หลังจากเหตุการณ์ที่ไนท์คลับ วันรุ่งขึ้นก็มีประกาศการลาออกของพลเอกฉางกวนผิงออกมา พร้อมทั้งมีการสอบสวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่ฉางกวนผิงเคยก่อเอาไว้ มันได้กลายเป็นข่าวใหญ่ สื่อทุกช่องต่างนำเสนอข่าวนี้อยู่สองวัน
สิ่งที่ทางรัฐบาลแถลงให้ประชาชนรับรู้ก็คือ ฉางกวนผิงลาออกเพราะรับผิดชอบต่อความผิดที่ลูกชายเป็นคนก่อขึ้น ซึ่งเหตุผลนี้ทำให้ประชาชนยอมรับและไม่ได้ติดใจอะไร
ส่วนเรื่องการตายของฉางกวนผิงนั้น ถูกปกปิดเอาไว้เป็นความลับ มีแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่รู้
แน่นอนว่าขุมอำนาจของฉางกวนผิง ได้ถูกต้วนมู่เฉียนจัดการทั้งหมด ที่รู้ตัวก็ขอลาออกเอง ส่วนคนที่ยังดื้อดึง ก็จะถูกจับกุมด้วยคดีเก่าๆที่เคยปกปิดเอาไว้
อย่างเช่นหัวหน้าหน่วยสวาท ที่เป็นหลานชายของฉางกวนผิง ก็ได้ถูกสั่งปลดด้วยคดีฉ้อโกงและใช้อำนาจในทางมิชอบ ซึ่งผู้ที่ได้ขึ้นมานั่งตำแหน่งนี้แทนก็คือ ฟ่านเจี๋ย
เพราะความสามารถของเขาในวันนั้น ได้อยู่ในสายตาของต้วนมู่เฉียนทุกอย่าง ดังนั้นฟ่านเจี๋ยจึงได้รับจัดสรรเข้าสู่รายชื่อ ผู้มีความสามารถที่ควรส่งเสริมของประเทศ
ทางฝั่งของจ้าวเทียน หลังจากที่กลับมาถึงทะเลสาบมรกต ก็ได้เรียกประชุมกองกำลังทั้งสามร้อยห้าสิบคน พร้อมด้วยแกนนำระดับสูงทุกคน เพื่อประกาศจัดตั้งหน่วยเซียนเทียนอย่างเป็นทางการ
หน้าที่ของหน่วยเซียนเทียนคือควบคุมดูแล คดีที่เกิดจากผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั้งหมด ถึงแม้จะแยกตัวเป็นเอกเทศจากหน่วยลับทั้งสี่ แต่ด้วยสถานะพิเศษของจ้าวเทียน ที่สามารถสั่งการหน่วยลับและกองทัพได้
ดังนั้นขอบเขตอำนาจของหน่วยเซียนเทียน จึงครอบคลุมเกือบทุกหน่วยงานในประเทศนี้ ทำให้สมาชิกของหน่วยเซียนเทียนทุกคน ถูกจัดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีสวัสดิการเท่าเทียมกับข้าราชการระดับสูง
มิติลับหลังตู้หนังสือ
หลังจากที่ได้พักผ่อนและจัดงานเลี้ยงฉลองเป็นเวลาสองวัน ซึ่งจ้าวเทียนได้ใช้เวลานี้ อยู่ร่วมกับจ้าวหยูเหมยและเหยียนซืออู่อย่างเต็มที่
เพราะทั้งสองคนเป็นครอบครัวคนสำคัญของเขา…
หลังจากผ่านไปสองวัน
จ้าวเทียนก็พาทุกคนมาเข้าพบหลินซินเยว่ เพื่อฟังเรื่องราวของสงครามที่เกิดขึ้นบนแดนสวรรค์ และข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับนิกายจูเซียน รวมถึงสิ่งที่จะเกิดกับโลกในอีกห้าปีข้างหน้า
“ อย่างที่ฉันได้พูดไป…ตอนนี้พวกเราต้องจัดการเรื่องนิกายจูเซียนให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นถ้ารอจนสงครามจบลง โลกอาจจะถูกผู้ชนะในสงครามทำลายเอาได้ ” หลินซินเยว่พูดเสียงจริงจัง
เมื่อได้ยินแบบนั้น จ้าวเทียนก็หยุดคิดเล็กน้อย
