หลังจากจบพิธีการในช่วงเช้า ทางกองบัญชาการก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปจัดเตรียมสถานที่สำหรับการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้บัญชาการในช่วงบ่าย
สำหรับผู้เข้าชิงตำแหน่ง ผู้บัญชาการหน่วยลับซิงหลงทั้งสองคนก็คือ หลงซานถง และหลงเป่ยหู่ ทั้งสองฝ่ายจะต้องจัดเตรียมกองกำลังมาทั้งหมด 250 คน เพื่อต่อสู้กันบนเกาะร้างที่ทางกองทัพได้จัดเตรียมไว้
หลงซานถง เป็นผู้อาวุโสอันดับสองของตระกูลหลง และเป็นบิดาของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน มีศักดิ์เป็นปู่ของหลงซูฉี ซึ่งได้เข้าไปขอความช่วยเหลือจากจ้าวเทียน
ส่วนหลงเป่ยหู่ เป็นผู้อาวุโสอันดับสามของตระกูลหลง ซึ่งอยู่ฝ่ายอาหญิงของหลงซูฉี หลังจากที่เธอแต่งงานเข้าตระกูลจ้าวไปแล้ว ก็ได้วางแผนกับอดีตผู้นำตระกูลจ้าว เพื่อกลับมายึดตระกูลของตัวเอง และขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลงแทนพ่อของหลงซูฉี
ถึงแม้ว่า ตระกูลจ้าวจะถูกจ้าวเทียนกำหลาบไปแล้ว และแต่งตั้งจ้าวเย่ซงและขั้วอำนาจของลุงใหญ่ขึ้นดำรงตำแหน่งสำคัญแทนทั้งหมด
แต่ถึงแม้เป็นแบบนั้น แผนการยึดครองตระกูลหลงกลับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ทั้งยังได้กำลังเสริมจากขั้วอำนาจเก่าของตระกูลจ้าวมาเพิ่มอีก
เท่ากับว่าตอนนี้ ฝ่ายอาหญิงของหลงซูฉีนอกจากจะได้รับความช่วยเหลือจากนักวิจัยที่เหลือรอดจากตระกูลหลี่แล้ว ยังมีกำลังเสริมจากคนของตระกูลจ้าวที่ถูกขับไล่ไปด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลให้พวกเขาสามารถจัดหาผู้เชี่ยวชาญทั้งสองร้อยห้าสิบคนได้
สำหรับพวกตระกูลจ้าวที่ถูกขับไล่ไป ทุกคนล้วนแต่เป็นแกนนำระดับสูงของขั้วอำนาจเก่า นอกจากกิจการของตระกูลที่ถูกยึดกลับไปแล้ว
พวกเขายังมีธุรกิจลับอีกมากมายที่ไม่ได้เปิดเผย อีกทั้งยังมีเงินจำนวนมหาศาลที่เคยใช้อำนาจของตระกูลไปหาผลประโยชน์ เก็บซ่อนไว้ในธนาคารต่างประเทศมากมาย
เงินพวกนี้ ตามกฎหมายแล้วจ้าวเย่ซงไม่สามารถยึดกลับไปได้…
และตอนนี้พวกเขาได้ทำการเสี่ยงครั้งใหญ่ โดยการทุ่มเงินที่เก็บซ่อนไว้ ลงไปกับกองกำลัง และกิจการทั้งหมดของฝ่ายอาหญิงของหลงซูฉี
นี่เป็นการลงทุนเพื่อแลกกับการปกป้องจากตระกูลหลง ในวงการธุรกิจนั้น หากมีแต่เงินเพียงอย่างเดียว ก็เป็นได้เพียงหมูอ้วนๆให้คนอื่นมาจับกิน
ยิ่งในอดีตพวกเขาสร้างศัตรูเอาไว้เยอะ หากไม่รีบหาขุมอำนาจใหม่เข้าร่วม อีกไม่นานคงถูกรุมกินโต๊ะจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก
ดังนั้น การต่อสู้ครั้งนี้พวกเขาต้องชนะเท่านั้น เพราะถ้าหากพ่ายแพ้ก็จะไม่เหลืออะไรเลย…
ห้องประชุมใหญ่ของกองบัญชาการ
ด้วยพื้นที่สองพันตารางเมตร ซึ่งสามารถจุคนได้เกือบหมื่นคน จึงได้ถูกเลือกใช้เป็นห้องสังเกตการณ์ผลการต่อสู้ของกองกำลังทั้งสองฝ่ายบนเกาะร้าง และตอนนี้ก็ได้รองรับผู้คนเกือบสองพันคน ซึ่งเป็นที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวันนี้
จอภาพขนาดใหญ่เกือบร้อยจอ ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ได้ติดตามสถานการณ์บนเกาะแห่งนั้นอย่างใกล้ชิด เพื่อให้รู้ว่าผลการต่อสู้ในครั้งนี้จะเป็นไปอย่างยุติธรรม ไม่มีการคดโกงใดๆทั้งสิ้น
จอภาพเหล่านี้ ได้ถูกเชื่อมต่อกับกล้องสอดแนมจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่บนเกาะ ทำให้ผู้ชมสามารถรู้ความเคลื่อนไหวของกองกำลังทั้งสองฝ่ายได้อย่างละเอียด
“ ใกล้จะได้เวลาแล้ว…แต่ฉันกลับไม่มีความมั่นใจเลย ” หลงซูฉีพูดออกมาเบาๆด้วยสีหน้ากังวล ตอนที่เธอรู้ข่าวตระกูลจ้าวถูกจ้าวเทียนจัดการ ตอนนั้นเธอดีใจมากที่จะไม่ต้องตกเป็นเครื่องมือของอาหญิง
แต่ทว่า..
