การทดสอบของนิกายจูเซียนมีข้อจำกัดที่เข้มงวดมาก ผู้เข้าร่วมการทดสอบจะต้องเป็นมนุษย์ที่เกิดบนโลกเท่านั้น ไม่รับเผ่าพันธุ์อื่น ไม่รับผู้จุติจากโลกอื่น และต้องไม่เคยฝึกฝนวิชาของเส้นทางมาร
ในกลุ่มของจ้าวเทียน ทุกคนล้วนคว้าโอกาสนี้เอาไว้ ยกเว้นจ้าวหยูเหมยที่เป็นคนธรรมดา เธอจึงไปเดินเล่นที่ห้องโถงใหญ่ด้านบนแทน
“ ก่อนอื่นเลย…ฉันต้องบอกก่อนว่าเรื่องทั้งหมดของนิกายจูเซียน พวกเธอต้องเก็บไว้เป็นความลับ ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นหากถูกศัตรูของนิกายล่วงรู้เข้า พวกมันจะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดพวกเธอ ”
“ และมันจะไม่ใช่เพียงแค่ชีวิตของพวกเธอเท่านั้น คนรอบข้างของพวกเธอก็จะโดนกำจัดไปด้วย พลังอำนาจของศัตรูนั้น ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์โลกอย่างพวกเราจะรับมือไหว ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หยวนตี้พูด แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที โดยเฉพาะจ้าวเทียน เพราะเขารู้ว่าศัตรูที่แท้จริงเป็นใคร
“ ถ้าไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนิกายได้…แล้วจะฟื้นฟูนิกายขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร ” เหยียนซืออู่ถามขึ้นอย่างสงสัย
“ การจะฟื้นฟูนิกายได้นั้น…พวกเธอจะต้องมีพลังเทียบเท่าขอบเขตจักรพรรดิเทพบนแดนสวรรค์เสียก่อน ”
จากนั้นหยวนตี้ก็อธิบายเรื่องขอบเขตฝึกตนบนแดนสวรรค์ให้ฟัง จ้าวเทียนเองก็สนใจเช่นกัน เพราะตอนนี้เขาเปลี่ยนมาฝึกฝนวิถีเซียนแล้ว ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่ไม่คุ้นเคย
เขาไม่รู้ว่าหลังจากขอบเขตเซียนนภาแล้ว ขั้นต่อไปคืออะไร…
หลังจากที่หยวนตี้อธิบายวิธีการฝึกตนบนแดนสวรรค์จบ เขาก็หยุดพักเล็กน้อยเพื่อให้พวกจ้าวเทียนซึมซับข้อมูลได้ทัน
“ ที่ฉันบอกไปเมื่อครู่คือวิธีฝึกตนแบบเก่า…ซึ่งในโลกของเราไม่สามารถใช้วิธีนั้นได้แล้ว เพราะสวรรค์ได้ผนึกเส้นทางของเราเอาไว้ ”
“ บางทีพวกเธออาจะยังไม่รู้…ผู้ที่คิดค้นวิถีเซียนขึ้นมาก็คือเหล่าศิษย์นิกายที่รอดพ้นจากการถูกกวาดล้างเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ”
“ พวกเขาเหล่านั้นยอมทิ้งช่วงชีวิตที่เหลือทำลายพลังเดิมของตน แล้วใช้ตัวเองทดลองคิดค้นวิถีเซียนขึ้นมา ผ่านไปสามพันปี มีผู้เสียสละไปมากมายกว่าจะทำได้สำเร็จ ”
“ ความทุ่มเททุกอย่างของพวกเขา…ก็เพื่อทิ้งความหวังเอาไว้ให้ลูกหลาน ” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของหยวนตี้ก็เปลี่ยนเป็นโศกเศร้า
เพราะตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้เสียสละเช่นกัน เขายอมละทิ้งร่างกาย เปลี่ยนตัวเองเป็นวิญญาณประดิษฐ์เพื่อเฝ้าคลังสมบัติลับไปตลอดกาล
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็พอจะคาดเดาได้ จึงไม่ได้ซักถามอะไร พวกเขาเลือกที่จะนิ่งเงียบรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“ สำหรับขอบเขตเซียนนภา…ฉันคิดว่าพวกเธอก็คงพอรู้แล้ว งั้นฉันจะพูดถึงขอบเขตต่อไปที่พวกเราได้คิดค้นแนวทางเอาไว้ซึ่งก็คือ เซียนทิพย์ ”
“ ในการบรรลุไปถึงขั้นนี้…พวกเธอจะต้องบ่มเพาะโลกภายในให้มันขยายตัวจนถึงขีดสุด จากนั้นก็หลอมรวมกับแก่นแท้ที่บรรลุเพื่อเปลี่ยนเป็นโลกทิพย์ มันจะทรงพลังมากกว่าขอบเขตเทพโลกามาก ”
“ ขอบเขตเซียนทิพย์มี 1-9 ชั้นฟ้า…จากที่พวกเราประมาณการณ์เอาไว้ ขอเพียงอยู่ในขอบเขตเซียนทิพย์ 9 ชั้นฟ้าก็สามารถต่อกรกับจักรพรรดิเทพได้แล้ว ”
“ แต่การที่จะบรรลุขอบเขตเซียนทิพย์นั้นเป็นไปได้ยากมาก…ในบรรดาอัจฉริยะผู้คิดค้นวิถีเซียนทั้งห้าคน ที่ทลายนภาขึ้นไปบนแดนสวรรค์สำเร็จ มีคนบรรลุได้เพียงสองคนเท่านั้น ส่วนผู้ที่ล้มเหลวก็สิ้นชีพไปเพราะโลกภายในถูกทำลาย ”
เมื่อได้ฟังจนถึงจุดนี้ จ้าวเทียนก็รู้สึกสงสัยบางอย่าง จึงได้ถามขึ้น
“ ผู้อาวุโส…ตามประวัติศาสตร์มีผู้ที่ทลายนภาสำเร็จแปดคน หากห้าคนแรกเป็นศิษย์ที่เหลือรอดของนิกายจูเซียน ”
“ ส่วนอีกคนก็คือเหยียนซุยเฉินผู้ก่อตั้งสำนักคุนหลุน แล้วอีกสองคนที่เหลือพวกเขาเป็นใครเหรอครับ ”
เหยียนซืออู่เคยเล่าให้จ้าวเทียนฟังว่าบรรพชนเหยียนซุยเฉิน เป็นคนที่แปดที่ทลายนภาสำเร็จ ทำให้จ้าวเทียนอยากรู้ว่าสองคนที่เหลือเป็นใคร
“ เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่แน่ใจ…เพราะหลังจากพวกเราคิดค้นวิถีเซียนขึ้น ก็ได้เปิดเผยมันออกไปให้ผู้ฝึกตนคนอื่นรู้ เพื่อต้องการปลดปล่อยมนุษย์ทุกคนออกจากพันธนาการของสวรรค์ ”
“ เมื่อผู้คิดค้นวิถีเซียนทั้งห้าขึ้นไปแล้ว…ฉันก็เปลี่ยนตัวเองเป็นวิญญาณประดิษฐ์ เพื่อให้สามารถติดต่อกับพวกเขาเหล่านั้นได้ ทำให้ไม่ได้รับรู้เรื่องราวบนโลกที่ผ่านมาหลังจากนั้น ” หยวนตี้ตอบด้วยท่าทางไม่แน่ใจ
“ ตอนนี้…ผู้คิดค้นวิถีเซียนทั้งสองคนอยู่ที่แดนสวรรค์เหรอครับ ” จ้าวเทียนถามขึ้นอีกครั้ง ในชีวิตก่อนเขาจำได้ว่าไม่เคยได้ยินเรื่องเซียนทิพย์มาก่อน
ส่วนพวกขอบเขตเซียนนภาที่ขึ้นไป ตัวเขาในตอนนั้นคงไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะพลังอีกฝ่ายต่ำเกินไป
“ พวกเขา ขาดการติดต่อไปเมื่อสองพันปีก่อน… ” หยวนตี้พูดขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด
!!
