ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ตั้งแต่ที่หลินซินเยว่ใช้อาคมผนึกโซเฟียเอาไว้ในห้วงเวลาที่หยุดนิ่ง หลังจากนั้นเธอก็ยืนนิ่งมาตลอดโดยไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมอีก
มีหลายครั้งที่ออโรร่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่โดนจ้าวเทียนห้ามเอาไว้ก่อน เพราะเขารู้ว่าในตอนนี้ท่านอาจารย์ต้องใช้สมาธิสูง จะต้องไม่ถูกรบกวนเด็ดขาด
“ เอาล่ะ…ฉันเตรียมการเสร็จแล้ว พวกเธอทั้งสองคนถอยออกไปดูห่างๆนะ ” หลินซินเยว่หันมาบอกพวกจ้าวเทียน
“ ตกลงครับ…ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับโซเฟียเหรอครับ ” จ้าวเทียนพาออโรร่าเดินหลบออกมาก่อนจะถามขึ้น
“ เธอถูกเผ่าวิญญาณสิงสู่โดยไม่รู้ตัว…ในยามปกติเธอจะมีอาการเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ถ้าถูกอีกฝ่ายกระตุ้นขึ้นมา เธอจะกลายเป็นเพียงหุ่นเชิด และสูญเสียตัวตนไปอย่างถาวร ”
“ ฉันคิดว่า…เธอน่าจะถูกสิงในตอนที่เพิ่งจุติลงมาอยู่ในร่างทารก ซึ่งเป็นตอนที่ตัวเธออ่อนแอที่สุด ทำให้ไม่รู้สึกตัวว่าโดนสิง ” หลินซินเยว่อธิบายอย่างใจเย็น ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเธอหมดแล้ว
วิ้งงง!
เห็นเพียงฝ่ามือของหลินซินเยว่ทะลุผ่านเสาลำแสงเข้าไป แล้วคว้าจับเผ่าวิญญาณที่กำลังเข้าสิงโซเฟียอยู่ จากนั้นก็กระชากมันออกมาในพริบตาเดียว
ครืนนน
เสาลำแสงสลายไปอย่างช้าๆ เพราะหลินซินเยว่ได้ยกเลิกเคล็ดวิชาแล้ว
วูป!
เวลาที่ถูกหยุดไว้ก็กลับมาเดินอีกครั้ง ทำให้โซเฟียรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ และมองทุกอย่างรอบตัวอย่างสับสน
จนเมื่อสายตาของเธอไปหยุดลงที่หญิงสาวชุดขาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายสดใสขึ้นทันที
“ ผู้อาวุโสฝ่ายนอกโซเฟีย…คารวะท่านเจ้าสำนักค่ะ ผ่านไปสองพันปีแล้ว ฉันดีใจจริงๆที่ได้พบท่านอีกครั้ง ”
สำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลกแห่งแสง ตัวตนของหลินซินเยว่นั้นเปรียบเหมือนกับนักบุญศักดิ์สิทธิ์ เป็นตัวตนที่อยู่สูงกว่าจักรพรรดิ
ดังนั้นการที่โซเฟียได้เป็นตัวแทนของสำนักดาราสวรรค์นั้น สร้างความภาคภูมิใจให้เธออย่างมาก อำนาจที่เธอได้รับมาจากตำแหน่งนี้ ทำเธอให้มีสถานะเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์เลยทีเดียว
จะเห็นได้จากออโรร่าที่เป็นลูกศิษย์ของโซเฟีย…แท้จริงแล้วเธอเป็นถึงเจ้าหญิงองค์เล็กของโลกแห่งแสง
“ ทำตัวตามสบายเถอะโซเฟีย…ฉันก็รู้สึกยินดีที่ได้พบเธอเช่นกัน แต่ตอนนี้ฉันต้องจัดการปัญหาเล็กน้อยเสียก่อน ” พูดจบหลินซินเยว่ก็จับดวงวิญญาณขึ้นมาให้โซเฟียดู
พอถึงตอนนี้จ้าวเทียน ก็ได้มีโอกาสเห็นหน้าดวงวิญญาณตนนี้แบบชัดๆ มันคือหญิงชราผมขาวที่มีใบหน้าเหี่ยวย่น ที่กลางหน้าผากมีสัญลักษณ์ดอกบัวสีแดงอยู่
“ เธอรู้จักเผ่าวิญญาณตนนี้ไหม… ” หลินซินเยว่ถามโซเฟียอย่างจริงจัง หลังจากนั้นเธอก็เล่าเรื่องที่ผ่านมาให้ฟัง ทั้งเรื่องที่ถูกสิง และเรื่องวิธีการที่ใช้ช่วยเหลือเธอ
“ ถ้าฉันจำไม่ผิด…หญิงชราคนนี้คือปุโรหิตคนใหม่ของเผ่าวิญญาณ ฉันเคยพบเธอครั้งหนึ่งตอนที่ทำพิธีจุติลงมายังโลกมนุษย์ เธอเป็นคนเตรียมการเรื่องต่างๆให้ ”
“ ด้วยความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรมาหลายพันปีของทั้งโลกแห่งแสงและโลกวิญญาณ ไม่นึกเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ฉันต้องรีบแจ้งให้องค์จักรพรรดิทราบ ” โซเฟียพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
เพราะไม่รู้ว่ามีอีกกี่คนที่โดนสิงเหมือนเธอ หากในวันข้างหน้าฝ่ายตรงข้ามต้องการสังหารจักรพรรดิขึ้นมา แล้วสั่งให้คนที่ถูกสิงทั้งหมดลงมือ มันจะสร้างความสับสนวุ่นว่ายจนถึงขั้นราชวงศ์ล่มสลายได้เลย
“ ยังไม่ต้องรีบร้อน…ขอฉันคุยกับฝ่ายตรงข้ามก่อน ” หลินซินเยว่พูดขึ้นอย่างใจเย็น
วูป!
วิญญาณที่อยู่ในมือของเธอสลายไปอย่างช้าๆ จากนั้นละอองแสงมากมาย ก็มารวมตัวกันเป็นจอภาพขนาดใหญ่ ที่มีภาพของสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
“ คุณเป็นใครกัน…ค้นหาฉันพบได้ยังไง ” หญิงชราบนจอภาพ พูดขึ้นด้วยสีหน้าร้อนรน เพราะแผนการของเธอถูกอีกฝ่ายค้นพบก่อน ทั้งยังสามารถติดต่อเธอกลับมาได้อีก
“ น่าแปลก…ไม่รู้จักฉันงั้นเหรอ เธอใช่ปุโรหิตของเผ่าวิญญาณจริงๆรึเปล่า ” หลินซินเยว่ถามกลับด้วยความสงสัย
‘ ในอดีต…ฉันค่อนข้างจะมีความสัมพันธ์อันดีกับเผ่าวิญญาณ แถมยังช่วยชีวิตจักรพรรดิรุ่นก่อนเอาไว้อีกด้วย ดังนั้น เพราะสำนึกในบุญคุณพวกเขาจึงสร้างรูปปั้นขนาดใหญ่ของฉันเอาไว้ที่เมืองหลวง ’
‘ ถ้าอีกฝ่ายเป็นปุโรหิตจริงๆ…ย่อมต้องรู้จักฉันแน่นอน เพราะฉันเป็นผู้มอบคำทำนายให้แก่พวกเขาโดยตรงผ่านทางรูปปั้นนั้นทุกๆหนึ่งพันปี ’
หากมีวันใด ที่พวกโลกทิพย์จะร่วมมือกันบุกแดนสวรรค์เพื่อแบ่งสรรทรัพยากรทั้งหมดออกเป็นสิบเก้าส่วน ก็คงไม่น่าแปลก
ในบรรดาผู้มีอำนาจทั้งหมด มีเพียงเจ้าสำนักดาราสวรรค์เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการของแดนสวรรค์ เพราะมันจะเป็นการปลูกฝังความเป็นศัตรูกับโลกทิพย์โดยไม่รู้ตัว
แต่ช่างน่าเสียดายที่ความคิดเห็นของเธอไม่เป็นที่ยอมรับ…
สุดท้ายแล้ว ในเมื่อเปลี่ยนอะไรไม่ได้ หลินซินเยว่จึงตัดสินใจช่วยเหลือโลกทิพย์ ด้วยตัวของเธอเองให้มากที่สุด นั่นเป็นผลทำให้สำนักดาราสวรรค์เป็นที่รู้จักในเก้าท้องฟ้ามาก
เพราะทุกๆ 1000-2000 ปี หลินซินเยว่มักจะมอบคำทำนายให้กับพวกเขา และมันจะมีส่วนช่วยอย่างใหญ่หลวงต่อความเจริญรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์นั้นๆ ในอนาคต
“ พอแล้ว…ฉันไม่อยากเสียเวลากับพวกแกอีก ต่อให้ตัวตนของปุโลหิตนี่ใช้ไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อยข้อมูลทั้งหมดที่ฉันได้รับมาในช่วงที่สิงร่างโซเฟีย ก็ทำให้คาดเดาแผนการของโลกแห่งแสงออกแล้ว ”
“ ที่แท้โลกแห่งแสงกับโลกแห่งมาร…ล้วนแล้วแต่มีจุดประสงค์เดียวกัน คือการแย่งชิงของสิ่งนั้นใช่ไหม ” หญิงชราพูดขึ้นด้วยร้อยยิ้มเย็นชา สายตาของเธอไปหยุดที่ใบหน้าซีดขาวของโซเฟียอยู่ครู่หนึ่ง
!!
จ้าวเทียนเองก็หันไปมองโซเฟียเหมือนกัน ด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม มันเพิ่มความเย็นชาขึ้นหลายส่วน
เมื่อก่อนเธอบอกเขาว่าจุติลงมาเพื่อขัดขวางแผนการของโลกแห่งมาร แต่ดูแล้วความจริงก็คงมีจุดประสงค์เดียวกัน คือเพื่อแย่งชิงของที่อ๋าวเฟิงปกป้องอยู่
แล้วปัจจุบันจ้าวเทียนก็คือผู้ที่ถูกเลือกของอ๋าวเฟิง ให้เป็นเจ้าของคนใหม่ของสมบัติชิ้นนั้น ดังนั้นคนอื่นที่คิดแย่งชิงก็ถือเป็นศัตรูทั้งหมด
“ โซเฟีย…ดูเหมือนสิ่งที่เธอเคยบอกฉัน จะไม่ใช่เรื่องจริงนะ ถ้าเป็นแบบนี้ เรื่องความร่วมมือทั้งหมดก็คงต้องจบกันแค่นี้ ฉันไม่ยอมให้มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมในแผนของฉันแน่ ” จ้าวเทียนพูดเสียงเย็นชา
“ ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง แต่เรื่องนี้หากปล่อยให้คนรู้มากจะยิ่งอันตราย ฉันไม่อยากดึงคุณเข้ามาเกี่ยวด้วย ” โซเฟียรีบแก้ตัวกับจ้าวเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง
“ เรื่องนี้…เดี๋ยวเราค่อยเคลียร์กัน ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...