เวลานี้ รอบกายของจ้าวเทียนและคังหลิน เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย นอกจากฉินเซียวเย่และองค์หญิงฉินฟ่านเออร์แล้ว ก็ยังมีผู้มีอำนาจระดับสูงทั้งทางกองทัพและสภาอาวุโส
คนพวกนี้ต่างก็ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ใครแข็งแกร่งกว่าพวกเขาก็ยอมก้มหัวให้คนนั้น
ถึงขนาดที่มีบางคน เมื่อก่อนเคยเป็นลูกน้องคนสนิทของผู้อาวุโสฉินซู่โหว แต่พอฝ่ายของจ้าวเทียนเป็นผู้ได้รับชัยชนะ
พวกเขาก็พร้อมจะถ่มน้ำลายใส่หน้าเจ้านายเก่าตัวเองที่นอนอยู่บนพื้น แล้วกระดิกหางวิ่งเข้าหาพวกจ้าวเทียนทันที
‘ เหอะ…ไอพวกน่ารังเกียจ ’
จ้าวเทียนแค่นเสียงในใจ หากคนพวกนี้เป็นลูกน้องเขา ป่านนี้คงกลายเป็นซากศพนอนอยู่บนพื้นไปแล้ว สิ่งที่จ้าวเทียนเกลียดชังที่สุด ก็คือพวกทรยศหักหลังคนอื่น
เมื่อเห็นแววตาเย็นชาของจ้าวเทียน องค์หญิงฉินฟ่านเออร์ก็เหมือนจะคาดเดาความคิดของเขาออก จึงให้คนรับใช้ขับไล่คนพวกนั้นออกไป
จนเมื่อเห็นว่าเหลือแต่พวกเขาสี่คน เธอก็หันไปพูดกับจ้าวเทียนด้วยรอยยิ้ม
“ ต้องแสดงความยินดีกับผู้อาวุโสฉินหวงด้วย…ตอนนี้คุณได้กลางเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในเมืองเหล็กดำแล้ว ”
จ้าวเทียนที่ได้ฟังก็มีสีหน้าแปลกใจ ตัวเขากลายเป็นผู้อาวุโสไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อจะหันไปถามคังหลิน อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าแสดงท่าทีว่าไม่รู้เรื่องเช่นกัน
ฉินเซียวเย่เห็นท่าทางสนิทสนมของของพวกเขาสองคน ก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
ดูจากความสัมพันธ์ของฉินหวงกับน้องชายเธอ เขาคงไม่มีวันหักหลังตระกูลฉินแน่นอน จากนั้นเธอจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“ ให้ฉันเป็นคนอธิบายเอง…ที่จริงเรื่องนี้อาหนานจะไม่รู้ก็ไม่แปลก เพราะตัวเขายังไม่ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งจากท่านพ่อที ”
“ สภาอาวุโสในเมืองเหล็กดำ จะถูกแบ่งออกเป็นฝ่ายบู้และฝ่ายบุ๋น ตำแหน่งของฝ่ายบู้ได้มาจากการต่อสู้ช่วงชิง ส่วนฝ่ายบุ๋นจะวัดเอาจากผลงานและชื่อเสียง ”
“ ฉินซู่โหวเดิมที ก็ไต่เต้ามาจากกองกำลังเงาปีศาจ จนกระทั่งได้ขึ้นเป็นผู้อาวุโส ตัวเขาจึงถูกจัดอยู่ในฝ่ายบู้ของสภาอาวุโส และแน่นอนว่านายที่เอาชนะฉินซู่โหวได้ และยังมีต้นกำเนิดมาจากกองกำลังเงาปีศาจเช่นกัน ย่อมได้รับตำแหน่งของฉินซู่โหวไปโดยปริยาย ”
“ งั้นตอนนี้…นายก็มีตำแหน่งสูงกว่าฉันแล้วสินะ แล้วยังจะทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันของฉันอยู่รึป่าวล่ะ ” คังหลินหันพูดกับจ้าวเทียนด้วยท่าทีหยอกล้อ
“ นายน้อยก็พูดเกินไป…อดีตเคยเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น เรื่องนี้ไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราเปลี่ยนไปหรอก หึหึ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย
สำหรับพวกเขา ต่อให้ตำแหน่งฮ่องเต้มากองไว้ตรงหน้า ก็ไม่ได้มีค่าอะไรแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาก็เลยทำตัวเหมือนเดิม ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับสิ่งที่ได้ยินมา
ซึ่งการแสดงออกของจ้าวเทียนนั้น ทำให้ฉินเซียวเย่แปลกใจมาก เธอนึกว่าเมื่อเขาได้อำนาจของฉินซู่โหวไป จะปฏิบัติกับคังหลินต่างไปจากเดิมซะอีก
“ จริงสิ…นายจะเข้าไปในหอคัมภีร์ไม่ใช่เหรอ พวกเราไปกันเลยไหม ตอนนี้คงไม่มีใครมาห้ามแล้วละ ” คังหลินหันไปถามจ้าวเทียน ยังไงนี่ก็เป็นจุดประสงค์ของพวกเขาตั้งแต่แรก
“ ก็ดีเหมือนกัน…การต่อสู้เมื่อครู่ ทำให้ฉันรู้สึกว่ากระบวนท่าที่คิดค้นขึ้นมามันยังไม่สมบรูณ์ หากได้ศึกษาแนวคิดใหม่ๆ อาจจะทำให้ตระหนักรู้อะไรขึ้นมาบ้างก็ได้ ” จ้าวเทียนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“ งั้นก็ตกลงตามนี้…พวกเราไปกันเถอะ ” คังหลินพูดจบก็เดินนำไปทันที
“ คุณหนูใหญ่…ฉันฝากคุณพาฉินซู่โหวไปขังเอาไว้ก่อนนะ หลังจากที่ฉันเสร็จธุระจะกลับไปสอบสวนเขาด้วยตัวเอง ” จ้าวเทียนทิ้งคำพูดไว้ ก่อนจะเดินตามคังหลินเข้าหอคัมภีร์ไปพร้อมกัน
สำหรับแหวนมิติของพวกปรมาจารย์ที่ถูกฆ่าตาย จ้าวเทียนได้เก็บรวมรวมเอาไว้หมดแล้ว ส่วนเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวที่เหลือ เขาปล่อยให้ตระกูลฉินจัดการได้เต็มที่
ยิ่งตระกูลฉินเติบโตขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเท่านั้น
หลังจากที่จ้าวเทียนโค่นผู้อาวุโสฉินซู่โหวลงได้ ตระกูลฉินก็กลายเป็นผู้ปกครองเพียงหนึ่งเดียวของเมืองเหล็กดำ สิ่งนี้ทำให้ท่านผู้นำตระกูลฉินกวงลี่ รู้สึกดีใจมาก
“ งั้นเหรอ…ถูกทำลายหมดแล้วสินะ ” ฉินป๋ออวิ๋นพูดออกมาเบาๆ สายตายของเขาเหมือนกับมองไปทางองค์หญิงฉินฟ่านเออร์แบบไม่ตั้งใจ
คงเป็นเรื่องบังเอิญ ที่อีกฝ่ายเองก็มองมาทางนี้เช่นกัน หลังจากที่สบตากันอยู่ครู่หนึ่ง องค์หญิงฉินฟ่านเออร์ก็พยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะพาคนของเธอกลับไป
‘ ต้องเป็นฝีมือของเธอแน่นอน…สติปัญญาของเด็กสาวคนนี้ ช่างสมกับคำล่ำลือจริงๆ ’
เมื่อรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนของราชวงศ์ ฉินป๋ออวิ๋นจึงหันไปสั่งลูกชายด้วยสีหน้าจริงจัง
“ ห้ามตรวจสอบฉินหวงอีก…จำไว้ หลังจากที่ฉันตายไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตระกูลฉินจะต้องยืนอยู่ข้างเดียวกับเขา ”
“ พ่อ…อายุขัยของคุณ ” ฉินกวงลี่ถามเสียงเบาด้วยใบหน้าซีดขาว แม้ว่าจะทำใจกับเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงถึงจริงๆ เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้ใจแข็งอย่างที่คิด
“ วันนี้ตอนที่ฉันใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ เส้นลมปราณทั่วร่างกายมันก็แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้พลังของฉันเหลือไม่ถึงสองส่วนด้วยซ้ำ ”
“ ดูแล้ว…คงอีกประมาณสามวัน ก่อนที่ฉันจะจบชีวิตลง ” ฉินป๋ออวิ๋นพูดด้วยท่าทีไม่ใส่ใจนัก เหมือนกับว่าคนที่กำลังจะตายไม่ใช่ตัวเขา
“ แค่…สามวันงั้นเหรอ ” ฉินกวงลี่รู้สึกใจหาย นี่มันรวดเร็วจนเกินไป ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าพ่อยังอยู่ได้อีกเป็นเดือน
“ เรื่องเดียวที่ฉันกังวล…ก็คือองค์หญิงฉินฟ่านเออร์ เพราะตอนนี้พวกเราได้ถูกม้วนดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของขุมกำลังเธอแล้ว ”
“ ถ้าผลสุดท้าย…องค์ชายฉินอู่ฮั่นได้ชัยชนะในศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทก็ดีไป แต่ถ้าเขาพ่ายแพ้ ฉันกลัวว่าองค์หญิงฉินฟ่านเออร์จะทำอะไรที่บ้าคลั่งขึ้นมา ”
“ อะไรที่บ้าคลั่ง…หรือว่า เธอจะก่อกบฏงั้นเหรอ ” ฉินกวงลี่พูดออกมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว เรื่องนี้มีโทษประหารเก้าชั่วโครต
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆตระกูลเขาคงต้องตายกันหมด…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...