บทที่ 149 ไปตอกหน้าที่อิมพีเรียลคอร์ท
หลินหยุนพูดขึ้นว่า "ทุกคนแค่บอกฉันว่าอยากไปหรือเปล่าก็พอ ที่เหลือฉันจัดการเอง!"
พวกเทพฟ้าผ่าหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
แน่นอนว่าพวกเขาอยากไป ที่นั่นคืออิมพีเรียลคอร์ทเชียวนะ!
พวกเขาเคยแต่ได้ยินที่ผู้คนเล่าลือกันมาเท่านั้น แม้แต่พวกเศรษฐีอย่างฉินโส่ว ก็ยังเคยไปที่นั่นแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น
พอกลับมาได้ มันยังมาคุยโม้โอ้อวดต่อหน้าทุกคนไปเกือบครึ่งเดือน
สถานที่ที่ทำให้ไอ้ลูกล้างลูกผลาญอย่างฉินโส่ว มันคุยโม้โอ้อวดได้ถึงครึ่งเดือน ก็พอจะจินตนาการได้เลยว่ามันต้องยอดเยี่ยมขนาดไหน!
ไอ้หมอพูดเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง "ช่างมันเหอะวะหลินหยุน อย่าถือเอายัยผู้หญิงจอมเจ้าเล่ห์นั่นมาเป็นอารมณ์เลยน่า!"
"ใช่ๆ ฉันว่าอาหารแผงลอยก็ดีอยู่นะ!" ไอ้สิบแปดมงกุฎพูดบ้าง
หลินหยุนไม่จำเป็นต้องถามอีก แววตาปรารถนาที่ฉายวูบ แล้วหายวับไปในพริบตาของพวกเขาเหล่านั้น ทำให้หลินหยุนเข้าใจได้ชัดเจนว่า พวกเขาอยากไป!
"เถ้าแก่ คิดเงิน!" หลินหยุนตะโกน จากนั้นก็หันไปพูดกับเพื่อนๆว่า "ป่ะ ไปอิมพีเรียลคอร์ทกัน!
ด้วยเหตุนี้ ผองเพื่อนที่พูดเกลี้ยกล่อมมาตลอดทาง ก็ตามหลินหยุนมายังอิมพีเรียลคอร์ทจนได้
อาคารเก้าชั้นอันงดงามตระการตาที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขา ทั่วทั้งหลินโจวนี้คงมีเพียงDiluficเท่านั้นที่พอจะเทียบกับอิมพีเรียลคอร์ทได้
แต่Diluficไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าใช้บริการ ว่ากันว่าใช้เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลตัวจริงเท่านั้น ต่อให้คุณมีเงิน ก็ไม่อาจเข้าไปใช้บริการได้
เลขเก้าถือเป็นจำนวนสูงสุดในหลักหน่วย และเลขเก้าก็มีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับชาวจีนอีกด้วย
การเรียกขานพระนามของฮ่องเต้ในสมัยโบราณ ก็มีการใช้เลขเก้าเพื่อแทนพระองค์ว่า “จิ่วอู่จือจุน” ( ความหมายคือ ราชันย์ผู้เป็นที่เคารพสูงสุด) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความล้ำค่าของเลขเก้า
คงมีเพียงสถานที่ที่โอ้อวดความยิ่งใหญ่อลังการ อย่างอิมพีเรียลคอร์ทเท่านั้น ที่กล้าพอจะก่อสร้างต่อเติมอาคารได้ถึงเก้าชั้น
"ทุกคนรอฉันอยู่ที่นี่นะ ฉันจะไปโทรศัพท์หน่อย!" หลินหยุนพูดกับเพื่อนๆ จากนั้นก็เดินออกไป
หลินหยุนเดินไปอีกด้าน แล้วต่อสายโทรหาเจี่ยงสง
"จองโต๊ะในอิมพีเรียลคอร์ทให้ฉันที ฉันจะเชิญเพื่อนร่วมชั้นสักสามสี่คนไปกินข้าว!" หลินหยุนสั่งตรงๆไม่มีอ้อมค้อม
"กรุณารอสักครู่นะครับ!" ทางเจี่ยงสงรีบโทรไปสั่งลูกน้อง ให้รีบจัดการจองโต๊ะให้เขาอย่างรวดเร็ว
เจี่ยงสงรีบใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ รายงานสถานการณ์ให้หลินหยุนฟัง ด้วยน้ำเสียงเคารพนบน้อม "ปรมาจารย์หลินครับ การระดมกำลังล้อมปราบชิงเหมิงกรุ๊ปในครั้งนี้ ราบรื่นกว่าที่คิดไว้มาก หลังจากที่หลาย ๆ บริษัทได้รับฟังข่าวลือแล้ว ต่างก็พากันตัดขาดการทำธุรกิจกับบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปในทันทีเลยครับ ”
"ดังนั้น จากที่คาดการณ์ในตอนแรกว่า จะกำจัดกลุ่มชิงเหมิงกรุ๊ปให้หายไปจากหลินโจวภายในระยะเวลาห้าวันนั้น ตอนนี้ก็เลยลดลงมาเหลือแค่สามวันเท่านั้นครับ"
หลินหยุนตอบรับนิ่งๆว่า "อื้ม"
เจี่ยงสงที่อยู่ปลายสาย ถึงขั้นมุมปากกระตุกขึ้นมาเลยทีเดียว เขาทำลายบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปที่มีมูลค่านับพันๆล้านลงไปแท้ ๆ แต่แลกมาได้กับเสียงตอบรับนิ่งๆว่า “อื้ม” ของปรมาจารย์หลินแค่เสียงเดียวเนี่ยนะ?