ฝันร้ายมันได้กลับมาหลอกหลอนเธออีกครั้ง เพราะพวกตระกูลจ้าวที่หนีมาพึ่งฝ่ายอาหญิง มีนายน้อยคนที่ต้องการตัวเธออยู่ด้วย
ทั้งคราวนี้อีกฝ่ายยังแสดงออกชัดเจน ว่าต้องการได้ตัวเธอกับน้องสาวเพื่อเกี่ยวดองกับตระกูลหลง โดยจะมอบเงินสนับสนุนจำนวนมหาศาลให้กับฝ่ายอาหญิง ซึ่งก็ได้การตอบรับเรียบร้อย
“ ใจเย็นๆ…ลูกต้องเชื่อมั่นในตัวท่านปู่นะ ท่านพยายามอย่างเต็มที่มาตลอดหนึ่งเดือน และตอนนี้ก็ได้ลงไปต่อสู้ด้วยตัวเองเพื่อลูก ” หลงเป่ยฉีพูดปลอบใจลูกสาว เขาเป็นผู้นำตระกูลหลงคนปัจจุบัน
“ แต่พ่อคะ…ฝ่ายอาหญิงเหนือกว่าพวกเรามากจริงๆ ” หลงซูฉีพูดเสียงเบา สายตาของเธอกวาดมองไปยังอีกฝั่งหนึ่งของห้องประชุมใหญ่ ซึ่งเป็นโซนที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ฝ่ายตรงข้าม
ลำดับที่นั่งของห้องประชุมนี้จะแบ่งออกเป็นสามโซน ตรงที่นั่งโซนด้านหน้าสุดเป็นของท่านผู้นำและผู้มีอำนาจในกองทัพ
ถัดออกมาด้านหลังประมาณยี่สิบเมตรจะเป็นของเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษทั้งสี่กองกำลัง ซึ่งมีจำนวนประมาณหนึ่งพันคน
ส่วนโซนที่อยู่ด้านหลังสุดเป็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย ซึ่งมันได้ถูกแบ่งครึ่ง แต่ความแตกต่างด้านจำนวนคนนั้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ฝ่ายของหลงซูฉีมีคนนั่งอยู่เพียงห้าสิบคนเท่านั้น นี่เป็นแกนนำในตระกูลทั้งหมดที่อยู่ฝ่ายเธอ
ในขณะเดียวกันฝ่ายตรงข้ามกลับมีจำนวนคนมากกว่าเธอถึงสามเท่า เป็นการรวมกลุ่มของแกนนำระดับสูงในตระกูลที่เลือกข้างอาหญิง ประมาณหนึ่งร้อยคน และคนจากตระกูลจ้าวกับตระกูลหลี่อีกห้าสิบคน
นี่เหมือนเป็นการแสดงให้เห็นอนาคตได้อย่างชัดเจน ถ้าหากวันนี้พวกเธอพ่ายแพ้ คงต้องสูญเสียทุกอย่าง และพ่อของเธอเองก็คงถูกปลดลงจากตำแหน่ง
ในขณะที่หลงซูฉีกำลังนั่งใจลอย ครุ่นคิดถึงอนาคตของตัวเองอยู่นั้น
“ นี่มันน่าสนใจมาก…ว่าแต่ของพวกนี้มันใช้ทำอะไรเหรอ ที่บนสวรรค์ฉันไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อนเลย ”
!!
เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้น ทำให้เธอหันไปมองด้วยความแปลกใจ
‘ บนสวรรค์งั้นเหรอ…เขาหมายถึงอะไร ’
ชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดจีนโบราณดูไม่เข้ากับสถานที่เท่าไหร่ แต่เมื่อรวมกับใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอ และบุคลิกที่ดูเรียบง่ายสบายๆ มันกลับเข้ากันกับการแต่งกายของเขา
จนทุกคนรู้สึกไปเองว่า เขาแต่งตัวแบบนี้เหมาะสมแล้ว
‘ ทำไม…ฉันรู้สึกว่าเขาแตกต่างจากผู้ชายทุกคนที่เคยเจอ มันคล้ายกับตอนที่ได้เจอจ้าวเทียนครั้งแรกไม่มีผิด ’
“ ฉัน…ฉันไม่มั่นใจจริงๆ ฝ่ายตรงข้ามมีผู้เชี่ยวชาญถึง 250 คน แต่ฝ่ายเรากลับมีเพียง 150 คนเท่านั้น ถ้าวันนี้พวกเราแพ้ ทุกอย่างก็คงจบสิ้น ” หลงซูฉีพูดขึ้นอย่างสิ้นหวัง
“ เอาเถอะ…ถึงตอนนี้ก็คงไม่จำเป็นต้องปิดบังเธอแล้ว ที่ตอนแรกพวกเราบอกเธอว่ากองกำลัง 150 คนของพวกเรา มีผู้เชี่ยวชาญเพียง 100 คนนั้นเป็นเรื่องโกหกนะ ”
“ จ้าวเทียนกลัวว่า…จะมีสายลับจากฝ่ายตรงข้ามปะปนอยู่ในกองกำลังของเธอ ดังนั้นเขาจึงปิดบังความจริงเอาไว้ ” ลี่เหยาเหยาอธิบาย
“ งั้น…หมายความว่าทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญเหรอ ” หลงซูฉีพูดขึ้นด้วยความหวัง ถ้ากองกำลังทั้ง 150 คนเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด ความแตกต่างก็จะเป็น 200 ต่อ 250 เธอก็ยังมีความหวัง
“ ไม่ใช่หรอก…เพราะมี 13 คนเป็นนักสู้ระดับ 8 ” ลี่เหยาเหยาตอบตามจริง นี่เป็นคนที่ถูกใส่เข้าไปในภายหลังให้ครบ 150 คน
“ งั้นก็…เป็นผู้เชี่ยวชาญ 137 คนใช่ไหม ” หลงซูฉีถามขึ้นอีกครั้ง แม้จำนวนจะลดลงมา 13 คน แต่ก็ยังดีกว่าตอนแรกมาก
“ ไม่ใช่หรอก…เรามีผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด 92 คนเท่านั้น ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขบขัน เหมือนเธอกำลังแกล้งหลงซูฉี เพื่อเอาคืนให้ศิษย์พี่รอง
“ นี่…นี่มันน้อยกว่าตอนแรกไม่ใช่เหรอ เธอไม่ได้โกหกฉันนะ แบบนี้ฉันคง ” หลงซูฉีพูดขึ้นเสียงดังอย่างลืมตัว สีหน้าของเธอตอนนี้เปลี่ยนแปลงไม่หยุด ทำให้คังหลินที่แอบมองอยู่หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ นายน่ะ…หยุดหัวเราะเลยนะ ” หลงซูฉีหันไปดุคังหลินด้วยความโมโห
“ เอาล่ะ…ฉันไม่แกล้งเธอแล้ว กองกำลังทั้ง 150 คนของเรา มีนักสู้ 13 คน ผู้เชี่ยวชาญ 92 คน ส่วนที่เหลือนั้น ” ลี่เหยาเหยาจงใจหยุดพูดไปครู่หนึ่ง
จนเมื่อเธอเห็นหลงซูฉีทำตาดุมาให้ เธอจึงพูดต่อด้วยรอยยิ้ม
“ ที่เหลืออีก 45 คน เป็นปรมาจารย์!! ”
!!
ตรงที่นั่งโซนด้านหน้า จ้าวเทียนกำลังนั่งหลับตาคิดถึงแผนการทุกอย่างที่วางไว้
‘ จากข้อมูลที่ตรวจสอบมา…พวกแกนนำตระกูลจ้าวที่ถูกขับไล่ไป ได้นำทรัพย์สินทั้งหมดไปลงทุนกับตระกูลหลง และยังมีพวกนักวิจัยจากตระกูลหลี่อีกด้วย ’
‘ ตอนนี้…เมล็ดพันธุ์ที่ฉันหว่านเอาไว้ ได้เติบโตผลิดอกออกผลแล้ว คงได้เวลาเก็บเกี่ยวซักที ’
แท้จริงแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแผนการของจ้าวเทียนทั้งสิ้น เขาเป็นคนบอกให้จ้าวเย่ซงขับไล่คนพวกนั้นไปเอง และเรื่องที่นักวิจัยของตระกูลหลี่ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลหลงนั้น เขาเองก็รู้
ทันใดนั้น…จ้าวเทียนก็ลืมตาขึ้น แล้วมองไปยังเหล่าพลเอกทั้งหกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
‘ ตอนนี้…คงได้เวลาตกปลาตัวใหญ่ ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...