จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 138

ณ โลกแห่งวิญญาณ หนึ่งในเก้าท้องฟ้า

ภายในฐานที่มั่นใต้ดิน ที่ถูกสร้างเลียนแบบสุสานฝังศพ เพื่อใช้อำพรางสายตาจากฝ่ายราชวงศ์ผู้ปกครอง ในตอนนี้กองกำลังกบฏที่อาศัยอยู่ประมาณ 200 คน กำลังขนย้ายข้าวของ เพื่อเตรียมหลบหนีไปกบดานที่อื่น

นี่เป็นคำสั่งของรองผู้นำ ที่มีนามว่าเทสร่า เขาก็คือผู้กลืนกินปุโรหิตคนปัจจุบัน แล้วใช้วิชาลับหลอมเปลี่ยนวิญญาณตนเอง เพื่อปลอมตัวเป็นปุโรหิตเข้าไปทำภารกิจลับในพระราชวัง

ตั้งแต่ที่เห็นว่าหลินซินเยว่สามารถ เชื่อมต่อสื่อสารกับตัวเขาได้โดยตรง เขาก็สั่งอพยพทันทีเพราะพิกัดของสถานที่แห่งนี้ได้ถูกค้นพบแล้ว

“ เอาล่ะ…ถึงเวลาแล้ว ขอบคุณที่เสียเวลาคุยกับฉันมานานขนาดนี้ อันที่จริงถ้าเธอรีบติดต่อไปหาพวกราชวงศ์วิญญาณตั้งแต่แรก ป่านนี้พวกฉันคงต้องยอมแพ้แล้ว ”

“ แต่ตอนนี้พวกฉันเตรียมการอพยพเรียบร้อยแล้ว…ยินดีด้วย เธอได้เสียโอกาสแรกและโอกาสเดียวในการที่จะจับตัวฉันไปแล้ว ฮ่าฮา ” เทสร่าหัวเราะด้วยความสะใจ

‘ เหอะ…ตัวตนในตำนานอะไรกัน ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งละนะ ช่างไร้เดียงสาเสียจริง แค่ฉันแกล้งปล่อยข้อมูลออกไปนิดหน่อย ก็ถ่วงเวลาได้สบาย’

ภายในจอภาพขนาดใหญ่

สีหน้าของหลินซินเยว่ยังคงเรียบเฉย ไม่ได้มีความแปลกใจหรือโกรธเกรี้ยวหลังจากได้ยินคำพูดของเทสร่าทั้งนั้น ทั้งแววตาเชื่อมั่นและรอยยิ้มน้อยๆตรงมุมปาก มันแสดงให้เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุมของเธอ

“ น่าสนใจดีนี่…ฉันเองก็กำลังถ่วงเวลาอยู่เหมือนกัน

พอดีว่าการข้ามโลกและระบุพิกัดมันต้องใช้เวลาเตรียมการมากกว่าที่คิด ”

!!

“ ข้ามโลก? เธอหมายความว่า… ” เทสร่ามีสีหน้าตกใจ ตอนเขาสัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่าง ทำให้ต้องรีบหลบหนีในทันที

แต่ทว่า…

แคว่กก!

ช่องว่างมิติได้ถูกฉีกออก ชายหนุ่มสองคนได้ก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็คือศิษย์พี่ทั้งสองคนของจ้าวเทียนนั่นเอง

ตึง!

หลิวจงเสียน ศิษย์พี่ใหญ่ของจ้าวเทียนกระทืบเท้าเสียงดัง เขตอาคมป้องกันทั้งหมดของฐานลับแห่งนี้ ถูกทำลายในพริบตา

ส่วนศิษย์พี่รอง คังหลินนั้น เขาได้หยิบเอาขวดแก้วอันเล็กๆขึ้นมา แล้วเปิดฝาจุกออก

“ เก็บ! ”

ครืนนน

พลังของมันจะทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในรัศมีหนึ่งพันเมตร ถูกดูดเข้าไปเก็บไว้ในขวดแก้ว นั่นรวมไปถึงกองกำลังกบฏเกือบสองร้อยคนที่เหลือด้วย

มีเพียงระดับเทพโลกาขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะต่อต้านพลังดึงดูดนี้ได้

ทำให้ในฐานลับตอนนี้เหลือเพียง เทสร่ากับศิษย์พี่ทั้งสองของจ้าวเทียนเท่านั้น เนื่องจากเทสร่าเองก็มีพลังอยู่ในขอบเขตเทพโลกาขั้นสอง จึงไม่ได้รับผลกระทบจากพลังของขวดวิเศษ

“ จับเขาเอาไว้…แล้วพากลับไปสำนัก

เดี๋ยวร่างจริงของฉันจะสอบสวนเอง ”

หลินซินเยว่สั่งการผ่านทางจอภาพ

ตั้งแต่ตอนแรกที่เธอใช้อาคมหยุดเวลาเอาไว้ ร่างที่แท้จริงของเธอก็ได้เตรียมการเปิดช่องมิติข้ามผ่านไปยังโลกวิญญาณ ซึ่งก็ได้กินเวลาไปเกือบชั่วโมงจึงจะสำเร็จ

จากนั้นเธอก็อาศัยดวงวิญญาณที่อีกฝ่ายส่งมาสอดแนมโซเฟีย ในการระบุพิกัดที่แน่นอน เพื่อที่จะเปิดช่องทางได้ถูกต้อง

“ ครับ…ท่านอาจารย์ ”

ศิษย์พี่ทั้งสองคนรับคำสั่ง แล้วรีบจับตัวเทสร่าไว้ทันที ด้วยพลังที่แตกต่างกันอย่างมาก ทำให้เทสร่าไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย ในเวลานี้เขาเอาแต่นึกโทษตัวเอง

‘ เป็นฉันเองที่หลงกลอีกฝ่าย…ถ้าคิดหนีตั้งแต่ทีแรกก็คงรอดไปแล้ว ต่อให้พวกที่เหลือถูกจับ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครรอดเลย ’

ก่อนที่ศิษย์พี่รอง ที่เหมือนคุณชายเจ้าสำราญจะเดินเข้าช่องว่างมิติไป เขาก็ได้หันมาทางจอภาพ มองตรงมายังจ้าวเทียน แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ ศิษย์น้อง…ฉันได้ยินมาว่าบนโลกของนาย มีสถานที่น่าสนุกเยอะแยะไปหมด ฉันก็เลยวางแผนว่าจะไปเที่ยวดูซักหน่อย ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะ ”

หลินซินเยว่จึงตัดสินใจจะให้ความสนใจกับโลกมนุษย์เป็นเวลา 5 ปี จนกว่าแผนการของเธอจะสำเร็จ

ดังนั้นเธอจึงได้ไปพูดกระตุ้นความสนใจของศิษย์รอง ให้อยากลงมาท่องเที่ยวบนโลกมนุษย์ เพื่อป้องกันเขาไม่ให้ไปก่อเรื่องตอนที่เธอไม่อยู่

“ โซเฟีย…ช่วยบอกรายละเอียดภารกิจทั้งหมดของศาสนจักรแห่งแสงให้ฉันได้รู้หน่อย หวังว่าเธอคงจะไม่ปกปิดอีกนะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นเสียงดัง

หลินซินเยว่เดินมานั่งลงที่โต๊ะน้ำชา แล้วยกแก้วชาขึ้นจิบอย่างสบายใจ แต่ถ้าสังเกตดูแววตาของเธอดีๆ จะพบว่าตอนนี้เธอกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่

เพราะฉะนั้นก่อนที่โซเฟียจะพูดอะไรก็ควรคิดให้ดีเสียก่อน ซึ่งโซเฟียเองก็เหมือนจะรู้ตัว จึงไม่กล้าปกปิดอะไรอีก

เธอจึงได้บอกแผนการทั้งหมดออกมาอย่างไม่ปิดบัง…

เวลาช่วงบ่าย ณ คฤหาสน์ดาราสวรรค์

ภายในห้องพักที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้เฉินจิ้ง ตอนนี้อาการบาดเจ็บทางกายทุกอย่างหายดีหมดแล้ว แต่อาการบาดเจ็บทางใจคงต้องใช้เวลาเยียวยาอีกซักพัก

“ นาย…ไม่ลุกขึ้นมากินข้าวหน่อยเหรอ ฉันให้พ่อครัวเตรียมอาหารชุดใหญ่ให้นายแล้ว ” หวังซินหยางพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง

เฉินจิ้งนอนอยู่ในห้องไม่ไปไหนมาตั้งแต่เช้าแล้ว ทำให้คนอื่นๆรู้สึกเป็นห่วงมาก เขาจึงอาสาเป็นคนมาเยี่ยมเอง เพราะส่วนหนึ่งต้นเหตุก็เป็นเพราะเขา ได้มอบภารกิจนี้ให้กับพวกเฉินจิ้งถึงทำให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้

“ ฉันไม่เป็นไรหรอก…ส่วนเรื่องภารกิจที่ผ่านมานั้น บอสได้มาคุยกับฉันแล้วละ เรื่องนี้ฉันไม่โทษนายหรอก ถ้านายส่งทีมอื่นไป บางทีจุดจบมันอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าทีมฉันด้วยซ้ำ ” เฉินจิ้งพูดออกมาตามตรง

ถ้าเป็นทีมอื่น บางทีพวกคุณเกรียงไกรกับหนูมะลิ คงโดนสังหารไปแล้ว ในครั้งถึงแม้ว่าจะปกป้องพวกเจนนี่ไม่ได้ แต่ยังปกป้องคนอื่นๆได้เกือบร้อยชีวิต อย่างน้อยการเสียสละของทุกคนก็ไม่เสียเปล่า

“ อาจิ้ง…รู้ไหมในอดีต ฉันเองก็สูญเสียครอบครัวทั้งหมดรวมทั้งคนที่รักไปในวันเดียวเหมือนกัน ในตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนชีวิตของตัวเองสิ้นหวัง จนอย่างจะตายไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ”

“ แต่ถ้าฉันเลือกทำแบบนั้นจริงๆ ตอนที่ไปเจอหน้าพ่อแม่บนสวรรค์ พวกเขาคงตบตีฉันแน่นอน เพราะทุกคนยอมเสียสละเพื่อให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อ ดังนั้นหน้าที่ของฉันคือต้องอยู่บนโลกต่อไปแทนส่วนของพวกเขา และต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้พวกเขาได้เห็น ”

“ ฉันรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานจากพี่โจวเฟยแล้ว…ส่วนเรื่องของเจนนี่ นายอย่าเพิ่งหมดหวังนะอาจิ้ง ”

“ นายก็รู้ใช่ไหม ว่าฉันเป็นผู้ฝึกนักรบวิญญาณ ซึ่งนายเองก็สามารถเป็นได้เช่นกัน ดังนั้นนายอย่ายอมแพ้ อย่าลืมว่าดวงวิญญาณของเจนนี่เธอกำลังรอนายไปช่วยอยู่นะ ” หวังซินหยางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ซึ่งเมื่อเขาเห็นแววตาของเฉินจิ้ง ก็ได้ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก หลังจากนั้นก็สั่งให้พ่อครัวยกอาหารเข้ามาวางไว้ในห้อง

เขาเชื่อว่าเฉินจิ้งจะต้องลุกขึ้นมาได้แน่นอน…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน