จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 159

คฤหาสน์หลักตระกูลจ้าว เมืองปักกิ่ง

ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น ที่จ้าวเทียนโค่นล้มอำนาจของจ้าวหงเลี่ยง ตระกูลจ้าวทั้งหมดก็ได้อยู่ในความดูแลของจ้าวเย่ซง โดยมีจ้าวหนิงเซียนขึ้นเป็นผู้อาวุโสสูงสุด

ส่วนกิจการทุกอย่างของตระกูล ก็ถูกโอนย้ายจากขั้วอำนาจเก่าไปให้คนสนิทของผู้นำตระกูลคนใหม่ ด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลภายใต้การจัดการของจ้าวเทียน

ภายในห้องรับรองด้านใน จ้าวเทียนนั่งจิบชารออย่างใจเย็น บนโต๊ะด้านขวาของเขา มีเอกสารชุดหนึ่งวางอยู่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ซุนเฉินได้มาจากการสอบสวนอดีตผู้นำตระกูลจ้าว

“ ขอโทษที่ให้รอนะ…น้องเทียน ” จ้าวเย่ซงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาเดินเข้ามาพร้อมกับพ่อของตัวเองที่นั่งอยู่บนรถเข็น

ลุงใหญ่ของจ้าวเทียนมีชื่อว่าจ้าวเว่ยฟง เขามีโครงหน้าสี่เหลี่ยมดูหนักแน่นมั่นคง แม้สีหน้าจะดูอิดโรยไปบ้าง เนื่องจากได้รับบาดเจ็บอยู่ในอาการโคม่านานเกือบครึ่งปี แต่ก็ยังคงมีสง่าราศีของผู้มีอำนาจระดับสูงอยู่

หลังจากได้รับการรักษาจากจ้าวเทียน ตอนนี้ร่างกายของจ้าวเว่ยฟง นับว่าฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว เวลาเพียงสิบกว่าวันก็ลุกจากเตียงได้แล้ว คาดว่าอีกเพียงครึ่งเดือนก็น่าจะสามารถกลับมาเดินเองได้

“ ไม่เป็นไรครับ…ผมต่างหากที่มาโดยไม่ได้บอกก่อน ” จ้าวเทียนตอบกลับอย่างสุภาพ จากนั้นก็เดินเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าของจ้าวเว่ยฟงที่นั่งอยู่บนรถเข็น

“ ลุงใหญ่…ผมขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้มาเยี่ยมลุงเลย ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด

ตอนที่เขารักษาลุงใหญ่ในตอนแรก อีกฝ่ายก็อยู่ในอาการหมดสติมาตลอด เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาได้เมื่ออาทิตย์ก่อน แต่เพราะภารกิจที่มากมายของจ้าวเทียน ทำให้ตัวเขาเองก็หลงลืมไป ว่ายังมีคนเฝ้ารอที่จะพบหน้าอยู่

“ ไม่เป็นไรหรอก…ตอนนี้หลานก็มาแล้วนี่ไง เราไม่ได้เจอกันสิบกว่าปี หลานโตขึ้นมากเลยนะ ” จ้าวเว่ยฟงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แต่พอผ่านไปซักพักน้ำตาของเขาก็ไหลออกมาเป็นสาย

!!

“ ลุงใหญ่… ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยความตกใจ

“ ไม่มีอะไรหรอก…ลุงแค่ดีใจมากไปหน่อย หลานหน้าเหมือนพ่อมากเลยนะ ” จ้าวเว่ยฟงพูดออกมาเบาๆ สายตาที่เขามองจ้าวเทียน ได้ซ้อนทับกับภาพน้องชายของตัวเอง ทำให้เขาเก็บอารมณ์ไม่อยู่

ต้องบอกเลยว่า จ้าวเว่ยฟงเหมือนตกอยู่ในความฝันอันยาวนานตลอดเวลาหกเดือนที่ผ่านมา จากนั้นก็ตื่นขึ้นมาพบกับความจริงอันแสนโหดร้าย จนเขาตั้งตัวไม่ทัน

น้องรองที่เขาสนิทสนมเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ…

น้องสามที่เขาไว้ใจ กลับเป็นคนวางแผนทำร้ายเขา…

แม้แต่บรรพชนเซียนของตระกูลที่เขาเคารพนับถือมาโดยตลอด กลับมีส่วนรู้เห็นด้วยทุกอย่าง ถึงแม้ว่าเรื่องทุกอย่างได้ถูกแก้ไขด้วยฝีมือของจ้าวเทียนไปแล้ว

แต่หัวใจของจ้าวเว่ยฟง…กลับรู้สึกว่างเปล่า

ตัวเขาในตอนนี้ เหมือนกับได้สูญเสียบางสิ่งที่สำคัญไป โดยที่ไม่มีโอกาสเรียกมันกลับคืน

“ พ่อครับ… ” จ้าวเย่ซงเรียกออกมาเบาๆ เพื่อให้อีกฝ่ายได้สติ

ตัวเขารับรู้ถึงความเจ็บปวดของจ้าวเว่ยฟงดี เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาอีกซักพัก กว่าที่พ่อของเขาจะลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง

“ ฉันไม่เป็นไร…ดูเหมือนฉันจะแก่แล้วจริงๆ เรื่องแค่นี้ดันทำให้พวกเธอเป็นห่วงเสียได้ ” จ้าวเว่ยฟงถอนหายใจเบาๆ เขาเช็ดคราบน้ำตาเล็กน้อย ก่อนจะหันมาพูดคุยกับจ้าวเทียนอย่างสนิทสนม

ซึ่งจ้าวเทียนเองก็ได้เล่าเรื่องราวต่างๆที่เขาพบเจอมาให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง นอกจากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความลับของแดนสวรรค์และสำนักท่านอาจารย์แล้ว ที่เหลือก็ได้ถูกเขาเล่าจนหมด

ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง หลังจากที่พูดคุยกันมาพอประมาณ จ้าวเทียนจึงส่งเอกสารที่เตรียมมาให้จ้าวเว่ยฟงอ่าน ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไปดูอย่างสนใจ

แต่ทว่า…

เมื่อมาถึงเอกสารแผ่นสุดท้าย แววตาของจ้าวเว่ยฟงก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

“ พ่อ…เกิดอะไรขึ้น ” จ้าวเย่ซงถามขึ้นอย่างสงสัย ในตอนแรกทุกคนยังคุยกับแบบสบายใจอยู่เลย แต่ทำไมเมื่ออ่านเอกสารแผ่นนี้ถึงมีท่าทีเปลี่ยนไป

‘ มันก็แค่…คำสารภาพผิดของอาสามไม่ใช่เหรอ ’

“ แกลองอ่านดูสิ ” จ้าวเว่ยฟงส่งเอกสารหน้าสุดท้ายให้ ซึ่งจ้าวเย่ซงก็รับไปอ่านทันที

หลังจากนั้น…

“ นี่…เรื่องจริงงั้นเหรอ ” เขาหันไปถามจ้าวเทียนด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“ จริงครับ…ก่อนจะมาที่นี่ ผมได้ส่งคนไปตรวจสอบข้อมูลที่โรงพยาบาลแล้ว เคยมีการตรวจดีเอ็นเอของจ้าวหยุนปิงจริง แต่ถูกเก็บเป็นความลับ ”

“ ซึ่งผลตรวจ…ก็เป็นตามที่อยู่บนเอกสารแผ่นนั้น ” จ้าวเทียนตอบอย่างชัดเจน เรื่องแบบนี้เขาต้องตรวจสอบอย่างแน่ใจ ถึงจะกล้ามาหาลุงใหญ่ เพราะมันกระทบกับชื่อเสียงของพ่อเขาเองด้วย

“ พ่อ…เรื่องนี้ ” จ้าวเย่ซ่งหันไปถามพ่อตัวเองทันที

“ ฉัน… ” ตอนแรกจ้าวเว่ยฟงก็ไม่อยากจะพูด แต่เมื่อเห็นสายตาของจ้าวเทียนที่มองมา เขาก็ถอนหายใจอย่างอ่อนแรง

“ ลุงใหญ่…ช่วยเล่าเรื่องทุกอย่างให้ผมฟังได้ไหม เรื่องนี้มันสำคัญกับผมมาก ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

จ้าวเว่ยฟงมองสีหน้าสับสนของจ้าวเทียนเล็กน้อย แล้วเล่าต่อด้วยเสียงจริงจัง

“ พ่อของหลานกับลิ้มเสียวฉิง…กำลังร่วมรักกันอยู่บนเตียง ”

!!

“ ผม… ” จ้าวเทียนรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก นี่มันต่างจากสิ่งที่เขาคิดโดยสิ้นเชิง เพราะเขารู้จักพ่อของตัวเองดี ไม่มีทางที่พ่อของเขาจะเป็นคนแบบนั้น

“ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น…พ่อของหลานก็ยอมรับผิดทุกอย่างโดยไม่โต้เถียงอะไรแม้แต่น้อย คนที่รู้เรื่องนี้มีเพียงคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งสี่คนเท่านั้น แม้ว่าจ้าวเหวยเฟิงจะโกรธมาก แต่เขาก็รักลิ้มเสียวฉิงมากเช่นกัน จนยอมอภัยให้เธอ ”

“ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อของหลานกับจ้าวเหวยเฟิง มันก็ได้แตกสลายไปแล้ว และมันยังได้ทำลายอนาคตของเขาเองด้วย ”

“ นั่นเพราะ การทรยศน้องชายตัวเองมันได้ทำร้ายจิตใจของเขาอย่างรุนแรง ความภาคภูมิใจที่เคยมีก็แตกสลายไปจนหมด จนไม่มีหน้าจะอยู่ที่ตระกูลอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงแกล้งทำความผิดแล้วถอนตัวออกจากตระกูล”

จนถึงตอนนี้จ้าวเทียนก็ไม่อยากฟังต่อแล้ว เขารู้สึกเหมือนภาพของพ่อในความทรงจำมันแตกเป็นเสี่ยงๆ

“ ลุงใหญ่…ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ” จ้าวเทียนพูดอย่างอ่อนแรง

“ หลานกำลังคิดว่าพ่อตัวเองเป็นคนผิดใช่ไหม…แต่ลุงบอกเลยว่ามันไม่ใช่ ” จ้าวเว่ยฟงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

“ ลุงใหญ่…หมายความว่า ” จ้าวเทียนถามด้วยความสับสน เรื่องมันควรจะจบลงแบบนี้ไม่ใช่เหรอ

“ หลังจากที่พ่อของหลานออกจากตระกูลไปหนึ่งปี มีอยู่วันหนึ่งลุงได้ไปเยี่ยมเขา พวกเรานั่งดื่มเหล้ากันจนเมา แล้วพ่อของหลานก็หลุดปากเล่าความจริงของเหตุการณ์ในวันนั้นมาจนหมด ”

“ ความจริงที่ว่า…ลิ้มเสียวฉิงได้ใช้เคล็ดวิชาครอบงำความคิดเขา จนทำเรื่องนั้นลงไป ตัวเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เพราะในส่วนลึกของจิตใจก็รักเธอเช่นกัน ”

“ ภายในความคิดพ่อของหลานตอนนั้น ก็คงคิดว่าลิ้มเสียวฉิงทำไปเพราะรักตัวเอง เขาจึงเผลอปล่อยตัวปล่อยใจไป จนกระทั่งพวกฉันมาเจอเข้า”

“ ด้วยความที่พ่อของหลานเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เขาดูออกว่าน้องชายรักลิ้มเสียวฉิงมาก จึงยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ว่าเป็นคนลงมือเอง จากนั้นก็ถอนตัวออกจากตระกูล เพื่อให้ทั้งสองคนไม่มีปัญหาต่อกัน ”

“ นี่คือ…เรื่องราวทั้งหมดที่ฉันรู้ ”

เมื่อพูดจบ จ้าวเว่ยฟงก็มองไปที่จ้าวเทียนอีกครั้ง เมื่อเห็นสีหน้าของจ้าวเทียนดีขึ้นเล็กน้อย เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน