พิธีศพในโลกหมิงหลงนั้นแตกต่างจากโลกภายนอก ผู้คนที่นี่เชื่อว่าผู้ตายควรได้พักอย่างสงบโดยเร็วที่สุด จึงไม่ได้มีการจัดงานใหญ่โตหลายวัน พิธีการทุกอย่างจึงเสร็จสิ้นในสามชั่วโมง
ตอนนี้ร่างของอดีตผู้นำตระกูลฉินได้รับการบรรจุในโลงไม้ล้ำค่า เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่สุสานบรรพชนในวันรุ่งขึ้น ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ถูกจัดการโดยฉินกวงลี่และคังหลินอย่างรวดเร็ว ตามแผนการที่พวกเขาตกลงกันไว้ก่อน
ตอนนี้ตระกูลฉินแทบจะไม่มีเวลาเหลือแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าความลับเรื่องเหมืองหินวิญญาณระดับสูง จะถูกสมาพันธ์บู๊ลิ้มล่วงรู้เข้าตอนไหน
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะนำหินวิญญาณระดับสูงออกมาสร้างเป็นค่ายกลระดับสูง ป้องกันเมืองเหล็กดำจากสงครามที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ตำหนักผู้บัญชาการเงาปีศาจ เมืองเหล็กดำ
เพราะเพิ่งผ่านการเปลี่ยนถ่ายอำนาจมาได้ไม่กี่วัน และยังเกิดการต่อสู้ดุเดือดกับเซียนของสำนักซงซาน ทำให้จำนวนของกองกำลังเงาปีศาจทั้งหมดลดลงไปเกินครึ่ง จากที่เคยมีถึงหนึ่งพันคนเหลือเพียงสามร้อยคนเท่านั้น
และตอนนี้ ผู้ที่ได้ควบคุมกองกำลังนี้อยู่ก็คือองค์หญิงฉินฟ่านเออร์ เธอได้ใช้อำนาจของราชวงศ์ในการดูแลสถานที่แห่งนี้ จนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้บัญชาการคนใหม่
สำหรับระบบการปกครองของแคว้นต้าฉินนั้น เชื้อพระวงศ์ในตระกูลของฮ่องเต้ มีอำนาจเหนือกว่าตระกูลฉินที่เป็นผู้ปกครองเมืองเหล็กดำมาก แม้ทั้งสองฝ่ายจะใช้แซ่เดียวกันก็ตาม
“ องค์หญิงมีธุระอะไรกับฉันงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่ได้สนใจฐานะขององค์หญิงเลยซักนิด
ก่อนหน้านี้เขากำลังจะหลอมโอสถเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ แต่กลับถูกองค์หญิงเรียกตัวมาที่นี่เสียก่อน จึงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
ตอนนี้จ้าวเทียนอยู่ภายในห้องทำงานของผู้บัญชาการเงาปีศาจ ที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามเขาคือองค์หญิงฉินฟ่านเออร์และผู้คุ้มกันส่วนตัวฟางหยวน
สำหรับท่าทีไร้ความเคารพของจ้าวเทียน ฟางหยวนเพียงแค่นเสียงออกมาเบาๆด้วยความไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายมันเหนือกว่าเขาไปไกลมาก
“ ฉันเพียงต้องการพบยอดฝีมือผู้สูงส่งอย่างผู้อาวุโส และมีบางอย่างอยากมอบให้ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยชีวิตของพวกเราเอาไว้ ” องค์หญิงฉินฟ่านเออร์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ เธอไม่ได้สนใจท่าทีไร้มารยาทของจ้าวเทียนเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เห็นองค์หญิงฉินฟ่านเออร์พยักหน้าให้ ฟางหยวนก็ถอนหายใจยาว แล้วหยิบกล่องหยกขนาดใหญ่ออกมาจากแหวนมิติ
จากนั้นเขาก็นำมันไปวางไว้ตรงหน้าจ้าวเทียน แล้วเปิดฝาออก
วูป!
กลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพรล้ำค่าระดับสูงฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง
!!
