สนามรบบนเกาะร้าง
เกาะแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณสามสิบตารางกิโลเมตร เป็นเกาะเล็กๆเต็มไปด้วยป่ารกทึบที่กองทัพเป็นเจ้าของ ซึ่งถูกใช้สำหรับทดลองอาวุธและฝึกซ้อมกำลังพล โดยในวันนี้มันได้ถูกจัดเตรียมเป็นสนามรบสำหรับกองกำลังทั้งสองฝ่าย
สำหรับกฎการต่อสู้ในวันนี้คือ
1 ห้ามสังหารหรือเจตนาทำให้อีกฝ่ายพิการ
2 ห้ามใช้อาวุธหนักหรือระเบิด
3 หากสามารถชิงธงที่กลางฐานของฝ่ายตรงข้ามได้จะถือว่าชนะทันที
4 ห้ามนำเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดเข้าไป หากตรวจพบจะถือว่าแพ้ทันที
กฎมีเพียงสี่ข้อเท่านั้น ขอแค่ไม่ตายหรือพิการ จะลงมือหนักขนาดไหนก็ได้ ที่ข้อมือของทหารทุกคนมีตัววัดสัญญาณชีพอยู่ หากหมดสติหรือได้รับบาดเจ็บหนักจนต่อสู้ไม่ได้ มันจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปที่หน่วยพยาบาลทันที
อีกทั้งตัววัดสัญญาณชีพนี้ ยังเชื่อมต่อข้อมูลไปยังจอภาพหลักตรงกลาง ภายในห้องประชุมสังเกตการณ์ เพื่อรายงานว่าแต่ละฝ่ายเหลือคนที่ยังต่อสู้ได้กี่คน
สำหรับผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้บัญชาการนั้น จะต้องเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย เพื่อทำหน้าที่สั่งการกองกำลังของตนเอง
“ ตี้ดดดดดด! ”
เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นทั่วทั้งเกาะ เป็นการบ่งบอกว่าสงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว
“ ตามที่ตกลงกันไว้…พวกเธอทำหน้าที่เฝ้าธงที่ฐาน ส่วนฉันจะเป็นคนนำกองกำลังของตระกูลหลงอ้อมเข้าไปชิงธงของอีกฝ่ายเอง ” หลงซานถงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ตอนนี้เขาไม่กล้าดูถูกพวกจ้าวเทียนแล้ว ด้วยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 100 คนที่อีกฝ่ายหามา มันบ่งบอกถึงขุมกำลังของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
ยังไม่รวมถึงตำแหน่งพลเอกของจ้าวเทียนในตอนนี้ ซึ่งมีอำนาจเหนือกว่าผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษมากนัก
“ เชื่อใจพวกเราได้เลยครับ ” ลี่หยุนตอบด้วยความมั่นใจ เขาเป็นผู้อยู่อันดับที่ 11 ในภารกิจกวาดล้าง ถึงแม้จะไม่ได้รางวัลจากจ้าวเทียน แต่ก็ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้ากองกำลังในวันนี้
“ ฉันขอโทษด้วย…ที่ต้องให้พวกเธอรับหน้าที่ที่เสี่ยงแบบนี้ ด้วยความได้เปรียบเรื่องจำนวนผู้เชี่ยวชาญ อีกฝ่ายอาจจะบุกเข้ามาพร้อมกันเกือบทั้งฐาน ”
“ เพราะฉะนั้น…การต่อสู้ฝั่งของพวกเธอคงจะดุเดือดที่สุด ” หลงซานถงพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด เด็กหนุ่มพวกนี้ต้องรับหน้าที่เหมือนเป็นตัวล่อ ทั้งที่เป็นฝ่ายมาช่วยพวกเขาแท้ๆ
“ ผู้อาวุโสไม่ต้องเป็นห่วง…พวกเราได้รับการฝึกสำหรับสถานการณ์แบบนี้มาแล้ว รับรองว่าธงของฝ่ายเราจะไม่ถูกชิงไปแน่นอน ” ลี่หยุนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
‘ ถ้าปรมาจารย์ 45 คน ยังรักษาธงไว้ไม่ได้…พวกเราก็คงไม่มีหน้าไปพบบอสแล้ว ’
หลังจากที่รอจนพวกหลงซานถงออกไปจากฐานหมดแล้ว ลี่หยุนก็เริ่มสั่งการกองกำลังฝ่ายตน
“ ให้ทีมลอบสังหาร…ออกไปสังเกตการณ์บริเวณฐานฝั่งตรงข้าม หากพวกมันส่งกองกำลังเข้ามาบุกพวกเรา ให้กลับมาแจ้งทันที ”
