สิ้นเสียงของจ้าวเทียน เงาร่างสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวคังหลินก็มายืนตรงหน้าจ้าวเทียน แล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“ ฉันนึกว่านายจะเล่นงานเธอหนักกว่านี้ซะอีก…เกิดสงสารชะตาชีวิตของเธอขึ้นมาเหรอ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของคังหลิน จ้าวเทียนก็ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ แล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง
“ เท่านี้ก็พอแล้ว…ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนเลวอย่างที่คิด แม้แต่ในช่วงเวลาความเป็นความตาย ก็ยังเลือกปกป้องน้องชายของตัวเองก่อน ทั้งที่หากเป็นคนอื่นคงรีบขอชีวิตตัวเองเอาตัวรอดแล้ว ”
“ สำหรับฉัน…ตราบใดที่องค์หญิงคนนี้ ยังมีบางสิ่งให้ปกป้องด้วยชีวิต ย่อมไม่ใช่คนเลวร้ายจนเกินไป เราสามารถรับเธอเข้ามาเป็นพวกได้ แต่จำเป็นต้องมีหลักประกันบางอย่างเพื่อไม่ให้เธอทรยศภายหลัง”
“ สำหรับเรื่องนั้น…นายไม่ต้องห่วง ฉันหาทางออกดีๆไว้แล้ว ” คังหลินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขี้เล่น เขาหยิบเอาแผ่นหนังที่เต็มไปด้วยอัครเวทออกมา
“ พันธสัญญาทาส…งั้นเหรอ ทั้งยังเป็นแบบพิเศษที่สามารถควบคุมได้ถึงจิตวิญญาณของอีกฝ่ายอีกด้วย คุณเป็นคนแก้ไขและปรับปรุงมันด้วยตัวเองใช่ไหม ”
“ ศิษย์พี่รอง…ฉันไม่คิดว่าคุณจะมีรสนิยมแบบนี้นะ ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยสีหน้าแปลกๆ
“ นายคิดมากไปแล้ว…ฉันแค่ป้องกันเอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เธอทรยศพวกเราภายหลังเท่านั้น ไม่ได้มีความคิดที่จะกลั่นแกล้งเพื่อเอาคืนเธอแม้แต่นิดเดียว ” คังหลินรีบพูดขึ้นทันที ด้วยน้ำเสียงมั่นคง ไม่สั่นไหวเหมือนคนที่กำลังพยายามแก้ตัว
แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่ารอยยิ้มของเขาดูฝืนๆเล็กน้อย….
“ จ้าวเทียนเรียกฉินหนานว่า…ศิษย์พี่งั้นเหรอ ” ฉินฟ่านเออร์ พึมพำออกมาเบาๆ ตอนนี้เธอเริ่มเชื่อมต่อเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว
‘ แบบนี้แสดงว่าฉินหนานตัวจริงคงตายไปแล้ว…ตอนนี้ร่างของเขาได้ถูกพรรคพวกของจ้าวเทียนอีกคนยึดครองไว้ ทั้งยังได้รับความทรงจำทั้งหมดอีกด้วย ’
‘ ผู้นำตระกูลฉินคนปัจจุบันคงยังไม่รู้เรื่องนี้…ฉันจะใช้เรื่องตัวตนของฉินหนานวางแผนต่อรองกับจ้าวเทียนได้หรือเปล่านะ ’
ในขณะที่เธอกำลังพยายามหาทางรอดให้กับตัวเอง สายตาของเธอก็หันไปเห็นพันธสัญญาทาสในมือคังหลินเข้าพอดี สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสิ้นหวังในพริบตา
‘ มันจบแล้ว…ในพันธสัญญาทาสนั่น นอกจากชื่อของฉันแล้ว ยังมีชื่อของน้องชายฉันอีกด้วย พวกเขาไม่เหลือทางให้ฉันพลิกสถานการณ์ได้เลย ’