แต่เมื่อเขานึกถึงพลังอันสะเทือนฟ้า สะท้านดินของปรมาจารย์หลิน เจี่ยงสงก็ได้แต่ปล่อยวาง
บางทีจากมุมมองของคนในระดับเขา การทำลายกลุ่มบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ป อาจเป็นเรื่องใหญ่มากเรื่องหนึ่ง แต่ถ้ามองจากระดับตัวตนของปรมาจารย์หลิน มันคงมีค่าเท่ากับการบดขยี้มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น
“ยังมีอะไรอีกไหม?” หลินหยุนถาม
เจี่ยงสงพูดว่า "สามวันหลังจากนี้ ผู้ทรงอิทธิพลที่เข้าร่วมในการล้อมปราบกลุ่มชิงเหมิงกรุ๊ปเตรียมจะจัดงานเลี้ยงฉลองกัน ทุกคนต่างก็หวังว่าคุณจะสามารถมาร่วมเป็นประธานด้วยตัวเองได้น่ะครับ!"
“ฉันไม่ว่าง” หลินหยุนตอบกลับ
แต่หลังจากคิดทบทวนอีกครั้ง หลินหยุนกลับรู้สึกว่า มันเป็นการดีที่จะได้พบกับคนเหล่านี้สักหน่อย เพราะถึงยังไงพวกนั้นก็ทำงานจิปาถะให้เขาอยู่
"ส่งเวลากับสถานที่ ที่จัดเลี้ยงฉลองให้ฉันแล้วกัน ฉันจะไปเอง"
เจี่ยงสงซึ่งเดิมทีผิดหวังไปแล้ว รีบพูดด้วยความยินดีทันที "ได้ครับ ผมจะรีบส่งไปให้คุณเดี๋ยวนี้เลย!"
เวลานั้นเอง หลินหยุนก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนเข้ามาในสาย "ท่านเจี่ยง จองโต๊ะที่อิมพีเรียลคอร์ทเรียบร้อยแล้วครับ!"
เจี่ยงสงรีบรายงานทันที "ปรมาจารย์หลิน จองที่ในโรงแรมอิมพีเรียลคอร์ทเรียบร้อยแล้วครับ ผมจะส่งข้อมูลตำแหน่งที่นั่งให้คุณนะครับ!"
"ดี"
หลังวางสาย หลินหยุนก็เดินกลับไปหาพวกเทพฟ้าผ่า สัญญาณข้อมูลในมือถือพลันดังขึ้น
เถียนชุ่ยชุ่ย ทำตัวเหมือนพวกบ้านนอกเข้ากรุงเป็นครั้งแรกไม่มีผิด เอาแต่จ้องมองไปที่บรรดารูปปั้นและของตกแต่งที่สวยงามรอบตัวไม่หยุด ใบหน้างามดวงน้อย ๆ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตกตะลึง
"ดูรูปสลักนี่สิ เหมือนจะเป็นผลงานของอาจารย์ดัคเกอร์! แล้วก็ยังมีภาพวาดสีน้ำมันนั่น ก็น่าจะเป็นผลงานของอาจารย์แวนส์เตอร์แน่เลย!"