นี่มัน…
“บัวมรกต…และหญ้าเซียนน้ำค้าง ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยแววตาเป็นประกาย ทั้งสองสิ่งนี้ เป็นของที่เขากำลังต้องการอยู่พอดี
หากได้พวกมันมา เขาจะสามารถหลอมโอสถฟื้นฟูเมล็ดพันธุ์เซียนได้ มันจะทำให้ตัวเขาหายดีภายในสามวัน
“ ใช่แล้ว…เป็นบัวมรกตกับหญ้าเซียนน้ำค้างจริงๆ ฉันรู้มาว่า ฉินหนานกำลังตามหาของพวกนี้ให้กับผู้อาวุโสอยู่ ก็เลยถือวิสาสะจัดหามาให้โดยที่ไม่ได้ถามก่อน ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ” องค์หญิงฉินฟ่านเออร์พูดด้วยท่าทีมีมารยาท เพื่อให้จ้าวเทียนไม่รู้สึกลำบากใจเวลารับของจากเธอ
“ บอกจุดประสงค์ของเธอมาเถอะ…มูลค่าของสมุนไพรล้ำค่าสองอย่างนี้ เทียบเท่าหินวิญญาณระดับกลางหลายร้อยก้อน ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะมอบให้เปล่าๆ ” จ้าวเทียนถามออกมาด้วยแววตาจริงจัง
‘ ผู้หญิงคนนี้…คงส่งคนไปตรวจสอบข้อมูลของฉันมาหมดแล้ว อาจรวมไปถึงเรื่องตัวตนของฉันด้วยเหมือนกัน ’
คำพูดของจ้าวเทียนนั้นสื่อความหมายชัดเจนมาก ประมาณว่ามีอะไรก็ให้พูดกันตรงๆอย่ามัวเสียเวลาอ้อมค้อมอยู่เลย ซึ่งฉินฟ่านเออร์เองก็ดูออก เธอจึงเริ่มพูดเข้าเรื่องตรงๆ
“ ถ้าคุณต้องการแบบนั้น…ฉันก็จะพูดกับคุณตรงๆเลยแล้วกัน ก่อนอื่นเลย ตัวจริงของคุณไม่ใช่ฉินหวง และเหตุผลที่ฉินหนานเปลี่ยนไป ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของคุณ ”
“ ทั้งค่ายกล และเคล็ดวิชาระดับสูงพวกนั้น ไม่ใช่สิ่งที่สามารถพบได้ในเมืองเล็กๆแห่งนี้ แม้แต่สำนักเซียนเองก็อาจจะไม่มีเช่นกัน ดังนั้นมันต้องเป็นคุณที่เป็นคนสอนให้กับฉินหนาน ”
“ ยิ่งเมื่อรวมกับความแข็งแกร่งที่คุณแสดงออกมาในวันนี้ ปรมาจารย์ที่สามารถสังหารเซียนได้ในพริบตา มันไม่เคยมีมาก่อน การจะทำแบบนั้นได้ มีข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียว”
“ แท้จริงแล้วคุณไม่ใช่ปรมาจารย์ แต่เป็นเซียนระดับสูงที่ได้รับบาดเจ็บ จนใช้พลังเซียนของตัวเองไม่ได้ ”
“ เพื่อยืนยันความคิดนี้ ฉันจึงได้ตรวจสอบสมุนไพรทั้งหมดที่พวกคุณได้ซื้อไป ทำให้รู้ว่ามันใช้หลอมโอสถฟื้นฟูระดับสูง ตามที่คิดเอาไว้จริงๆ ”
“ จากนั้นฉันก็ลองตรวจสอบดู ในช่วงเวลาไม่กี่วันมานี้ ว่ามีเหตุการณ์อะไรบ้างที่ทำให้เซียนระดับสูงได้รับบาดเจ็บสาหัส จนต้องปลอมตัวแล้วหลบซ่อนกายเอาไว้ ”
“ ซึ่งคำตอบก็มีเพียงอย่างเดียว… ผู้อาวุโส คุณคือยอดฝีมือจากโลกภายนอก ที่บีบให้สมาพันธ์บู๊ลิ้มต้องใช้ ประกาศิตล่าสังหาร นั่นเอง ” องค์หญิงฉินฟ่านเออร์พูดออกมาด้วยความมั่นใจ ในการวิเคราะห์ของตัวเอง
จ้าวเทียนฟังจบ แล้วก็ถอนหายใจยาว เขาถอดหน้ากากออกวางไว้บนโต๊ะ เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา ซึ่งนั่นทำให้องค์หญิงตกใจมาก เธอไม่คิดว่าจ้าวเทียนจะเป็นชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ
“ เอาล่ะ…บอกสิ่งที่เธอต้องการมาได้แล้ว ” จ้าวเทียนถามย้ำอีกครั้ง
“ ร่วมมือกับฉัน…ช่วยให้น้องชายของฉันได้เป็นฮ่องเต้ แล้วคุณจะได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ คุณก็น่าจะเห็นแล้ว สิ่งที่ฉินหนานหาให้คุณไม่ได้ ฉันสามารถมอบมันให้คุณได้อย่างง่ายดาย ”
“ ฉันไม่รู้ว่า…ฉินหนานเสนออะไรให้คุณ ถึงทำให้คุณยอมช่วยเขาขนาดนี้ แต่ฉันสามารถบอกคุณได้ว่า ผลประโยชน์อะไรก็ตามที่เขาเสนอให้คุณ ฉันสามารถให้ได้มากกว่าแน่นอน ”
เมื่อองค์หญิงฉินฟ่านเออร์พูดจบ เธอก็มองไปที่จ้าวเทียนด้วยแววตามั่นใจ เพื่อรอให้เขาตอบตกลง นี่เป็นสิ่งที่เธอมั่นใจที่สุด
เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหน การร่วมมือกับองค์หญิงแคว้นต้าฉินอย่างเธอ ย่อมดีกว่าลูกชายเจ้าเมืองเล็กๆอยู่แล้ว
หมับ!
