จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 207

สำนักซงซานแห่งห้าขุนเขากระบี่

ยอดเขาสูงหมื่นเมตร ที่เหมือนกับคมกระบี่แทงทะลุทะเลเมฆขึ้นไปบนสวรรค์ เป็นสถานที่ตั้งของสำนักซงซาน ซึ่งเป็นสำนักระดับกลางในสมาพันธ์บู๊ลิ้ม

สำหรับเกณฑ์ที่สมาพันธ์บู๊ลิ้ม ใช้ในการแบ่งแยกระดับของสำนักโบราณ ได้ถูกกำหนดไว้ดังนี้

อันดับแรก สำนักหรือนิกายขนาดใหญ่ จะต้องมีเจ้าสำนักและผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภา อีกทั้งยังต้องมีผู้อาวุโสเซียนขั้นสูงสุดตั้งแต่สิบคนขึ้นไป

อันดับรองลงมา สำนักหรือนิกายขนาดกลาง จะต้องมีเจ้าสำนักและผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นสูงสุด อีกทั้งยังต้องมีผู้อาวุโสเซียนขั้นสูงตั้งแต่สามคนขึ้นไป

อันดับท้ายสุด สำนักหรือนิกายขนาดเล็ก จะต้องมีเจ้าสำนักหรือผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นสูง อีกทั้งยังต้องมีผู้อาวุโสเซียนขั้นกลางตั้งแต่สามคนขึ้นไป

ด้วยข้อกำหนดที่สูงมาก ทำให้มีสำนักระดับต่ำที่มีเซียนอยู่เพียงไม่กี่คน ได้ถูกสำนักที่ใหญ่กว่า ดูดกลืนเข้าไปภายในเวลาไม่นานหลังจากมาถึงโลกหมิงหลง

ภายในตำหนักเจ้าสำนักซงซาน เวลานี้ได้มีการประชุมครั้งสำคัญที่จะตัดสินทิศทางในอนาคตของพวกเขาทั้งหมด เก้าอี้ประจำตำแหน่งผู้อาวุโสระดับสูงมีคนนั่งอยู่จนเกือบเต็ม ขาดไปเพียงสี่ที่เท่านั้น

ซึ่งสองที่แรกเป็นของผู้อาวุโสสองคนที่ออกไปทำภารกิจในโลกภายนอก แล้วถูกจ้าวเทียนสังหาร ส่วนสองที่สุดท้าย เป็นของผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำภารกิจที่เมืองเหล็กดำ

“ ถึงตอนนี้…ประกาศิตล่าสังหารได้ถูกใช้มาเป็นเวลาถึงห้าวันแล้ว แต่สายลับของพวกเรายังค้นหาชายคนนั้นไม่พบเลย ” จ้อเซียงหยุนพูดออกมาด้วยแววตากังวล

เขาเป็นเจ้าสำนักซงซานคนปัจจุบัน และเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมในการลอบโจมตี ท่านตาของจ้าวเทียนเมื่อแปดปีก่อน

แม้ว่าหัวเรือใหญ่ในการวางแผนทั้งหมด จะเป็นรองเจ้าสำนักหัวซานโจวจือหยวน แต่อีกสี่สำนักที่เหลือต่างก็มีส่วนร่วมทั้งสิ้น

“ ท่านเจ้าสำนัก…ช่วงนี้ทางสมาพันธ์บู๊ลิ้มมีคำสั่งใหม่ออกมาหรือเปล่า พวกเราไม่สามารถปล่อยให้จ้าวเทียนรักษาอาการบาดเจ็บได้เด็ดขาด ”

“ แม้แต่ค่ายกลเก้าอิมของสำนักง้อไบ๊ยังขัดขวางเขาไม่ได้ หากเขาหายดี ไม่แน่ว่าสถานที่แรกที่จ้าวเทียนจะมาเยือนก็คือห้าขุนเขากระบี่ของพวกเรา ”

คำพูดของผู้อาวุโสคนนี้ทำให้สถานที่ประชุมเงียบลงทันที ความหวาดกลัวได้เข้าเกาะกุมหัวใจของพวกเขาทุกคน

“ ฉันมีข้อเสนอ…ท่านเจ้าสำนักต้องเรียกร้อง ให้ห้าขุนเขากระบี่รวมตัวกัน เพื่อบุกสำนักคุนหลุน เราต้องจับตัวแม่ของจ้าวเทียนไว้ แล้วบีบให้เขาออกมาหาที่ตายด้วยตัวเอง ”

“ ฉันเชื่อว่าด้วยนิสัยของจ้าวเทียน ไม่มีทางปล่อยให้แม่ของเขาเป็นอันตรายแน่นอน ”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งเสนอความคิดขึ้น แต่ก็มีอีกเสียงแย้งออกมาทันที

“ เราทำแบบนั้นไม่ได้…เรื่องนี้มันจะผิดกฎของสมาพันธ์บู๊ลิ้มอย่างร้ายแรง สำนักของเราที่เป็นผู้ริเริ่มจะถูกลงโทษสถานหนัก ”

“ แม้แต่ประกาศิตล่าสังหารยังจัดการจ้าวเทียนไม่ได้ คุณคิดว่าสมาพันธ์จะมาสนใจเรื่องแค่นี้หรือ เชื่อฉันเถอะ เมื่อใดที่เราสังหารเขาได้ นอกจากจะไม่ถูกลงโทษแล้ว ยังจะได้รับรางวัลแน่นอน ” ผู้อาวุโสคนเดิมพูดสนับสนุนความคิดตัวเองด้วยสีหน้ามั่นใจ

ทำให้ผู้อาวุโสที่พูดแย้งในตอนแรกเงียบไปทันที ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ตัวเขาเองก็เริ่มคล้อยตามข้อเสนอนี้เช่นกัน

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเสนอความคิดอื่น เจ้าสำนักจึงพูดคำตัดสินออกมา

“ พรุ่งนี้สำนักหัวซาน…จะมีงานชุมนุมกระบี่เกิดขึ้นที่ผากระบี่ ทุกสำนักแห่งห้าขุนเขากระบี่ล้วนพาคนไปเข้าร่วม พวกเราจะใช้โอกาสหลังงานชุมนุมกระบี่จบลง ”

“ สร้างเขตอาคมเคลื่อนย้าย แล้วพาทุกสำนักเข้าโจมตีสำนักคุนหลุนโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว นี่เป็นการป้องกันพวกสายลับที่แฝงตัวอยู่ นำข่าวไปบอกอีกฝ่าย ”

“ ด้วยวิธีนี้…มันจะช่วยลดความยุ่งยากไปได้มาก กว่าทางสมาพันธ์บู๊ลิ้มจะรู้ตัวแล้วสั่งการอะไรออกมา พวกเราก็คงทำสำเร็จแล้ว ”

เมื่อได้ฟังแผนการนี้ทำให้สีหน้าของทุกคนดีขึ้นกว่าเดิมมาก พวกเขารู้ดีว่าเจ้าสำนักได้วางแผนนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ไม่ได้บอกออกมา

ส่วนสาเหตุที่จัดการประชุมนี้ขึ้น ก็เพื่อป้องกัน หากว่าแผนการเกิดความผิดพลาด ตัวเจ้าสำนักจะได้ชี้แจงทุกคนได้ว่า เป็นแผนการที่ผู้อาวุโสทุกคนเห็นชอบแล้ว นี่เป็นการปกป้องตัวเองของผู้มีอำนาจทุกคน

เมื่อเห็นว่าคนอื่นออกไปหมดแล้ว จ้อเซียงหยุนก็หันไปถามรองเจ้าสำนักด้วยสีหน้าจริงจัง

“ ทีนี้ก็บอกความจริงมาได้แล้ว…ที่เมืองเหล็กดำมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ”

“ พูดออกไป คุณอาจจะไม่เชื่อ เพราะแม้แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่เชื่อเช่นกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉันไม่กล้าบอกความจริงออกไป ให้คนอื่นเสียขวัญ ”

“ สายลับของเรารายงานมาว่า…ผู้อาวุโสขอบเขตเซียนทั้งสองคน ถูกปรมาจารย์ขั้นกลางที่ชื่อว่าฉินหวงสังหารทิ้งไปแล้ว ”

!!

“ เป็นไปไม่ได้…ไม่มีทางที่ปรมาจารย์จะเอาชนะเซียนขั้นกลางได้ ” จ้อเซียงหยุนพูดออกมาทันทีด้วยความมั่นใจ

“ ฉันก็คิดแบบนี้…เลยไม่พูดออกไปในตอนแรก ” รองเจ้าสำนักถอนหายใจเบาๆด้วยความอ่อนใจ

“ คุณไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียด…ตามความคิดฉัน มันอาจเป็นฝีมือของพรรคกระยาจก ยังไงขอทานพวกนั้นก็ชอบเข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว ราชวงศ์ฉินเองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาอยู่ด้วย ” จ้อเซียงหยุนพูดออกมาตามความคิดของตัวเอง

รองเจ้าสำนักที่ได้ยินก็พยักหน้าเห็นด้วย หลังจากที่ปรึกษากันต่ออีกครู่หนึ่ง พวกเขาก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง

ตำหนักเจ้าเมืองตระกูลฉิน

ผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วโมงหลังการต่อสู้ สมาชิกตระกูลฉินได้มารวมตัวกัน ด้วยความโศกเศร้าเสียใจต่อการจากไปของอดีตผู้นำตระกูล ฉินป๋ออวิ๋น

ชายชราคนนี้ ได้ยืนดูการต่อสู้ชี้ชะตาของตระกูลฉินตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งเมื่อกระบี่บินของจ้าวเทียนตัดศีรษะศัตรูได้ ลมหายใจสุดท้ายของฉินป๋ออวิ๋น ที่ฝืนรั้งเอาไว้ก็หมดลง

เขาจากไป ด้วยรอยยิ้มที่โล่งใจ เพราะความแข็งแกร่งที่จ้าวเทียนแสดงออกมาทำให้ชายชราคนนี้เชื่อมั่น ในอนาคตของตระกูลฉินในวันข้างหน้า มันจะต้องเจริญรุ่งเรืองกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน