จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 196

ย้อนกลับไป ในช่วงเวลาก่อนที่จ้าวเทียนและคังหลินจะไปที่หอคัมภีร์ลับของตระกูลฉิน ภายในตำหนักที่ถูกจัดเตรียมไว้ ให้คณะขององค์หญิงฉินฟ่านเออร์เข้าพัก

“ อารอง…คุณได้ตรวจสอบข้อมูลพวกนี้ดีแล้วใช่ไหม ” ฉินฟ่านเออร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อวานหลังจากที่แยกกับพวกจ้าวเทียน เธอก็สั่งให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของชายที่ชื่อว่าฉินหวงทันที

และด้วยอำนาจของเธอ เพียงไม่นานเธอก็ได้รู้ทุกอย่างที่ต้องการ ตั้งแต่เกิดจนถึงเริ่มฝึกฝน อุปนิสัยใจคอ ความชอบส่วนตัว แม้กระทั้งเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่สำคัญ อย่างเช่นอาหารที่เขาชอบเธอก็ยังรู้

“ เรื่องนี้มั่นใจได้…ปรมาจารย์ของเงาปีศาจทุกคน ต้องโดนองค์กรตรวจสอบเป็นพิเศษและบันทึกเอาไว้อยู่แล้ว ที่ฉันต้องทำก็เพียงแค่นำบันทึกนี้มาเท่านั้น ” ฟางหยวนตอบด้วยความมั่นใจ

เขาคุ้นเคยกับการตรวจสอบแบบนี้ดี แม้แต่ตัวของเขาเอง ก็ต้องถูกสำนักงานหลักตรวจสอบเช่นกัน

ฉินฟ่านเออร์ได้ยินแบบนั้นก็หลับตาลงครุ่นคิด แม้ว่าเวลานี้ใบหน้าของเธอจะดูซีดอยู่บ้าง เนื่องจากไม่ได้พักผ่อนมาทั้งคืน

เธอใช้เวลาทั้งหมดในการตรวจสอบสถานการณ์ภายในเมืองเหล็กดำ จากนั้นก็อ่านข้อมูลของฉินหวงต่อ จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นสู่ขอบฟ้า

ที่เป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเธอกำลังฝืนตัวเอง แต่มันเกิดจากความเคยชินตลอดสิบปีที่ผ่านมา

ตั้งแต่ที่มารดาของเธอถูกบีบให้ดื่มยาพิษจนเสียชีวิต ในตอนนั้นน้องชายของเธอเพิ่งมีอายุเพียงสองเดือนเท่านั้น

เธอที่มีอายุเพียงสิบขวบก็ต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง เพื่อที่จะปกป้องทุกคน ในยามที่เด็กคนอื่นวิ่งเล่นสนุกกับเพื่อน แต่ตัวเธอกลับต้องขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือ ศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจัง

ฉินฟ่านเออร์ใช้สมบัติที่มารดาเหลือไว้ให้ ในการเชิญอาจารย์ชั้นยอดหรือขุนนางผู้มีชื่อเสียงมาสอนศาสตร์การปกครองและความรู้แขนงต่างๆ เธอจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เพื่ออยู่รอดในตระกูลราชวงศ์ที่มีแต่การแก่งแย่งชิงดี

‘ ฉันจะต้องไม่ตายอย่างไร้ค่า…และจะต้องทำความหวังของท่านแม่ให้เป็นจริง ’

ผู้ที่ประทานยาพิษสังหารให้มารดาของเธอ ก็คือพระชายาหลักคนปัจจุบันของราชวงศ์ฉิน ที่จริงแล้วเป้าหมายของอีกฝ่ายคือน้องชายของเธอ

แต่มารดาของเธอนั้น ได้ยอมตายเพื่อให้ลูกชายได้รอดชีวิต เพราะในราชวงศ์ยังมีพระชายารอง ที่ทรงอำนาจทัดเทียมกับพระชายาหลัก แต่กลับไม่มีพระโอรสให้ฮ่องเต้

มารดาของเธอจึงยอมตายและมอบบุตรของตัวเองให้พระชายารอง เพื่อแลกกับความคุ้มครอง

“ จดจำความแค้นครั้งนี้เอาไว้…ลูกต้องทำให้น้องกลายเป็นฮ่องเต้ให้ได้ จากนั้น เขาจะเป็นทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้พวกเราเอง ”

นี่คือคำพูดสุดท้ายที่มารดาทิ้งเอาไว้ ก่อนจะดื่มยาพิษต่อหน้าเธอที่ยังเป็นเพียงเด็กหญิงอายุสิบขวบ ภาพของผู้เป็นที่รักล้มลงสิ้นใจต่อหน้า ยังคงจำฝังใจเธอไม่ลืมเลือน

นี่จึงเป็นเหตุผลที่เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย ต่อให้ต้องเสียสละตัวเองก็ยินดี ถ้ามันจะสามารถทำให้ความหวังของมารดาเธอกลายเป็นจริง

ในตอนนี้

ฉินฟ่านเออร์กำลังคิดย้อนไปถึงตอนที่ได้พบกับจ้าวเทียนครั้งแรก บุคลิกท่าทางของเขาทั้งหมดถูกนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่เธอได้รับมา อีกทั้งยังมีเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้

จากนั้น เธอก็ลืมตาขึ้น มุมปากของเธอก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มด้วยความมั่นใจ

“ อารอง…ฉันคงต้องให้คุณกลับไปทำลายข้อมูลทุกอย่างของฉินหวงในกองกำลังเงาปีศาจเมืองเหล็กดำ จำไว้ว่าจะต้องไม่มีใครรู้เรื่องการตรวจสอบของพวกเรา ”