สิ้นเสียง จ้าวเทียนก็จับลำคอของฉินฟ่านเออร์ยกขึ้นสูงจากพื้น จนเธอแทบจะหายใจไม่ออก
“ ปล่อยองค์หญิงเดี๋ยวนี้ ” ฟางหยวนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เขาพุ่งเข้าใส่จ้าวเทียนทันที
เปรี้ยง! ตูม!
จ้าวเทียนเรียกกระบี่ออกมา แล้วใช้ส่วนที่เป็นฝักกระบี่ ตบฟาดไปที่สันคอของฟางหยวน จนเขาหมดสติไป
จากนั้นจ้าวเทียนก็หันมาจ้องตาฉินฟ่านเออร์ เหมือนต้องการจะดูการเตรียมใจของเธอ ว่าพร้อมที่จะตายจริงไหม
จนเมื่อเห็นแววตาที่ไม่สั่นคลอน เขาจึงปล่อยมือออกให้เธอเป็นอิสระ
“ สั่งการด้วยความคิดงั้นเหรอ…ก็เอาสิ รายงานไปเลยว่าฉันอยู่ที่นี่ ” จ้าวเทียนพูดออกมาอย่างไร้กังวล
“ คุณคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ ” ฉินฟ่านเออร์รู้สึกเหมือนโดนดูถูก
“ เธอทำตามสบายเลย…ยังไงซะ ฉันก็แค่ต้องฆ่าคนเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าเธอจะติดต่อไปหาใคร ฉันจะฆ่าให้หมด ”
“ จริงสิ…เริ่มจากน้องชายของเธอก่อนก็แล้วกัน หลังจากนั้นก็เป็นผู้คุ้มกันของเธอ ส่วนตัวเธอเป็นอันดับสุดท้ายดีไหม ” จ้าวเทียนพูดเสียงเย็นชา ขณะเดียวกัน ก็ปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างไม่ปิดบัง
ตอนนี้ฉินฟ่านเออร์ใบหน้าซีดขาวไปแล้ว น้องชายเป็นจุดอ่อนที่สุดของเธอ ตัวเธอยอมตายได้เพื่อเขา แต่มีเพียงเขาเท่านั้น ที่เธอจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำอะไรเด็ดขาด
“ ถ้าฉันปล่อยข้อมูลออกไป…คุณไม่กลัวสำนักเซียนจะบุกมาหาเหรอ ” ฉินฟ่านเออร์ถามเสียงเบา
เมื่อได้ยินแบบนั้น จ้าวเทียนก็พูดขึ้นอย่างถือดี
“ เธอรู้ไหม…เซียนจากสมาพันธ์บู๊ลิ้มที่ฉันฆ่าไปทั้งหมด มีมากกว่าห้าสิบคนไปแล้ว แถมส่วนใหญ่ยังเป็นระดับรองเจ้าสำนัก หรือผู้อาวุโสระดับสูงอีกด้วย ”
“ เมื่ออาการบาดเจ็บของฉันหายดี…คนที่ต้องกลัว ก็คือพวกมันต่างหาก ”
“ ฉัน…ฉันยอมรับผิดทุกอย่าง คุณจะทำยังไงกับฉันก็ได้ แต่ได้โปรดปล่อยน้องชายของฉันไป ” ฉินฟ่านเออร์พูดออกมาด้วยความสิ้นหวัง เธอวางป้ายสื่อสารลงบนพื้น เหมือนเป็นการยอมแพ้
จ้าวเทียนไม่ได้ตอบฉินฟ่านเออร์ แต่เขากลับหันไปมองตรงบานหน้าต่างแทน
“ ศิษย์พี่…คุณดูพอหรือยัง ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...