“ ส่วนอาเว่ย…นายพาพวกเรา 50 คน ออกไปรอซุ่มโจมตี บริเวณรอบฐานของฝ่ายเรา จำไว้ว่าห้ามเปิดเผยฝีมือที่แท้จริง ถ้าสู้ไม่ได้ก็ถอยกลับมา ”
“ จำไว้ว่า…จนกว่าจะครบหนึ่งชั่วโมง ห้ามเปิดเผยฝีมือที่แท้จริงเด็ดขาด ” เขาพูดย้ำขึ้นเสียงดัง เพราะนี่เป็นเป็นคำสั่งของจ้าวเทียน
“ รับทราบ! ”
ยี่สิบนาทีผ่านไป
พวกหลงซานถงกำลังเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง เกาะแห่งนี้ มีป่าไม้รกทึบเหมาะแก่การปิดบังร่องรอย ซึ่งตลอดทางเขาได้ส่งหน่วยสอดแนมไปตรวจสอบพื้นที่ด้านหน้าเป็นประจำ เพื่อหลีกเลี่ยงกองกำลังของฝ่ายตรงข้าม
“ ผู้อาวุโสรอง…ทางด้านหน้าปลอดภัยครับ ” ชายคนหนึ่งวิ่งกลับมารายงาน
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลงซานถงก็มีสีหน้าแปลกใจ แล้วถามขึ้นเบาๆ
“ หลงเฉียน…นายแน่ใจนะ นี่พวกเราเข้ามาจะเกือบจะถึงฐานของฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว แต่ยังไม่พบคนของอีกฝ่ายเลยซักคน ”
“ ผู้อาวุโสรอง…คุณไม่ต้องกังวล ฉันคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังบุกไปที่ฐานของฝ่ายเราแน่นอน ดังนั้นพวกเรารีบเข้าไปชิงธงของพวกมันแล้วจบการต่อสู้ครั้งนี้เถอะ ” หลงเฉียนพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ
“ งั้นเหรอ…แล้วพวกที่ออกไปพร้อมกับนายล่ะ พวกเขาไปไหนแล้ว ทำไมไม่กลับมาด้วย ” หลงซานถงถามเสียงเครียด เขารู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ
“ นี่คุณไม่เชื่อใจฉันเหรอ…ฉันอุตส่าห์ยอมเสี่ยงทำหน้าที่อันตรายเพื่อพวกเราทุกคนนะ ส่วนพวกที่ออกไปพร้อมฉัน ตอนนี้กำลังจับตาดูฐานของฝ่ายตรงข้ามอยู่ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ส่งคนอื่นไปดูก็ได้ ” หลงเฉียนพูดขึ้นด้วยท่าทีน้อยใจ เหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ เอาเถอะ…ฉันคงระแวงไปเอง นายไปทำหน้าที่ของนายต่อเถอะ ” หลงซานถงพูดด้วยท่าทางยอมรับผิด
แต่เมื่อเขาเห็นว่าหลงเฉียนกลับไปสอดแนมต่อแล้ว ก็รีบหันไปบอกคนที่เหลือทันที
“ เตรียมตัวต่อสู้...พวกเราหลงกลแล้ว หลงเฉียนเป็นคนทรยศ ”
!!
คำพูดของเขาทำให้คนที่เหลือเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที
“ ผู้อาวุโสรอง…ทำไมถึง ”
“ หุบปาก!...แล้วรีบถอย พวกแกจำที่ฉันสั่งคนที่ออกไปสอดแนมไม่ได้เหรอ ว่าให้กลับมารายงานทุกครั้ง ไม่มีทางที่พวกเขาจะฝ่าฝืนคำสั่งแล้วไปที่ฐานศัตรูโดยพละการแน่นอน ” หลงซานถงพูดขึ้นอย่างร้อนใจ
ทำให้พวกที่เหลือรีบทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ด้วยความที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทำให้พวกเขาจับอาวุธขึ้นมา แล้วค่อยๆถอยอย่างเป็นระบบ
ทันใดนั้นเอง!
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงปืนดังขึ้นอย่างถี่ยิบ ฝ่ายศัตรูเกือบสองร้อยคนได้เปิดเผยตัวออกมาในพริบตา ถึงแม้ว่าจะเป็นกระสุนพิเศษ ซึ่งไม่ได้ทำให้ถึงตาย แต่มันก็สร้างความเจ็บปวดให้เป็นอย่างมาก
ซึ่งหากโดนเข้าตรงหัวหรือจุดสำคัญ ก็จะทำให้บาดเจ็บสาหัสหมดสติลงในทันที
“ บัดซบ…หลงเฉียน ฉันจะไม่ปล่อยแกแน่ ” หลงซานถงตะโกนออกมาเสียงดัง
หลังจากนั้น…
บูมมมม!
พลังปราณมหาศาลของเขาระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ทำให้กระสุนปืนทั้งหมดดีดกลับไปทันที
เงาร่างมังกรเขียวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหลังหลงซานถง มันชูกรงเล็บคำรามอย่างโหดร้าย
แต่กับปรมาจารย์ทั้งสามคนนี้ พวกเขาถือเป็นแกนนำระดับสูงในหน่วยลับไป๋หู่ จะมาเข้าร่วมศึกนี้ได้อย่างไร
“ พี่รองไม่ต้องแปลกใจ…เรื่องนี้ได้รับความเห็นชอบจากบรรพชนเซียนแล้ว อีกทั้งสามคนนี้ก็ได้ถอนตัวจากตระกูลจ้าวเรียบร้อย หึหึ ”
คำพูดของหลงเป่ยหู่ ทำให้เกิดความแตกตื่นขึ้นทันที ทั้งคนที่อยู่ในสนามรบ รวมถึงคนที่ชมอยู่ผ่านจอภาพด้วย
ภายในห้องประชุมใหญ่
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนหน้าจอ ทำให้จ้าวเทียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แม้เขาจะไม่ได้กังวลอะไรมากนัก แต่ก็ต้องการคำอธิบาย
“ นี่หมายความว่ายังไง ” เขาหันไปถามหลงมู่เฉินด้วยสีหน้าเย็นชา
“ นี่เป็นเรื่องภายในของหน่วยลับไป๋หู่…ฉันไม่จำเป็นต้องรายงานคุณ ” หลงมู่เฉินก็ตอบกลับไปด้วยเสียงเย็นชาเช่นกัน อย่างไรเขากับจ้าวเทียนก็เป็นศัตรูกันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัว
‘ ถึงฉันจะสู้แกไม่ได้…แต่ตราบใดที่ฉันไม่ทำอะไรผิด แกก็ทำอะไรฉันไม่ได้เหมือนกัน ’
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ต้วนมู่เฉียนเพียงนั่งจิบชาเงียบๆไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะเขารู้ถึงความสามารถของขุมกำลังจ้าวเทียนดี อย่างไรซะการกระทำของหลงมู่เฉินก็ไร้ผลอยู่แล้ว
“ งั้นเหรอ…ดูคุณมั่นใจมากเลยนะ ” จ้าวเทียนพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ เหอะ…แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ ผลมันก็เห็นกันอยู่แล้ว คิดว่าเด็กน้อยทั้ง 150 คนของคุณจะทำอะไรได้เหรอ ” หลงมู่เฉินพูดขึ้นอย่างถือดี เขาตรวจสอบรายชื่อกองกำลังของจ้าวเทียนทั้งหมดแล้ว ไม่มีปรมาจารย์จากตระกูลอื่นแฝงตัวมาแน่นอน
“ คุณไม่เห็นเหรอ…ว่าทีมลอบสังหารของฉันซุ่มอยู่รอบๆฐานของคุณแล้ว พวกเธอสามารถลอบเข้าไปชิงธงได้ทุกเมื่อเลยนะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ฮ่าฮา
“ อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย…ที่ฐานของฉันมีผู้เชี่ยวชาญเฝ้าอยู่ 50 คน คิดว่าเด็กสาวพวกนั้นจะทำอะไรได้งั้นเหรอ ” หลงมู่เฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาคิดว่านี่มันเป็นอะไรที่ตลกมาก อีกฝ่ายคงฝึกวิชาจนสมองเพี้ยนไปแล้ว
“ ในเมื่อเป็นแบบนี้…ทำไมพวกเราไม่วางเดิมพันกันซักหน่อยล่ะ” จ้าวเทียนพูดขึ้นเสียงดัง จนทำให้ทุกคนที่อยู่รอบๆหันมามองเป็นทางเดียวกันหมด
“ นี่...คุณ ” หลงมู่เฉินรู้สึกพูดไม่ออก อีกฝ่ายต้องการทำอะไรกันแน่
“ หรือคุณไม่กล้า…เล่นขี้โกงแบบนี้แล้วยังจะกลัวอีกเหรอ ฉันไม่แปลกใจเลย ที่คุณฝึกฝนมาตั้งนาน แต่ก็ยังตามคนอื่นไม่ทัน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ นี่แก…ก็ได้ฉันยอมเดิมพัน ถ้าฉันชนะ ก็ขอรับหมู่เกาะตรงทะเลสาบมรกตของแกไปแล้วกัน แกกล้าไหม ” หลงมู่เฉินลุกขึ้นชี้หน้าจ้าวเทียน แล้วพูดออกมาเสียงดัง เพราะเรื่องที่จ้าวเทียนพูดมันจี้ใจดำเขา
“ หืม…ทำไมฉันจะไม่กล้าล่ะ ถ้าฝ่ายฉันชนะ ฉันขอรับกิจการทั้งหมดที่ฝ่ายหลงเป่ยหู่ดูแลไปก็แล้วกัน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ ตกลง! ” หลงมู่เฉินรีบตอบรับทันที เขารู้มูลค่าของทะเลสาบมรกตเวลานี้ดี ต่อให้แลกกับตระกูลหลงทั้งตระกูลก็คุ้ม แถมครั้งนี้เขาก็มั่นใจว่าต้องชนะอยู่แล้วด้วย
จากนั้น สายตาของจ้าวเทียนก็กวาดมอง ไปยังพลเอกทั้งหกคนที่นั่งอยู่แถวเดียวกัน
“ แล้วพวกคุณล่ะ…กล้าเดิมพันกับฉันไหม ”
!!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...