ณ โลกแห่งวิญญาณ หนึ่งในเก้าท้องฟ้า
ภายในฐานที่มั่นใต้ดิน ที่ถูกสร้างเลียนแบบสุสานฝังศพ เพื่อใช้อำพรางสายตาจากฝ่ายราชวงศ์ผู้ปกครอง ในตอนนี้กองกำลังกบฏที่อาศัยอยู่ประมาณ 200 คน กำลังขนย้ายข้าวของ เพื่อเตรียมหลบหนีไปกบดานที่อื่น
นี่เป็นคำสั่งของรองผู้นำ ที่มีนามว่าเทสร่า เขาก็คือผู้กลืนกินปุโรหิตคนปัจจุบัน แล้วใช้วิชาลับหลอมเปลี่ยนวิญญาณตนเอง เพื่อปลอมตัวเป็นปุโรหิตเข้าไปทำภารกิจลับในพระราชวัง
ตั้งแต่ที่เห็นว่าหลินซินเยว่สามารถ เชื่อมต่อสื่อสารกับตัวเขาได้โดยตรง เขาก็สั่งอพยพทันทีเพราะพิกัดของสถานที่แห่งนี้ได้ถูกค้นพบแล้ว
“ เอาล่ะ…ถึงเวลาแล้ว ขอบคุณที่เสียเวลาคุยกับฉันมานานขนาดนี้ อันที่จริงถ้าเธอรีบติดต่อไปหาพวกราชวงศ์วิญญาณตั้งแต่แรก ป่านนี้พวกฉันคงต้องยอมแพ้แล้ว ”
“ แต่ตอนนี้พวกฉันเตรียมการอพยพเรียบร้อยแล้ว…ยินดีด้วย เธอได้เสียโอกาสแรกและโอกาสเดียวในการที่จะจับตัวฉันไปแล้ว ฮ่าฮา ” เทสร่าหัวเราะด้วยความสะใจ
‘ เหอะ…ตัวตนในตำนานอะไรกัน ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งละนะ ช่างไร้เดียงสาเสียจริง แค่ฉันแกล้งปล่อยข้อมูลออกไปนิดหน่อย ก็ถ่วงเวลาได้สบาย’
ภายในจอภาพขนาดใหญ่
สีหน้าของหลินซินเยว่ยังคงเรียบเฉย ไม่ได้มีความแปลกใจหรือโกรธเกรี้ยวหลังจากได้ยินคำพูดของเทสร่าทั้งนั้น ทั้งแววตาเชื่อมั่นและรอยยิ้มน้อยๆตรงมุมปาก มันแสดงให้เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุมของเธอ
“ น่าสนใจดีนี่…ฉันเองก็กำลังถ่วงเวลาอยู่เหมือนกัน
พอดีว่าการข้ามโลกและระบุพิกัดมันต้องใช้เวลาเตรียมการมากกว่าที่คิด ”
!!
“ ข้ามโลก? เธอหมายความว่า… ” เทสร่ามีสีหน้าตกใจ ตอนเขาสัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่าง ทำให้ต้องรีบหลบหนีในทันที
แต่ทว่า…
แคว่กก!
ช่องว่างมิติได้ถูกฉีกออก ชายหนุ่มสองคนได้ก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็คือศิษย์พี่ทั้งสองคนของจ้าวเทียนนั่นเอง
ตึง!
หลิวจงเสียน ศิษย์พี่ใหญ่ของจ้าวเทียนกระทืบเท้าเสียงดัง เขตอาคมป้องกันทั้งหมดของฐานลับแห่งนี้ ถูกทำลายในพริบตา
ส่วนศิษย์พี่รอง คังหลินนั้น เขาได้หยิบเอาขวดแก้วอันเล็กๆขึ้นมา แล้วเปิดฝาจุกออก
“ เก็บ! ”
ครืนนน
พลังของมันจะทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในรัศมีหนึ่งพันเมตร ถูกดูดเข้าไปเก็บไว้ในขวดแก้ว นั่นรวมไปถึงกองกำลังกบฏเกือบสองร้อยคนที่เหลือด้วย
มีเพียงระดับเทพโลกาขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะต่อต้านพลังดึงดูดนี้ได้
ทำให้ในฐานลับตอนนี้เหลือเพียง เทสร่ากับศิษย์พี่ทั้งสองของจ้าวเทียนเท่านั้น เนื่องจากเทสร่าเองก็มีพลังอยู่ในขอบเขตเทพโลกาขั้นสอง จึงไม่ได้รับผลกระทบจากพลังของขวดวิเศษ
“ จับเขาเอาไว้…แล้วพากลับไปสำนัก
เดี๋ยวร่างจริงของฉันจะสอบสวนเอง ”
หลินซินเยว่สั่งการผ่านทางจอภาพ
ตั้งแต่ตอนแรกที่เธอใช้อาคมหยุดเวลาเอาไว้ ร่างที่แท้จริงของเธอก็ได้เตรียมการเปิดช่องมิติข้ามผ่านไปยังโลกวิญญาณ ซึ่งก็ได้กินเวลาไปเกือบชั่วโมงจึงจะสำเร็จ
จากนั้นเธอก็อาศัยดวงวิญญาณที่อีกฝ่ายส่งมาสอดแนมโซเฟีย ในการระบุพิกัดที่แน่นอน เพื่อที่จะเปิดช่องทางได้ถูกต้อง
“ ครับ…ท่านอาจารย์ ”
ศิษย์พี่ทั้งสองคนรับคำสั่ง แล้วรีบจับตัวเทสร่าไว้ทันที ด้วยพลังที่แตกต่างกันอย่างมาก ทำให้เทสร่าไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย ในเวลานี้เขาเอาแต่นึกโทษตัวเอง
‘ เป็นฉันเองที่หลงกลอีกฝ่าย…ถ้าคิดหนีตั้งแต่ทีแรกก็คงรอดไปแล้ว ต่อให้พวกที่เหลือถูกจับ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครรอดเลย ’
ก่อนที่ศิษย์พี่รอง ที่เหมือนคุณชายเจ้าสำราญจะเดินเข้าช่องว่างมิติไป เขาก็ได้หันมาทางจอภาพ มองตรงมายังจ้าวเทียน แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ ศิษย์น้อง…ฉันได้ยินมาว่าบนโลกของนาย มีสถานที่น่าสนุกเยอะแยะไปหมด ฉันก็เลยวางแผนว่าจะไปเที่ยวดูซักหน่อย ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะ ”
หลินซินเยว่จึงตัดสินใจจะให้ความสนใจกับโลกมนุษย์เป็นเวลา 5 ปี จนกว่าแผนการของเธอจะสำเร็จ
ดังนั้นเธอจึงได้ไปพูดกระตุ้นความสนใจของศิษย์รอง ให้อยากลงมาท่องเที่ยวบนโลกมนุษย์ เพื่อป้องกันเขาไม่ให้ไปก่อเรื่องตอนที่เธอไม่อยู่
“ โซเฟีย…ช่วยบอกรายละเอียดภารกิจทั้งหมดของศาสนจักรแห่งแสงให้ฉันได้รู้หน่อย หวังว่าเธอคงจะไม่ปกปิดอีกนะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นเสียงดัง
หลินซินเยว่เดินมานั่งลงที่โต๊ะน้ำชา แล้วยกแก้วชาขึ้นจิบอย่างสบายใจ แต่ถ้าสังเกตดูแววตาของเธอดีๆ จะพบว่าตอนนี้เธอกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่
เพราะฉะนั้นก่อนที่โซเฟียจะพูดอะไรก็ควรคิดให้ดีเสียก่อน ซึ่งโซเฟียเองก็เหมือนจะรู้ตัว จึงไม่กล้าปกปิดอะไรอีก
เธอจึงได้บอกแผนการทั้งหมดออกมาอย่างไม่ปิดบัง…
เวลาช่วงบ่าย ณ คฤหาสน์ดาราสวรรค์
ภายในห้องพักที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้เฉินจิ้ง ตอนนี้อาการบาดเจ็บทางกายทุกอย่างหายดีหมดแล้ว แต่อาการบาดเจ็บทางใจคงต้องใช้เวลาเยียวยาอีกซักพัก
“ นาย…ไม่ลุกขึ้นมากินข้าวหน่อยเหรอ ฉันให้พ่อครัวเตรียมอาหารชุดใหญ่ให้นายแล้ว ” หวังซินหยางพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง
เฉินจิ้งนอนอยู่ในห้องไม่ไปไหนมาตั้งแต่เช้าแล้ว ทำให้คนอื่นๆรู้สึกเป็นห่วงมาก เขาจึงอาสาเป็นคนมาเยี่ยมเอง เพราะส่วนหนึ่งต้นเหตุก็เป็นเพราะเขา ได้มอบภารกิจนี้ให้กับพวกเฉินจิ้งถึงทำให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้
“ ฉันไม่เป็นไรหรอก…ส่วนเรื่องภารกิจที่ผ่านมานั้น บอสได้มาคุยกับฉันแล้วละ เรื่องนี้ฉันไม่โทษนายหรอก ถ้านายส่งทีมอื่นไป บางทีจุดจบมันอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าทีมฉันด้วยซ้ำ ” เฉินจิ้งพูดออกมาตามตรง
ถ้าเป็นทีมอื่น บางทีพวกคุณเกรียงไกรกับหนูมะลิ คงโดนสังหารไปแล้ว ในครั้งถึงแม้ว่าจะปกป้องพวกเจนนี่ไม่ได้ แต่ยังปกป้องคนอื่นๆได้เกือบร้อยชีวิต อย่างน้อยการเสียสละของทุกคนก็ไม่เสียเปล่า
“ อาจิ้ง…รู้ไหมในอดีต ฉันเองก็สูญเสียครอบครัวทั้งหมดรวมทั้งคนที่รักไปในวันเดียวเหมือนกัน ในตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนชีวิตของตัวเองสิ้นหวัง จนอย่างจะตายไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ”
“ แต่ถ้าฉันเลือกทำแบบนั้นจริงๆ ตอนที่ไปเจอหน้าพ่อแม่บนสวรรค์ พวกเขาคงตบตีฉันแน่นอน เพราะทุกคนยอมเสียสละเพื่อให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อ ดังนั้นหน้าที่ของฉันคือต้องอยู่บนโลกต่อไปแทนส่วนของพวกเขา และต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้พวกเขาได้เห็น ”
“ ฉันรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานจากพี่โจวเฟยแล้ว…ส่วนเรื่องของเจนนี่ นายอย่าเพิ่งหมดหวังนะอาจิ้ง ”
“ นายก็รู้ใช่ไหม ว่าฉันเป็นผู้ฝึกนักรบวิญญาณ ซึ่งนายเองก็สามารถเป็นได้เช่นกัน ดังนั้นนายอย่ายอมแพ้ อย่าลืมว่าดวงวิญญาณของเจนนี่เธอกำลังรอนายไปช่วยอยู่นะ ” หวังซินหยางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ซึ่งเมื่อเขาเห็นแววตาของเฉินจิ้ง ก็ได้ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก หลังจากนั้นก็สั่งให้พ่อครัวยกอาหารเข้ามาวางไว้ในห้อง
เขาเชื่อว่าเฉินจิ้งจะต้องลุกขึ้นมาได้แน่นอน…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...