คังหลินที่เห็นท่าทีเสียใจขององค์หญิง เขาก็เดินมานั่งลงข้างๆเธอ แล้วเอาแผนหนังพันธสัญญาทาส มาวางเอาไว้ตรงหน้าอีกฝ่าย แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ เธอไม่ต้องทำหน้าเหมือนกำลังจะตายแบบนั้นหรอก บางทีพันธสัญญาทาสนี่ อาจเป็นโชคชั้นใหญ่ของเธอก็ได้ ความหวังของเธอคงอยู่ไม่ไกลอีกต่อไป ”
“ ให้ฉันบอกให้ฟังนะ…ตัวตนที่แท้จริงของพวกฉัน ต่อให้เป็นฮ่องเต้ของแคว้นเธอ ก็ยังไม่มีสิทธิ์เดินถือรองเท้าให้พวกฉันด้วยซ้ำ ระดับมันต่างชั้นกันเกินไป ”
“ จากสถานที่ที่ฉันจากมา แม้แต่พวกเจ้าสำนักใหญ่ทั้งห้าแห่งสมาพันธ์บู๊ลิ้ม ที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงของโลกหมิงหลง ยังมีพลังเทียบเท่ากับพลทหารธรรมดาของบ้านฉันเท่านั้น ”
เมื่อฟังจบ ฉินฟ่านเออร์ก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เรื่องที่คังหลินเล่ามาดูเพ้อเจ้อเป็นอย่างมาก เสียอย่างเดียวที่เธอจับสัมผัสของการโกหกไม่ได้เลย นั่นทำให้ฉินฟ่านเออร์รู้ว่า ที่อีกฝ่ายพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง
“ พวกนาย…ต้องการจะทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องการให้ฉันเข้าร่วม ” ฉินฟ่านเออร์ถามเสียงเครียด ฟังจากที่อีกฝ่ายพูด เหมือนต้องการใช้สถานะของเธอเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง จึงต้องการควบคุมเธอเอาไว้ไม่ให้คิดหักหลัง
พวกนี้คงไม่ใช่คิดจะก่อกบฏใช่ไหม…
“ แผนการของพวกฉัน…ถ้าเธอเข้าร่วมความหวังของเธอจะบรรลุผลแน่นอน แต่ต้องหลังจากเธอกับน้องชายทำพันธสัญญาทาสนี่แล้ว ฉันถึงจะบอกรายละเอียดให้ฟัง ” คังหลินพูดออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย
เขาไม่ได้กดดันฉินฟ่านเออร์อย่างที่เธอคิด เพียงแค่นำแผ่นหนังอันนั้นมาตั้งไว้ตรงหน้าเธอ แล้วรออย่างเงียบๆ ให้เธอตัดสินใจอนาคตของตัวเอง
มองแผ่นหนังพันธสัญญาด้านหน้า ฉินฟ่านเออร์ก็เกิดความคิดขัดแย้งกันในใจอย่างรุนแรง เป้าหมายของเธอคือการโค่นล้มพระชายาหลักแห่งแคว้นต้าฉิน แล้วผลักดันน้องชายของเธอให้เป็นองค์รัชทายาท ซึ่งโอกาสสำเร็จในตอนนี้มันน้อยจนน่าสงสาร
ขุมกำลังฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าเธอมาก ดูจากที่อีกฝ่ายสามารถส่งแม่ทัพใหญ่กับทหารแกร่งผู้เชี่ยวชาญนับร้อย ออกมาลอบสังหารเธอได้ แบบไม่เกรงกลัวสิ่งใด
กองกำลังทหารในเมืองหลวง เข้าร่วมกับฝ่ายพระชายาหลักเกือบหมดแล้ว นี่เป็นเหตุผลที่เธอพาตัวเสี่ยงอันตราย มาหาขุมกำลังจากเมืองชายแดนเหมือนในตอนนี้
‘ ฉันไม่มีอะไรให้เสียอีกแล้ว…หากน้องชายของฉันพ่ายแพ้การชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท สำหรับพวกเราแล้ว ก็คงมีแต่ความตายที่รออยู่ ’
‘ ฝ่ายตรงข้าม ไม่มีทางปล่อยให้มีเสี้ยนหนามหลงเหลืออยู่แน่นอน คงเหมือนอย่างที่เขาบอกจริงๆ พันธสัญญาทาสนี่เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของฉัน ’
เพียงแค่คังหลินดีดนิ้ว แววตาเหม่อลอยขององค์หญิงก็เปลี่ยนเป็นสดใส เธอได้สติขึ้นมาอีกครั้ง
“ นี่ฉัน…เกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันถึงคุกเข่าให้นายท่าน ” ฉินฟ่านเออร์หันไปถามคังหลินด้วยสีหน้ากังวล
จากนั้นก็เหมือนเธอจะรู้สึกตัว ว่าคำที่เธอใช้เรียกคังหลินมันเปลี่ยนไป
“ นายท่านทำอะไรลงไป…ทำไมฉันถึงต้องเรียกนายท่านว่านายท่านตลอดเลย ”
“ มันก็ถูกต้องแล้วนี่…หลังจากนี้เป็นต้นไป เธอจะกลายเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของฉัน ต้องคอยดูแลความเป็นอยู่ให้ฉันทุกอย่าง เข้าใจไหม ” คังหลินพูดออกมาด้วยท่าทางเป็นต่อ
หลังจากนี้ฉินฟ่านเออร์จะต้องเรียกเขาว่านายท่านทุกคำ อีกทั้งยังต้องทำตามคำสั่งของเขาทุกอย่าง หากเขาสั่งให้เธอตาย ตราประทับก็จะควบคุมให้เธอฆ่าตัวตายโดยไม่ลังเล นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก
พันธสัญญาทาสตามปกตินั้น ทำได้เพียงสร้างความเจ็บปวด เมื่อทาสไม่ทำตามคำสั่งเท่านั้น และถ้าทาสคนนั้นแข็งแกร่งกว่าเจ้านายมาก หรือเจ้านายเสียชีวิต ทาสก็สามารถทำลายพันธสัญญาได้ทันที
แตกต่างกับพันธสัญญาทาสแบบพิเศษ ที่คังหลินดัดแปลงขึ้น มันสามารถควบคุมจิตใจของทาสได้อย่างสมบูรณ์ ต่อให้ภายหลังทาสจะมีพลังสูงกว่าเจ้านาย ก็ไม่อาจกลายเป็นอิสระได้ ยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือเจ้านายเป็นผู้ปลดปล่อยเอง
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ถ้าเจ้านายเสียชีวิตในระหว่างที่พันธสัญญายังมีผลอยู่ ทาสก็จะถูกตราประทับที่อยู่ในตัวทำลายดวงวิญญาณทันที
เท่ากับว่า ชีวิตหลังจากนี้ของฉินฟ่านเออร์ได้ถูกผูกติดไว้กับคังหลินไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับเรื่องนี้จ้าวเทียนไม่ได้เข้าไปยุ่งมากนัก ศิษย์พี่ของเขาเป็นคนจิตใจดี คงไม่ทำเรื่องเลวร้ายกับองค์หญิงแน่นอน
ในตอนนี้พวกเขาจำเป็นต้องรวบรวมพันธมิตรที่ไว้ใจได้จากทั้งห้าแคว้น เพื่อสร้างเป็นเครือข่ายองค์กรใต้ดินขนาดใหญ่
พวกเขาได้กำหนดเป้าหมายต่อไปไว้แล้ว…
จ้าวเทียนคิดว่า พวกสำนักโบราณควรออกไปสู่โลกภายนอก ไม่ควรจะมาหลบซ่อนอยู่ในที่ปลอดภัย แล้วเอาแต่วางแผนการไร้สาระไปวันๆแบบนี้
‘ ถ้าในอนาคต…ตัวฉันและทุกคนเดินทางขึ้นแดนสวรรค์ไป ในประเทศจีนก็คงไม่มีใครสามารถควบคุมพวกสำนักโบราณได้อีก ’
‘ เพราะฉะนั้น…ฉันต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยในตอนที่ยังอยู่บนโลก ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...