“ ฉันจะไปจัดการด้วยตัวเอง ” ฟางหยวนพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นเขาก็หายตัวไปจัดการตามที่ฉินฟ่านเออร์บอกทันที

วันนี้ คงมีสายลับของเงาปีศาจหลายคนต้องหายสาบสูญไป…

เมื่อเห็นว่าฟางหยวนออกไปแล้ว ฉินฟ่านเออร์ก็สั่งให้สาวใช้เตรียมน้ำให้เธออาบ

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เธอต้องหลบหนีศัตรูและต้องเดินทางทั้งวันทั้งคืน ทำเธอดูทรุดโทรมกว่าสภาพความเป็นจริงมาก

ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอจะต้องไปพบคู่หมั้นแล้ว จึงต้องอยู่ในสภาพที่สวยงามที่สุด

ที่จริงแล้ว ฉินฟ่านเออร์เป็นถึงหนึ่งในสามหญิงงามแห่งเมืองหลวง แต่ชื่อเสียงของเธอนั้นโด่งดังกว่าอีกสองคนมาก เพราะเธอมีครบทั้งรูปโฉมและปัญญา

มีชนชั้นสูงมากมายต่างหมายปองในตัวเธอ หากไม่ใช่เพราะการปกป้องจากพระชายารอง ตัวเธอคงต้องแต่งงานออกไปตั้งแต่อายุสิบสี่ปีแล้ว

แต่ถึงแม้จะถ่วงเวลามาได้จนถึงอายุยี่สิบปี สุดท้ายเธอก็หนีชะตากรรมนี้ไม่พ้น ดังนั้นเธอจึงเป็นฝ่ายขอเลือกคู่ครองให้ตัวเอง

สามีของเธอจะต้องเป็นคนอ่อนแอที่เธอสามารถควบคุมได้ และยังต้องเป็นทายาทสายตรงที่มีสิทธิ์ปกครองเมือง เพื่อเพิ่มอำนาจให้ขุมกำลังของเธอ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่หญิงงามเจ้าปัญญาอย่างเธอเลือกคนไร้ความสามารถอย่างฉินหนานเป็นคู่หมั้น

‘ ฉินหนาน ไม่ว่าตัวตนของคุณจะเป็นใคร แต่ในเมื่อฉันตัดสินใจเลือกแล้ว ก็จะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด ยิ่งคุณแสดงออกถึงความสามารถออกมาเท่าไหร่ มันก็ยิ่งน่าสนใจขึ้นเท่านั้น ’

เวลาปัจจุบันลานกว้างหน้าหอคัมภีร์ลับ

พวกจ้าวเทียนกำลังเผชิญหน้ากับกองกำลังฝ่ายศัตรูนับพัน นอกจากทหารม้ารักษาเมืองแล้ว ส่วนยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ของอีกฝ่ายก็มีถึงหกคน

สามารถพูดได้ว่าปรมาจารย์กว่าครึ่งในเมืองเหล็กดำ ได้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว

ฉินซู่โหวที่เห็นแบบนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ เขาชี้ดาบไปที่พวกเจ้าเทียน แล้วตะโกนออกมาเสียงดัง

“ สังหารพวกมัน! ”

ฆ่า ฆ่า ฆ่า…

กองทัพทหารม้าขู่คำราม พุ่งเข้าใส่พวกจ้าวเทียนอย่างไร้ความเกรงกลัว ส่วนพวกเงาปีศาจก็ได้กระจายตัวออกไป เพื่อหาจังหวะลอบโจมตี

ฟุ่บ!

จ้าวเทียนเหินร่างขึ้นไปเหยียบอยู่บนหลังคาตัวตึกด้านข้าง และก็เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ ปรมาจารย์ฝ่ายศัตรูทุกคนตามเขามาทันที

มองไปทางศัตรูนับพันที่ถามโถมเข้ามาเหมือนทะเลมนุษย์ คังหลินก็ยิ้มเยาะออกมา จากนั้นเขาวาดมือกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

วิ้งงง!

“ ค่ายกลผนึกเจ็ดดารา! ”

บูมมม!

ม่านแสงโปร่งใสปกคลุมทหารทุกคน และกองกำลังเงาปีศาจครึ่งหนึ่งไว้ด้านในเป็นสัญลักษณ์เจ็ดดาวเหนือ

ครืนนนน

ตูมมม!

ความกดดันมหาศาลระเบิดลงมาจากฟ้า ทุกชีวิตที่ตกอยู่ในค่ายกลถูกอัดกระแทกลงไปบนพื้นอย่างแรง ถึงกับได้ยินเสียงกระดูกหักดังออกมาพร้อมกัน ต้องนอนสิ้นสภาพขยับร่างกายไม่ได้ จนกว่าผลของค่ายกลจะหมด

คนพวกนี้เป็นกองกำลังหลักของเมืองเหล็กดำ คังหลินจึงไม่ต้องการฆ่าพวกเขา เพราะหลังจากที่พวกฉินซู่โหวตายไป เขากับจ้าวเทียนจะดูดกลืนคนพวกนี้มาสร้างขุมกำลังของตัวเอง

คังหลินเงยหน้ามองไปยังศัตรูร้อยกว่าคนที่ไม่ได้ถูกผนึกไว้ ด้วยท่าทางหนักใจ

‘ จะชนะหรือพ่ายแพ้…ก็ต้องดูหลังจากนี้ละ น่าเสียดายที่มีเวลาไม่เพียงพอ ไม่อย่างนั้นถ้าฉันทะลวงขอบเขตปรมาจารย์ได้ละก็ ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน