าเหวอ
“เอ่อ…งั้นเป็นพี่มัดขาเหมือนเดิมดีกว่าเนอะ แล้วว่าแต่จันทร์เจ้าจะยกรางวัลนี้ให้พี่มัดจริงๆ เหรอคะ” เธอหยั่งเชิงเด็กน้อยอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“ค่ะ แล้วพี่มัดอยากได้อะไรคะ” หนูน้อยถามพลางเอียงคอมองตาแป๋ว
“พี่มัดอยากได้…นี่ค่ะ” เธอทำท่ากระมิดกระเมี้ยนพลางจิ้มไปที่หน้าอกของชายหนุ่ม พลันเด็กน้อยก็นิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ชนิดที่ทำเอามีนาใจเสีย กระทั่ง…
“พี่มัดอยากได้เสื้อป๊ะป๋าเหรอคะ” อีกครั้งที่ผู้เป็นพ่อหลุดขำออกมา ต่างกับเธอที่กำลังทำหน้าแหย
“ฮ่าๆๆ ก็เสื้อสวยอะเนอะ” ให้ตายสิ! มันเป็นเสียงหัวเราะที่ดูฝืดเฝื่อนสุดๆ
“ป๊ะป๋าขา ยกเสื้อตัวนี้ให้พี่มัดได้ไหมคะ” หนูน้อยผู้มีน้ำใจหันไปขอคุณพ่อให้อีก
“ได้สิคะ ก็พี่มัดอยากได้ขนาดนี้ ถ้าป๊ะป๋าไม่ให้ก็คงใจดำเกินไป จริงไหมคะ ฮ่าๆๆ” เห็นเขาขำจนไหล่โยก มีนาก็ได้แต่กัดฟันกรอด นึกหมั่นไส้คนอารมณ์ดีจนอยากจะเข้าไปกัดปากให้สักทีสองที แต่ก็ยังไม่ทันได้ทำ เมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน
“จันทร์เจ้าคะ มาอยู่นี่นี่เอง คุณครูตามหาตั้งนานแน่ะ อุ๊ย! คุณพ่อจันทร์เจ้าสวัสดีค่ะ” ครูสาวเดินมาจับมือเด็กน้อยประหนึ่งว่ารักนักหนา ก่อนจะหันไปทักทายผู้เป็นพ่อด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน
“ปลอมมาก มุกนี้ฉันใช้ไปแล้วย่ะ แล้วก็พิสูจน์มาแล้วว่ามันไม่สำเร็จ” เธอแอบหันไปนินทาอีกทาง และเสียงบ่นงึมงำของเธอก็ทำให้คนข้างๆ ต้องหันมาถาม
“บ่นอะไรของเธอ”
“ก็บ่นเรื่องสุนัขที่จ้องจะแย่งเนื้อที่ฉันคาบอยู่ไง ให้ตายสิ! มองขนาดนี้นี่ถ้ากลืนคุณเข้าไปได้ คงทำไปแล้วมั้งเนี่ย” เธอเขม่นครูสาวที่กำลังมองชิ้นเนื้อของตัวเองตาเป็นมัน
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก พี่ว่าจะชวนเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันน่ะ แต่ถ้าเราไม่ว่างก็ไม่เป็นไร” ดรัญทำหน้าผิดหวังจนเธออดรู้สึกผิดไม่ได้
“งั้นไว้โอกาสหน้านะคะพี่รัณ ของฟรีมัดไม่พลาดแน่นอนค่ะ” เธอบอกพลางยิ้มให้ แต่รอยยิ้มของเธอมันกลับทำให้คนข้างๆ หงุดหงิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“จะไปกันได้รึยัง ร้อน…เหนื่อย…หิว”
“สงสัยจะโมโหหิว งั้นมัดไปก่อนนะคะพี่รัณ” เธอหันไปบอกดรัณด้วยใบหน้าแหยๆ แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้าย จู่ๆ หนูน้อยก็โพล่งออกมา
“ป๊ะป๋าขา ให้เรย์ไปกับเราด้วยได้ไหมคะ หนูอยากพาเรย์ไปว่ายน้ำที่โรงแรมของเราค่ะ”
“ไม่เอาสิคะจันทร์เจ้า น้องเรย์เขาก็ต้องไปกับคุณพ่อเขาสิคะ เราจะไปรั้งเขาให้ไปกับเราไม่ได้ค่ะ” เจตต์นั่งลงบอกกับลูกสาวด้วยเสียงอ่อนโยน
“แต่ผมอยากไปกับจันทร์เจ้าครับ พ่อฮะ ขอผมไปกับจันทร์เจ้าได้ไหมฮะ” เด็กชายหันไปขอคุณพ่อด้วยอีกคน ในขณะที่คุณพ่อทั้งสองยังคงนิ่งเงียบไม่ให้คำตอบใดๆ มีนาจึงออกหน้าแทน
“ให้แกไปเถอะค่ะพี่รัณ เดี๋ยวมัดช่วยดูให้เอง” เห็นเด็กสองคนอยากเล่นด้วยกัน เธอก็อดเห็นใจไม่ได้
“แต่มัดต้องทำงานนี่” ดรัณทำหน้าลำบากใจ
“มัดทำงานไม่นานค่ะ ระหว่างนี้ก็ให้เด็กๆ ไปนั่งดูทีวีที่ห้องมัดก่อนก็ได้ค่ะ” เธอพยายามหาทางออกให้
“ห้องมัด?” ดรัณนึกเอะใจกับคำนี้จนต้องถามออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