จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 145

บทที่ 144 ใครเป็นคนทำ

อาการของจางเหมิงในเวลานี้เรียกง่ายๆคือ คนป่วยที่เข้าขั้นวิกฤติเลยวิ่งพล่านหาหมอ ไม่ว่าใครมา เธอก็ไม่ปฏิเสธทั้งนั้น

"ฉันตบหน้าอู๋ก่วงหัว คุณชายใหญ่กลุ่มบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปไปทีนึง ตอนนี้ชิงเหมิงกรุ๊ปเลยมากดดันกลั่นแกล้งครอบครัวฉัน บริษัทของเราตอนนี้ ถูกผลักไสจนไปติดทางตันหมดแล้ว"

เหยียนเสวเหวินถึงกับผงะ "บริษัทชิงเหมิงกรุ๊ป! ทำไมเธอถึงไปก่อเรื่องขุ่นเคืองใจกับพวกมีอิทธิพลระดับนี้ได้ล่ะเนี่ย!"

สีหน้าจางเหมิงคล้ำทะมึนทันที แค่เมื่อกี้ได้ยินชื่อก็เกิดกลัวขึ้นมาซะแล้ว ดูท่าเหยียนเสวเหวินก็คงไม่สามารถช่วยอะไรได้เหมือนกัน

เหยียนเสวเหวินสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของจางเหมิง จึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที "เหมิงเหมิง ไม่ต้องกังวลนะ พ่อของฉันมีเพื่อนอยู่ในกรมสรรพากร  ฉันจะถามเขาว่า เขาพอจะเชิญคนจากกรมสรรพากรมาช่วยออกหน้าได้บ้างมั้ย "

ความหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจางเหมิงอีกครั้ง "โอเค ขอบคุณนะ!"

เหยียนเสวเหวินรีบโทรศัพท์ทันที "ฮัลโล พ่อ เพื่อนร่วมชั้นของผมคนหนึ่ง เผอิญไปทำให้กลุ่มบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปเคืองใจ .... "

ไม่นานนัก บรรดานักเรียนก็คุยโทรศัพท์เสร็จ

"ขอโทษนะเหมิงเหมิง คุณลุงของฉันโทรหาประธานกรรมการอู๋ ที่บริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปแล้ว แต่ไม่มีใครรับสายเลย" หลี่หงถูพูดอย่างจนใจ

"ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ขอบคุณมากนะ!" จางเหมิงฝืนยิ้ม

“ เหมิงเหมิง พ่อฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย ขอโทษนะ!”

"จางเหมิง ฉันก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน"

นักเรียนทุกคนต่างล้มเหลว ไม่มีใครที่สามารถช่วยจางเหมิงได้

ดูเหมือนว่าครั้งนี้ บริษัทชิงเหมิงกรุ๊ป ตั้งใจจะทำลายครอบครัวของจางเหมิงแน่นอนแล้ว

สีหน้าของจางเหมิงคล้ำจนเทา ฝืนยิ้มอย่างขมขื่น "ดูท่าว่า ฉันมีแต่ต้องตอบรับเงื่อนไขของอู๋ก่วงหัวเท่านั้นแล้ว"

“เหมิงเหมิง เงื่อนไขอะไร?” หลิงหยิงถามอย่างเป็นกังวล

สีหน้าอับอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจางเหมิง “อู๋ก่วงหัวบอกว่า ขอแค่ฉันยอมใช้เวลากับเขาหนึ่งวัน จะยอมปล่อยครอบครัวของเราไป"

"ถ้าก่อนวันพรุ่งนี้ ยังไม่มีวิธีทำให้ชิงเหมิงกรุ๊ปยอมถอยได้ เพื่อบริษัทแล้วพ่อของฉันคงจะยอมทิ้งฉันไปแน่ๆ "

ในที่สุด หลินหยุนก็เข้าใจเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบได้กระจ่างซะที ดูเหมือนว่าพวกรูปถ่ายเสื่อมเสียทั้งหลายของจางเหมิง ที่หลุดออกมาในชีวิตก่อนของเขา ล้วนเกิดจากฝีมือของอู่ก่วงหัวทั้งสิ้น

เดิมที หลินหยุนก็ไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความเป็นความตายใด ๆ ของจางเหมิงนัก คนชั่วย่อมมีคนชั่วกว่ามาทำให้ต้องทนทุกข์ และทั้งหมดนี้มันก็เพราะ จางเหมิงเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น

แต่บริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปนั้น มีความใกล้ชิดกับตระกูลส้งในจงโจว และตระกูลส้งก็เป็นศัตรูตัวฉกาจที่เลวร้ายที่สุดของหวางซูเฟิน แม่แท้ๆของหลินหยุน

ทั้งยังบีบบังคับพี่ฉินหลันจนต้องตาย ทั้งวางแผนฆ่าแม่แท้ๆหลินหยุนอย่างโหดเหี้ยม รวมทั้งบีบบังคับทุกทาง จนหลินหยุนต้องโดดตึกฆ่าตัวตายในที่สุด

หากไม่ใช่เพราะเซียนซางหมิ่นอาจารย์ของเขา บังเอิญผ่านมายังโลกแห่งนี้ แล้วพาหลินหยุนไปด้วย หลินหยุนก็คงตายไปนานแล้ว

การต่อสู้ของเขากับตระกูลส้ง จบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างราบคาบของเขา และชัยชนะอันสมบูรณ์แบบของตระกูลส้ง

หลังการเกิดใหม่ นี่เป็นครั้งแรกหลินหยุนเกิดเจตนาอยากฆ่าอันรุนแรงขึ้นในใจของเขา

“ส้งหัวอัน แกในตอนนี้ น่าจะยังเป็นเจ้าแห่งวงการของมณฑลจงโจวอยู่สินะ!”

"ยังมีคุณชายใหญ่ส้งอันหมิงอีกคน ในชาติที่แล้ว แกทำร้ายครอบครัวฉันจนต้องบ้านแตกสาแหรกขาด พี่ฉินหลันเพื่อที่จะช่วยฉัน ถึงกับยอมทนก้มหน้ารับความน้อยเนื้อต่ำใจ ไปแต่งงานกับแก แต่สุดท้ายกลับถูกพวกแกทำให้อับอายจนตาย"

“พวกแกคงคิดไม่ถึงกันล่ะสิ ว่าฉันจะใช้วิธีนี้กลับมาที่นี่จนได้!”

แววมืดทะมึนในดวงตาของหลินหยุน ดูเหมือนดั่งหลุมดำที่สามารถกลืนกินผู้คนเข้าไปได้ ภายในนั้นปรากฏเป็นภาพภูเขาซากศพ รวมถึงทะเลเลือดอันน่าสยดสยอง

"ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาไปหาพวกแกเพื่อคิดบัญชี แต่เก็บดอกเบี้ยจากบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปไปก่อนก็ไม่เลวล่ะนะ!"

นอกจากนี้ก็ถือว่าช่วยจางเหมิงสักครั้งก็แล้วกัน ในเมื่อกระทั่งไอ้หินก็ยังพยายามช่วยอย่างเต็มที่เลยนี่นา

หลินหยุนตัดสินใจเสร็จ ก็จากไปแบบเงียบ ๆ เมื่อมาถึงปลายระเบียงทางเดิน ก็โทรศัพท์ไปหาเจี่ยงสง

"ปรมาจารย์หลิน มีอะไรจะสั่งหรือครับ?" เจี่ยงสงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคารพให้เกียรติ

"รู้จักบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปหรือเปล่า?" หลินหยุนถามเข้าประเด็นทันที

"รู้จักครับ บริษัทของอู๋ฉีเหริน เคยติดต่อทำธุรกิจกับผมมาบ้าง แต่ไม่ถึงกับคุ้นเคยกันมากมาย มีอะไรเหรอครับ? เขาทำให้คุณขุ่นเคืองใจหรือเปล่า?" เจี่ยงสงรีบถาม

เสียงของหลินหยุนราบเรียบ ไร้ซึ่งร่องรอยของอารมณ์ใดๆโดยสิ้นเชิง " ใช้เวลาที่สั้นที่สุด ทำให้บริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปหายไปจากหลินโจวซะ "

เจี่ยงสงผงะไปเล็กน้อย พูดตอบรับอย่างเคร่งขรึมว่า " ห้าวันครับ ผมสัญญาว่าจะทำให้บริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปหายไปแบบไร้เงา"

ถ้าลำพังแค่กำลังของเจี่ยงสงคนเดียว การจะทำให้บริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปล้มหายตายจากวงการไป ย่อมเป็นเรื่องที่ยากอยู่พอสมควร แต่ถ้าให้บรรดาผู้ทรงอิทธิพลทั้งเจ็ดเมือง ซึ่งยอมจำนนต่อหลินหยุน ร่วมมือกันลงดาบในเวลาเดียวกันล่ะก็ การจะทำลายบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปให้กลายเป็นฝุ่นผง ก็เป็นแค่เรื่องง่าย ๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปากเท่านั้นเอง

"คนของบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปทำให้เจี่ยงสง ขาใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลแห่งเมืองหลินโจวขุ่นเคืองใจ ตอนนี้เจี่ยงสงประกาศสงครามเต็มรูปแบบกับบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปแล้ว แถมยังลั่นวาจาไว้ด้วยว่า จะขับบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปออกไปจากหลินโจวภายในห้าวัน"

"พอเป็นแบบนี้ ก็เท่ากับว่าวิกฤตในครอบครัวของจางเหมิงก็ถูกคลี่คลายไปเลย กลุ่มบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปตอนนี้ อย่าว่าแต่จะไปสนใจความเป็นตายของใครเลย เพราะกระทั่งตัวเองยังเอาตัวไม่รอดด้วยซ้ำ ในเมื่อจะปกป้องตัวเองยังยาก แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปหาเรื่องคนอื่นได้อีก”

จางซือจู่ถึงกับผงะ ร้องอุทานอย่างแสนจะเหลือเชื่อว่า "โคตรเจ๋งอ่ะ! ใครนะที่ทำให้ขาใหญ่ระดับเจี่ยงสงเคลื่อนไหวได้!"

“มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้นี่ บางที เจ้าอู๋ก่วงหัวนั่นมันอาจจะเชิดหางสยายปีกมากไปหน่อย จนไปทำให้ขาใหญ่อย่างเจี่ยงสงเคืองใจเข้า ไม่ก็ครอบครัวของจางเหมิงบังเอิญโชคดีก็ได้มั๊ง!” หยางเทียนโย่ววิเคราะห์

ฉินโส่วส่ายหน้า "ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ กลุ่มบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ป ติดต่อทำธุรกิจกับท่านเจี่ยงมาโดยตลอด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะประกาศสงครามกัน แค่เพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ"

“ จะต้องมีใครสักคน ที่สั่งให้ท่านเจี่ยงจงใจทำแบบนี้แน่!”

จางซือจู่อุทาน "แม่จ้าวโว้ย! ถ้ามีใครที่สั่งการท่านเจี่ยงได้จริงๆ คนคนนี้จะต้องโคตรเจ๋งเหอะ!"

"ครอบครัวของจางเหมิง ไม่น่าจะมีญาติหรือเพื่อนที่สุดยอดขนาดนี้แน่ ไม่งั้นเธอคงไม่มาถามขอความช่วยเหลือจากบรรดาเพื่อนร่วมชั้นแบบนี้"

ไอ้ห้อนหินพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ "ถ้างั้นก็มีความเป็นไปได้แค่อย่างเดียว นั่นก็คือคนที่สั่งการท่านเจี่ยงให้เคลื่อนไหว เป็นนักเรียนที่อยู่ในหมู่ของพวกเรา"

"ใช่เลย! มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่! แต่คนคนนี้จะเป็นใครกันล่ะ?" ฉินโส่วเริ่มคิดถึงบุคคลต้องสงสัยผู้นี้มากขึ้นเรื่อยๆ

แต่มันไม่มีใครที่สามารถสั่งให้เจี่ยงสงเคลื่อนไหวได้นี่นา !

ในขณะที่มองดูบรรดาผองเพื่อนทั้งหลาย พูดคุยถกเถียงกันไปมา สีหน้าของหลินหยุนก็ยังคงไร้อารมณ์ความรู้สึก การเคลื่อนไหวของเจี่ยงสงครั้งนี้รวดเร็วใช้ได้ ทำให้เขารู้สึกพอใจมากทีเดียว

ขั้นต่อไป ก็คือรอฟังข่าวการล่มสลายหายสาบสูญของบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปเท่านั้นแล้ว

ตระกูลส้งเอ๋ย หนี้ก้อนนี้ ฉันขอคิดดอกเบี้ยไปก่อนก็แล้วกันนะ!

วันรุ่งขึ้น ฉินโส่วก็นำข่าวเรื่องที่ว่า จางเหมิงจะขอเชิญเพื่อน ๆไปกินข้าวมาประกาศอีกครั้ง

"สหายทั้งหลาย ดาวมหาลัยจางเหมิงจะจัดงานเลี้ยงขอบคุณ คืนนี้พวกเราไปพร้อมกันล่ะ ขาดใครไปแม้แต่คนเดียวก็ไม่ได้ เข้าใจ๋!"

หลินหยุนกำลังคิดจะบอกว่าฉันไม่ไปนะ เสียงของฉินโส่วก็ดังขึ้นเสียก่อน "หลินหยุน โดยเฉพาะแก ห้ามพูดนะว่าฉันไม่ไป! นี่เป็นกิจกรรมร่วมกันของพวกเราทั้งกลุ่มเฟ้ย!"

เมื่อไม่มีทางอื่น หลินหยุนจึงทำได้เพียงตอบตกลง

หลังเลิกเรียนในตอนค่ำ หลินหยุนกับผองเพื่อน ก็มายังโรงแรมที่จางเหมิงเชิญมาเลี้ยงข้าว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์