เถียนชุ่ยชุ่ยทำได้เพียงใช้ความรู้ที่อ่านมาจากนิยายเมื่อสมัยเรียนมัธยม มาแสดงละครว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถ เพื่อปกปิดแก่นแท้ที่ว่า ตัวเธอเองก็เป็นเพียงคนจนธรรมดา ๆ สามัญคนหนึ่งเท่านั้น
เสิ่นหย่งเองก็มองออก แต่ไม่ได้พูดแหกหน้าเธอออกไป เพียงแค่คิดดูถูกในใจว่า "ยัยผู้หญิงหน้าโง่คนนี้นี่นะ! ไม่รู้เลยรึไงว่าทุกคนที่อยู่รอบๆ เขามองเธอเหมือนคนโง่ขนาดไหนน่ะ?"
ผู้ที่สามารถมากินข้าวที่อิมพีเรียลคอร์ทได้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนรวย ที่คุ้นเคยกับการชมผลงานชิ้นเอกมามากมายจนนับไม่ถ้วน ใครมันจะมาตื่นเต้นกับแค่ภาพที่แขวนประดับในห้องอาหารกันล่ะ?
ยิ่งทำแบบนี้ ก็ยิ่งเป็นการเผยให้เห็นธาตุแท้ว่า เถียนชุ่ยชุ่ยเป็นแค่ผู้หญิงที่มาจากครอบครัวจนๆ ครอบครัวหนึ่งอย่างสมบูรณ์
ผ่านไปสักพัก แม้แต่เสิ่นหย่งก็ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงแสร้งกระแอมไอขึ้นมาเพื่อขัดจังหวะเถียนชุ่ยชุ่ย "เอาล่ะๆ ชุ่ยชุ่ย พวกเราสั่งอาหารกันก่อนดีกว่านะ!"
"ดี!" เถียนชุ่ยชุ่ยหยุดแสดงความสามารถอันน้อยนิดของเธอลง ถ้าเสิ่นหย่งไม่หยุดเธอไว้ก่อน เธอก็คงต้องหาทางหยุดเองสักทาง เพราะความรู้กระจิดริดที่อ่านมาจากนิยายของเธอกำลังจะหมดลงแล้วนั่นเอง
พนักงานที่เป็นคนขาว แต่งตัวเรียบร้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา "ไม่ทราบว่าทั้งสองท่าน ต้องการสั่งอะไรบ้างครับ?"
ด้วยระดับภาษาจีนที่มีมาตรฐาน และมารยาทของชนชั้นสูงแบบสไตล์ตะวันตก ทำให้เถียนชุ่ยชุ่ยตื่นตะลึงจนหัวใจพาลเต้นระทึกอีกครั้ง
เสิ่นหย่งยื่นเมนูไปให้เถียนชุ่ยชุ่ย เธอพลิกไปพลิกมาครู่หนึ่ง กวาดสายตาจนทั่ว สรุปได้ว่าเธอไม่รู้จักอะไรในเมนูนี้เลยแม้แต่อย่างเดียว
สุดท้ายจึงแสร้งทำเป็นถ่อมตัวแล้วพูดว่า "พี่หย่ง ให้พี่เป็นคนสั่งดีกว่า! ฉันกินอะไรก็ได้!"
เสิ่นหย่งรู้ทันแต่ก็ไม่เปิดเผยเธอ สื่อสารกับพนักงานเสิร์ฟเป็นภาษาต่างประเทศอย่างสง่างาม จากนั้นพนักงานก็จากไป
ทันใดนั้น พนักงานอีกสองคนก็นำอุปกรณ์บนโต๊ะอาหารเข้ามา จัดวางเรียงรายอย่างเรียบร้อยงดงาม
แต่อุปกรณ์เครื่องใช้ที่ถูกจัดวางเรียงรายจนเต็มโต๊ะเหล่านั้น มันช่างดูเหมือนดั่งของใช้ยามที่ฮ่องเต้ทรงเสวยพระกระยาหารจริงๆ ช่างเป็นอะไรดูยิ่งใหญ่อลังการมาก
"ว้าว! สเปคสูงเกินไปแล้วมั้ยเนี่ย! ดูเครื่องใช้บนโต๊ะพวกนี้สิ พวกมันเป็นเงินแท้ทั้งนั้นเลย!" เถียนชุ่ยชุ่ยอุทานเสียงเบาอย่างตื่นเต้น
เสิ่นหย่งยังแอบสงสัยว่า การบริการครั้งนี้ออกจะดีกว่าครั้งที่แล้ว ทั้งยังดีกว่าไม่ใช่แค่หนึ่งระดับอีกด้วย
แต่เสิ่นหย่งก็ไม่ได้สนใจ คิดแค่ว่าเป็นเพราะคุณภาพการบริการของอิมพีเรียลคอร์ท ยกระดับขึ้นอีกขั้นแล้วเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...