‘ ถ้าเป็นไปตามความทรงจำในชาติก่อน…ตอนที่เกิดสงครามครั้งนี้ ตัวฉันอยู่ในช่วงเก็บตัวฝึกวิชาหนึ่งพันปี อีกทั้งสำนักดาราสวรรค์เองก็ประกาศปิดสำนักเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม ทำให้พวกเราไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย ’
‘ ครั้งนี้โชคดี…ที่ท่านอาจารย์ได้เข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด จึงทำให้พวกเรายังพอคิดวิธีตอบโต้และปกป้องโลกได้ทัน ’
“ ศิษย์น้อง…ถ้าฉันจำไม่ผิด คลังลับนิกายจูเซียนมีสามที่ใช่ไหม ”
ตามความคิดของหลินซูซิน หากพวกเขาเป็นฝ่ายควบคุมนิกายจูเซียนบนโลกได้ ก็น่าจะสามารถป้องกันเหตุการณ์ร้ายในอนาคตได้
“ ใช่แล้วครับ…แต่เราต้องผ่านการทดสอบของศิษย์หลักเสียก่อน ถึงจะได้เป็นเจ้าของ ซึ่งผู้ที่จะเข้ารับการทดสอบได้ จะต้องเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เกิดบนโลก และมีพลังของขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาเท่านั้น ” จ้าวเทียนหันไปตอบหลินซูซิน
เรื่องนี้เขาเองก็หมดหนทางเช่นกัน ข้อแรกตัวเขาเองยังไม่ถึงขอบเขตนั้น ข้อสองภายในขุมกำลังของเขาผู้ที่มีพลังระดับสูงก็ไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์
ลี่เหยาเหยาเป็นเผ่าเทพโบราณ เฉินจิ้งเป็นเผ่ามังกรมาร เจนนี่เป็นเผ่ามาร โม่ซินหยานเป็นเผ่าคีเมียร่า ไป๋ซู่เจินและซูต๋าจี่เป็นเผ่าปีศาจ และศิษย์พี่หญิงเป็นเผ่าวิญญาณ
ส่วนท่านอาจารย์กับศิษย์พี่รองนั้น พวกเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเทพบนแดนสวรรค์ จึงไม่มีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบแน่นอน
“ ถ้า…เราให้ต้วนมู่เฉียนเข้าทดสอบล่ะ”
“ ผู้อาวุโสต้วนมู่เหรอครับ…ผมเกรงว่าเขาจะไม่ผ่านการทดสอบด่านจิตมารนะสิ ” จ้าวเทียนตอบตามจริง
“ นั่นก็จริง…เสี่ยวชิงคือจุดอ่อนเดียวของต้วนมู่เฉียนในตอนนี้ ”
เมื่อยังหาหนทางไม่ได้ บรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง การทดสอบศิษย์หลักนิกายจูเซียนมีความสำคัญมาก
พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือคนนอกได้ มีต้องแต่ให้คนที่ไว้ใจได้เท่านั้น ถึงจะรับประกันความปลอดภัยของทุกคนได้
“ นายต้องใช้เวลานานแค่ไหน…จึงจะถึงขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภา ” ลี่เหยาเหยาหันไปถามจ้าวเทียนด้วยความสงสัย
“ หืม…เธอบรรลุขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดแล้วเหรอ ถ้าฉันจำไม่ผิด เวลาเพิ่งจะผ่านไปแค่เดือนเดียวเองนะ ” หยวนตี้พูดออกมาด้วยความแปลกใจ ช่ายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าฝึกฝนได้รวดเร็วเกินไปแล้ว
“ มันมีเรื่องราวเกิดขึ้นหลายอย่างครับ…ผู้อาวุโสหยวน ที่ผมมาในวันนี้เพราะมีเรื่องจะปรึกษาเกี่ยวกับคลังลับแห่งนี้ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ เกี่ยวกับที่นี่เหรอ…ฉันบอกก่อนนะ ถึงแม้เธอจะเป็นความหวังของนิกายฉันก็ตาม แต่กฎก็ต้องเป็นกฎ เธอจะต้องอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาเท่านั้น ถึงมีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบศิษย์หลัก ” หยวนตี้พูดออกมาตามตรง
ตัวเขาได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคลังสมบัติลับแล้ว วิญญาณประดิษฐ์อย่างเขาต้องทำตามกฎที่ถูกตั้งไว้อย่างเคร่งคัด ไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้
“ เรื่องนั้นผมทราบดี…ส่วนที่ผมมาในวันนี้เพราะต้องการทำข้อตกลงกับผู้อาวุโส ”
พูดจบจ้าวเทียนก็เล่าเรื่องสงครามบนแดนสวรรค์และเรื่องชะตากรรมของโลกในอีกห้าปีข้างหน้าให้หยวนตี้ฟัง จากนั้นเขาก็บอกเงื่อนไขของท่านอาจารย์ให้อีกฝ่ายได้รู้
“ เรื่องนี้…เธอพูดจริงเหรอ ” หยวนตี้มีท่าทางลังเล เขาดูออกว่าจ้าวเทียนไม่ได้โกหก แต่สิ่งนี้มันอยู่นอกเหนือขอบเขตอำนาจของเขาที่จะตัดสินใจได้
ที่จริงแล้ว เมื่อครั้งก่อนเขาก็ไม่ได้เล่าความจริงทั้งหมดให้จ้าวเทียนฟัง ถึงแม้ตัวเขาจะไม่สามารถติดต่อกับเครือข่ายนิกายจูเซียนบนแดนสวรรค์ได้ แต่นิกายจูเซียนยังไม่ถูกทำลายไปทั้งหมด ทุกคนยังคงหลบซ่อนตัวอยู่
ซึ่งความลับนี้ เขาจะบอกจ้าวเทียน ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายผ่านการทดสอบและกลายเป็นศิษย์หลักแล้วเท่านั้น เหตุที่ต้องระวังตัวแบบนี้เพราะมันเกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของนิกายบนแดนสวรรค์
“ ผู้อาวุโส…เรื่องนี้ไม่ใช่ส่งผลกระทบเพียงแค่นิกายจูเซียนอย่างเดียว แต่มันเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของโลกใบนี้ด้วย ”
“ คุณอย่าลืม…ว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีแต่ผู้ฝึกตนอย่างพวกเราเท่านั้น ยังมีคนธรรมดาซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้นี้ด้วย”
“ พวกเขาเหล่านั้น…ไม่สมควรถูกทำลายไปเพราะความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ถ้าคุณตกลง อาจารย์ของผมจะใช้เคล็ดวิชาอำพรางสวรรค์เพื่อปกปิดสถานที่แห่งนี้ให้ รวมถึงปกป้องการสืบทอดของนิกายจูเซียนบนโลกเอาไว้ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ เรื่องนั้นฉันรู้…แต่การที่จะให้สาขาของนิกายจูเซียนบนโลก เข้าร่วมกับสำนักดาราสวรรค์นี่มัน ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ จ้าวเทียนก็ถอนหายใจยาวแล้วพูดขึ้น
“ ผู้อาวุโส…บนโลกมนุษย์ยังมีศิษย์ของนิกายจูเซียนคนอื่นอีกเหรอ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...