จ้าวเทียนถอนหายใจออกมา ในกรณีนี้เขาคิดว่าทั้งสองคนนั้นคงถูกเต๋าสวรรค์กำจัดไปแล้ว
‘ ฉันคิดว่า…อีกสามคนที่ทลายนภาขึ้นไปทีหลังก็คงไม่มีจุดจบที่ดีเช่นกัน ตอนนี้เต๋าสวรรค์คงไม่ยอมให้มีเซียนจากโลกของเราขึ้นไปได้อีก ’
‘ ด้วยเหตุผลนี้ แสดงว่าผู้ที่ลงมือกับศิษย์พี่หญิงเมื่อ 12 ปีก่อน ก็คงเป็นเต๋าสวรรค์เอง ’
“ ตอนนี้ฉันจะอธิบายเรื่องการทดสอบของนิกายจูเซียนให้ฟัง…อย่างแรก การทดสอบจะถูกแบ่งออกเป็นสามระดับ ”
“ ระดับแรกคือการทดสอบของศิษย์ธรรมดา…ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องมีพลังอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ หากทำได้สำเร็จจะได้รับเคล็ดวิชาระดับนภาและอุปกรณ์เวทชั้นยอดของนิกาย พร้อมป้ายประจำตัวที่สามารถป้องกันการโจมตีของขอบเขตเซียนได้ 10 ครั้ง ”
“ ระดับต่อมาคือการทดสอบศิษย์หลัก…ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องอยู่ในขอบเขตเซียน รางวัลคือเคล็ดวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์ อุปกรณ์เวทระดับเทพของนิกาย พร้อมกับป้ายประจำตัวที่สามารถป้องกันการโจมตีของขอบเขตเซียนนภาได้ 10 ครั้ง ”
“ ระดับสุดท้ายคือการทดสอบผู้สืบทอด…ผู้ที่เข้าร่วมทดสอบจะต้องอยู่ในระดับครึ่งก้าวเซียนนภา รางวัลคือคลังสมบัติลับของนิกาย เคล็ดวิชาระดับเทวะ อุปกรณ์เวทระดับศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับป้ายประจำตัวที่สามารถป้องกันการโจมตีที่ต่ำกว่าขอบเขตจักรพรรดิเทพได้ 10 ครั้ง ”
“ ตัวฉันคือวิญญาณประดิษฐ์ของคลังสมบัติลับนิกาย…ซึ่งสามารถควบคุมคลังลับทั้งสามแห่งบนโลกได้ ในส่วนของคลังลับแห่งนี้ฉันได้ยกให้เหยียนซุยเฉินไปแล้ว ซึ่งดูเหมือนตอนนี้มันจะตกเป็นของพวกเธอ ”
“ แต่ฉันยังมีคลังสมบัติลับเหลืออีกสองแห่ง…หากสามารถผ่านการทดสอบได้ ฉันก็จะมอบให้ รวมทั้งข้อมูลและสมบัติทั้งหมดของนิกายที่อยู่บนแดนสวรรค์ ” หยวนตี้พูดขึ้นอย่างใจกว้าง ในอดีตตอนที่เหยียนซุยเฉินผ่านการทดสอบก็ได้เพียงคลังสมบัติลับบนโลกเท่านั้น
แต่เพราะตอนนี้เขาติดต่อกับศิษย์นิกายทั้งสองคนบนแดนสวรรค์ไม่ได้แล้ว เขาจึงอยากวางเดิมพันกับพวกจ้าวเทียนดู
“ การทดสอบนี้…จำกัดจำนวนครั้งไหมครับ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ
ในตอนแรกเขาต้องการเข้ารับการทดสอบของผู้สืบทอด แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะข้อจำกัดด้านขอบเขตฝึกตน
“ ในการทดสอบแต่ละอย่าง…สามารถเข้าร่วมได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ต้องเป็นห่วงไป เธอสามารถเข้าทดสอบศิษย์หลักไปก่อนก็ได้ หลังจากที่เธออยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภา ค่อยมาทดสอบผู้สืบทอดอีกครั้ง ”
หุ่นกลรูปร่างมนุษย์ 4 ตัว เดินออกมายืนอยู่ตรงหน้าจ้าวเทียน พวกมันทุกตัวล้วนแต่อยู่ในขอบเขตเซียนระดับสูง
“ การทดสอบการต่อสู้…เงื่อนไข ทำลายหุ่นกลตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป ”
หลังจากเสียงนั้นพูดจบ จ้าวเทียนก็ลงมือทันที
“ พายุเพลิงสุริยัน! ”
ตูมมม!
พายุเปลวเพลิงสีทองได้กลืนกินหุ่นกลพวกนั้นในพริบตา พวกมันถูกทำลายโดยที่ยังไม่ทันได้ตอบโต้ด้วยซ้ำ
ด้วยพลังฝีมือของจ้าวเทียนในปัจจุบัน เขาสามารถจัดการกับเซียนขั้นสูงสุดได้โดยไม่กินแรง สำหรับหุ่นกลเซียนขั้นสูงพวกนี้ จ้าวเทียนลำบากเพียงแค่ยกมือเท่านั้น
“ หุ่นกลทั้งหมดถูกกำจัด…ผ่าน! ”
ที่ด้านนอกของประตูทดสอบที่จ้าวเทียนเข้าไป มันได้เปล่งแสงสีขาวออกมา จากนั้นก็สลายตัวไปอย่างช้าๆ
วูป!
ร่างของจ้าวเทียนปรากฏขึ้นแทนประตูบานนั้น ตอนนี้ตัวเขาได้ผ่านการทดสอบแล้ว ใช้เวลาไปไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ
“ ถึงแม้ฉันจะรู้สึกได้ว่าเธอแข็งแกร่งมาก…แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนี้ ” หยวนตี้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มแห้งๆ เขานำรางวัลที่ตกลงเอาไว้ออกมาแล้วส่งให้กับจ้าวเทียน
“ เรื่องป้ายนิกายกับเคล็ดวิชา เธอน่าจะคุ้นเคยดีอยู่แล้ว…ส่วนอุปกรณ์เวทระดับเทพที่มอบให้กับศิษย์หลักนั้น มันคือสิ่งนี้ ”
สิ่งที่อยู่ในมือของหยวนตี้คือแหวนหยกสีขาว ที่ไม่มีลวดลายใดๆทั้งสิ้น
“ มันใช้ทำอะไรเหรอครับ ” จ้าวเทียนถามขึ้นอย่างสงสัย
“ นี่คือแหวนเขตแดน…มันจะสร้างเขตแดนป้องกันรูปวงกลมในรัศมี 100 เมตรเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เธอสามารถใช้มันปกป้องพรรคพวกได้ มันสามารถป้องกันการโจมตีที่ต่ำกว่าขอบเขตเซียนนภาได้ทั้งหมด ”
“ แต่ทุกครั้งที่ใช้ไป…จะต้องรอมันฟื้นคืนพลังสามวัน จึงจะใช้ได้อีกครั้ง ” หยวนตี้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาคิดว่าจ้าวเทียนคงจะมีอาวุธและเครื่องป้องกันเวทเป็นของตัวเองแล้ว จึงมอบแหวนวงนี้ให้แทน
จ้าวเทียนมองแหวนวงนี้แล้ว ก็รู้สึกชอบขึ้นมา
‘ สิ่งนี้มีประโยชน์แน่นอน…ด้วยพื้นที่ขนาด 100 เมตร มันช่วยปกป้องกองกำลังของฉันได้สบายมาก ’
เนื่องจากจ้าวเทียนจบการทดสอบได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงเดินออกไปอยู่เป็นเพื่อนจ้าวหยูเหมยที่ห้องโถงด้านบน เพื่อรอคนอื่นๆออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...