ตระกูลกู้ ห้องประชุมเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อึมครึม
กู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนเจียง กู้ซิงเว๋ยทั้งสามคนสูบบุหรี่มวนต่อมวน ทุกคนที่สามารถติดต่อได้ก็ติดต่อแล้ว แต่ไม่มีใครสามารถช่วยตระกูลกู้ได้
เหมือนมีเมฆดำกำลังปกคลุมตระกูลกู้อยู่ ตระกูลกู้เปรียบเหมือนเรือสำปั้นขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในคลื่นพายุ ซึ่งสามารถถูกคลื่นใหญ่ซัดให้พลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ
“ฝั่งหยุนหลันพูดว่าอย่างไร? ชิงหลิน ลูกสามารถถามอะไรออกจากปากเธอได้หรือไม่”
กู้เจี้ยนกั๋วถามด้วยความกลัดกลุ้ม
ตอนนี้แม้แต่ศัตรูเป็นใครยังไม่รู้ แม้ว่ากู้เจี้ยนกั๋วจะพยายามใช้เส้นสายเพื่อสืบหาข้อมูล แต่ก็ไม่สามารถสืบหาเบาะแสอะไรได้แม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าโชคชะตาได้กำหนดทุกสิ่งทุกอย่างไว้แล้ว โดยลิขิตให้ตระกูลกู้ถึงวาระที่จะล่มสลายไปในคราวนี้
กู้เจี้ยนเจียงส่ายศีรษะ สูบบุหรี่ด้วยความเศร้า “ไม่มี กู้หยุนหลันไม่พูดอะไรเลย ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่”
ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบสงัด หัวใจของคนตระกูลกู้ถูกเมฆดำปกคลุม รู้สึกว่าสามารถถูกโชคชะตากลืนได้ตลอดเวลา
“เป็นขยะจริง ๆ จะต้องมีใครสักคนที่แกล้งพวกเราอยู่ข้างหลังอย่างแน่นอน!”
กู้ซิงเว๋ยคำรามด้วยความโกรธ
กริ๊ง ๆ ๆ
เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะดังขึ้น สายตาของพวกกู้เจี้ยนกั๋วทั้งสามคนมองไปที่โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ
“ใครโทรมาตอนนี้ คงเป็นข่าวร้ายอีกแล้ว บี๊บจริงๆ”
กู้ซิงเว๋ยกล่าวอย่างหงุดหงิด
กู้เจี้ยนกั๋วขยี้ก้นบุหรี่จนดับ มองที่กู้ซิงเว๋ยและกล่าวว่า “รับโทรศัพท์ แกจะรอให้ฉันเป็นคนไปรับสายหรือ”
กู้ซิงเว๋ยรับโทรศัพท์อย่างจำใจ “ฮาโหล”
“ตระกูลกู้ใช่ไหม? อีกห้านาทีพวกเราจะไปถึง พวกคุณรีบมาต้อนรับพวกเราด้วย”
เสียงหยิ่งผยองของเฝิงจื่อฉายดังออกมาจากโทรศัพท์
กู้ซิงเว๋ยชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วตะโกนถามอย่างตื่นเต้นว่า “พวกคุณเป็นใคร! ใช่พวกคุณหรือเปล่าที่เล่นงานพวกเราอยู่ข้างหลัง!”
“ปฏิกิริยาตอบสนองค่อนข้างเร็วนี่ เดี๋ยวพอเจอกันคุณก็จะรู้ว่าพวกเราเป็นใคร ยังเหลือเวลาอีกสามนาทีพวกเราจะไปถึง ถ้าพวกคุณไม่เข้าแถวต้อนรับ อย่าโทษพวกเราใจร้ายฆ่าพวกคุณทั้งตระกูล”
กู้เจี้ยนกั๋วคว้าโทรศัพท์ในมือของกู้ซิงเว๋ย และกล่าวอย่างเร่งรีบว่า “พวกเราจะไปต้อนรับพวกคุณทันที ขอร้องพวกคุณได้โปรดเมตตาปล่อยตระกูลกู้ไปเถอะ”
“อากัปกิริยาของคุณไม่เลว ฉันจะพิจารณาตามความเหมาะสม”
มีเสียงตุ๊ด ๆดังออกมาจากโทรศัพท์แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายได้วางสายแล้ว จากนั้นกู้เจี้ยนกั๋วก็วางโทรศัพท์ลง “ทุกคนออกไปต้อนรับทั้งหมด และระวังคำพูดด้วย”
พวกกู้เจี้ยนกั๋วทั้งสามคนจัดเสื้อผ้าของตนเอง เดินออกจากห้องประชุมพร้อมกัน ไปต้อนรับพวกเขาที่ประตูบริษัท
ไม่นาน รถเมอร์เซเดส-เบนซ์มาหยุดที่ประตูบริษัท มองไปที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นป้ายทะเบียนเมืองจินไห่ พวกกู้เจี้ยนกั๋วทั้งสามคนขมวดคิ้ว
ประตูรถเปิดออก มีบอดี้การ์ดสวมชุดสีดำลงมาจากรถอย่างพร้อมเพรียง มองท่าทางทรงพลังและสไตล์ของบอดี้การ์ดแล้ว ใบหน้าของพวกกู้เจี้ยนกั๋วทั้งสามคนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
คนเหล่านี้ไม่ใช่คนตระกูลเดียวกัน แต่เป็นหลายตระกูลรวมกันเป็นหนึ่งเดียว พวกเขาจะต้องเป็นคนที่เก่งกาจอย่างแน่นอน!
แต่ว่าตระกูลของตนเองไปล่วงเกินคนดุร้ายพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!
พวกกู้เจี้ยนกั๋วทั้งสามคนเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ติดต่อคนที่เมืองจินไห่ ทำไมถึงได้ล่วงเกินคนเมืองจินไห่ได้
บอดี้การ์ดเปิดฝากระโปรงท้ายรถอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็หยิบรถวีลแชร์แบบพับได้ออกจากท้ายรถแล้วกางออก
เฝิงจื่อฉายตบหน้ากู้เจี้ยนกั๋วเบา ๆ ถามอย่างดุร้าย “ไอ้สุนัขมันไปไหน?”
“สินเชื่อเงินกู้ของบริษัทถูกระงับ เขาบอกว่าสามารถหาทางแก้ปัญหาได้ จากนั้นเขาก็ออกไปเลย ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน ไอ้สุนัขมันล่วงเกินพวกคุณอย่างไร ผมจะไปตามมันกลับมาแล้วลงโทษทุบตีมันต่อหน้าพวกคุณ”
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
“ฮึ่ม! แม่ง มันหนีไปแล้วมั้ง!”
เฝิงจื่อฉายตบไปที่หน้าของกู้เจี้ยนกั๋วอย่างแรง กู้เจี้ยนกั๋วกัดฟันด้วยความเจ็บปวด
แต่กู้เจี้ยนกั๋วไม่กล้าต่อต้านแม้แต่น้อย กลับยิ้มอย่างประจบสอพลอ
กู้เจี้ยนกั๋วได้แต่โมโหและด่าหลี่โม่อยู่ในใจ
“เป็นไปไม่ได้ เพราะกู้หยุนหลันยังอยู่ที่นี่ ไอ้สุนัขหลี่โม่ ไม่หนีแน่นอน ผมจะเรียกไอ้สุนัขกลับมา พวกคุณไปรอที่ห้องประชุมก่อน”
เฝิงจื่อฉายพยักหน้า บอดี้การ์ดเข็นเฝิงจื่อฉายและคนอื่น ๆ เดินตามพวกกู้เจี้ยนกั๋วทั้งสามคนเข้าไปในห้องประชุม
กู้ซิงเว๋ยเดินออกจากกลุ่มไปตอนครึ่งทาง รีบไปที่สำนักงานของกู้หยุนหลัน ผลักประตูด้วยความโกรธ และตะโกนใส่กู้หยุนหลันว่า “คุณกับสามีเศษสวะของคุณทำอะไรไว้กันแน่! พวกเขามาหาถึงที่แล้ว? คุณรีบไปขอโทษพวกเขาที่ห้องประชุม!”
กู้ชิงหลินยิ้มอย่างหยอกเย้า ยืนขึ้นและพูดว่า “ฮ่าฮ่า ไปล่วงเกินคนอื่นไว้จริง ๆ ถามอะไรก็ไม่ตอบ แกล้งทำเป็นผู้หญิงบริสุทธิ์ แม่งฉิบหาย ไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตแล้วไม่กล้าพูด”
“มีใครมาหาถึงที่”
กู้หยุนหลันถามอย่างกังวล
“พวกเขาไม่ได้แจ้งชื่อ แต่ป้ายทะเบียนรถยนต์ของพวกเขาเป็นป้ายของเมืองจินไห่ทั้งหมด คุณกับหลี่โม่ไปล่วงเกินคนที่เมืองจินไห่ตั้งแต่เมื่อไหร่! เมืองฮ่านไม่มีที่ให้พวกคุณยืนแล้ว?”
กู้ซิงเว๋ยชี้ไปที่กู้หยุนหลันอย่างโกรธจัดและตะโกนว่า “พ่อของฉันถูกตบไปหนึ่งที! คุณกับสามีไร้ประโยชน์ของคุณรอความตายเถอะ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการชีวิตของพวกคุณ แต่พวกเราต้องการชีวิตพวกคุณ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมังกร
อ่านมาถึงตอน 263 เน่าสนิท ไอ้คนเขียนก็ช่างมีความอดทน มีแต่เรื่องดูถูกโง่ๆ หลายร้อยรอบ วนอยู่อย่างนั้น กุก็ทนอ่านอยู่ได้...
อ่านสนุกมากเลยครับ...