จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 224

ในเวลาเดียวกัน ทางฝั่งของกงหมิงยู่เมื่อเห็นว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น ก็ได้พาคนของเธอถอยหลบออกมา แม้จะไม่รู้ว่าชายสวมหน้ากากเป็นใคร

แต่ดูจากการที่เขาสามารถตัดแขนเซียนสำนักหัวซานได้ในกระบวนท่าเดียว ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

แต่ถึงแม้เป็นแบบนั้น ก็ต้องไม่ลืมว่าเซียนคนนั้นเป็นเพียงเซียนระดับต่ำ และการลอบโจมตีของเขา ก็มีจุดประสงค์เพียงต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของจ้าวเทียน เพื่อช่วยคนเท่านั้น เขาไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่

นี่จึงเป็นเหตุผลที่กงหมิงยู่ มองว่าพลังฝีมือที่แท้จริงของจ้าวเทียน น่าจะเทียบเท่ากับเซียนระดับต่ำ ซึ่งนี่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้วสำหรับคนบนโลกหมิงหลง

‘ ถึงแม้เขาจะเก่งแค่ไหน…แต่ก็ไม่มีทางที่ปรมาจารย์ขั้นกลางจะรับมือกับเซียนสามคนได้หรอก แถมหนึ่งในนั้นยังมีเซียนขั้นกลางอยู่ด้วย ’

สิ่งที่กงหมิงยู่กำลังคิดอยู่ มันก็ตรงกับความคิดของใครหลายๆคน ทำให้พวกเขาอดที่จะส่ายหน้าด้วยความเสียใจไม่ได้ ที่ผู้มีพรสวรรค์ระดับนี้อาจจะต้องจบชีวิตลงต่อหน้าพวกเขา

‘ ทำไมฉันไม่รู้สึกว่าเขาจะแพ้เลยนะ ’

กงเสี่ยวเหมยคิดขึ้นด้วยความแปลกใจ ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดความเชื่อมั่นแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ทั้งที่เพิ่งจะเจอกันเป็นครั้งแรก

“ พวกนายสองคน คอยปิดทางหนีของมันเอาไว้ก็พอ ” โจวซีห่าว ยังไม่อยากลดศักดิ์ศรีของตัวเอง ด้วยการให้เซียนสามคนรุมสังหารปรมาจารย์เพียงคนเดียว

“ รับทราบ ”

เซียนทั้งสองคน บินแยกออกไปด้านข้างและด้านหลังของจ้าวเทียน เพื่อคอยคุมเชิงเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายหนีรอด

“ วางแผนกันเสร็จรึยังล่ะ…ฉันรอจนเบื่อแล้ว” จ้าวเทียนพูดออกมาแบบไม่ใส่ใจนัก แม้จะรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้างเพราะผ่านการต่อสู้มาตั้งแต่เช้า แต่เขาก็ยังมีความมั่นใจว่าจะจบการต่อสู้ได้ในเวลาไม่นาน

‘ ตอนนี้พลังของฉันเหลือเพียงแค่ห้าส่วน…คงต้องใช้กระบี่บินจัดการอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด จะได้เหลือพลังพอเข้าร่วมงานประลองกระบี่ได้ ’

“ รู้สึกว่าแกจะรีบตายจังเลยนะ…ก็ดี เพราะฉันก็ไม่อยากเสียเวลาเหมือนกัน ” โจวซีห่าวพูดเสียงเย็นชา เขาตัดสินใจทุ่มพลังทั้งหมดในการโจมตีครั้งเดียว เพราะไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น

แม้ว่าเขาจะพูดจาดูถูกจ้าวเทียน แต่ภายในใจก็ไม่คิดประมาทแม้แต่น้อย ความสามารถในการต่อสู้ข้ามชั้นของอีกฝ่ายมันน่ากลัวเกินไป

คนแบบนี้หากไม่ใช่พวกเดียวกัน ก็ต้องรีบกำจัดให้หายไปจากโลกนี้ซะ อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาเติบโต จะได้ไม่มาเป็นเสี้ยนหนามในวันข้างหน้า

“ พลังเซียนรัศมีม่วง! ”

ครืนน!

ร่างของโจวซีห่าวลอยขึ้นบนฟ้า ใบหน้าของเขาเปล่งประกายสีม่วงจางๆ กระแสพลังอันอ่อนนุ่มดุจปุยเมฆ แต่แฝงพลังหยุ่นเหนียว เข้าปกคลุมจ้าวเทียนเอาไว้

นี่คือเคล็ดวิชาสูงสุดอันดับหนึ่งของสำนักหัวซาน ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วยุทธภพในอดีต

แม้ว่าภายหลังจะมีการคิดค้นเคล็ดวิชาเก้ากระบี่เดียวดายออกมา ทำให้เคล็ดวิชานี้ตกลงมาอยู่ในอันดับสอง

ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ทุกคนก็ยังคงหมายมั่นที่จะฝึกฝนวิชานี้ แต่ก็น่าเสียดายที่พวกเขาต้องผิดหวังเพราะมันจะถูกถ่ายทอดให้กับศิษย์ผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักเท่านั้น

ครืนนน!

ตอนนี้จ้าวเทียน เหมือนตกอยู่ในอาณาเขตทะเลเมฆสีม่วง เขารู้สึกว่าความสามารถในการต่อสู้ของตัวเองลดลงไปสามส่วน เหมือนถูกพลังงานบางอย่างฉุดรั้งเอาไว้

นอกจากนี้ มันยังจะทำให้สิ้นเปลืองพลังมากขึ้นตอนที่ใช้เคล็ดวิชา สำหรับจ้าวเทียนที่ต้องการจะออมแรงเอาไว้ นี่ถือเป็นสถานการณ์ยากลำบากจริงๆ

‘ ในเมื่อมันยุ่งยาก…ก็กำจัดมันทิ้งไปก็แล้วกัน ’

วูป!

จ้าวเทียนปลดปล่อยเจตจำนงกระบี่ออกมาจากร่าง สลายพลังของอีกฝ่ายออกทันที ทำให้อาณาเขตหนึ่งเมตรรอบตัวจ้าวเทียน ปราศจากพลังของอีกฝ่าย

“ สลายพลังของฉันได้งั้นเหรอ…ฉันคงประเมินแกต่ำไปสินะ แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ฉันอยากฆ่าแกมากขึ้น ” พูดจบโจวซีห่าวก็ระเบิดพลังเซียนออกมา

บูมม! โครมมม!

อาณาเขตทะเลเมฆสีม่วงเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดดุดัน พลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัวโถมเข้าใส่จ้าวเทียนจากทุกทิศทาง อย่างมืดฟ้ามัวดิน

ในขณะที่ เจตจำนงกระบี่ของจ้าวเทียนถูกผลักดันกลับมาจนเหลือรัศมีไม่ถึงครึ่งเมตรนั้นเอง โจวซีห่าวก็พุ่งทะยานลงมาจากท้องฟ้า

“ รุ้งขาวทะลวงตะวัน ”

ฉัวะๆๆๆๆ

รังสีกระบี่สีม่วงเจ็ดสาย แฝงพลังอันเกรี้ยวกราดดุดัน พุ่งทะลวงเข้าใส่จ้าวเทียนจากหลายทิศทาง มันเป็นเคล็ดวิชาที่จ้าวเทียนเคยเผชิญหน้ามาหลายครั้ง

แต่ครั้งนี้เมื่อมันได้ถูกใช้ออกมาด้วยพลังเซียนรัศมีม่วง จ้าวเทียนก็รู้สึกว่ามันน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

“ แบบนี้ ค่อยน่าสนใจหน่อย ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม อย่างน้อยอีกฝ่ายก็กระตุ้นให้เขารู้สึกกดดันได้บ้าง แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

“ เจตน์แห่งกระบี่! ”

กระบี่ได้ลอยออกจากมือของจ้าวเทียนด้วยตัวมันเอง และประสานเป็นหนึ่งเดียวกับเจตจำนงของเขา

วิ้งงง! เฟรี้ยววว!

เส้นลำแสงสีขาวพุ่งออกไปด้วยความเร็วเหนือขีดจำกัด มันฉีกกระชากคลื่นพลังสีม่วงที่กดทับจ้าวเทียนอยู่จนสลายไปในพริบตา

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆ

จากนั้นก็ทะลวงรังสีกระบี่เจ็ดสายจนกระจุย แล้วพุ่งเข้าไปจ่ออยู่ที่กลางหน้าผากของโจวซีห่าว แต่ก็ถูกเขาชักกระบี่มารับเอาไว้ได้ทันด้วยความทุลักทุเล

แกร้ง!ๆๆๆๆ

เกิดการปะทะกันอย่างถี่ยิบ โจวซีห่าวยิ่งสู้ก็ยิ่งรู้สึกกินแรง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาวด้วยความหวาดกลัว เขาเริ่มตามความเร็วของกระบี่บินไม่ทัน

‘ เป็นวิชาที่ร้ายกาจจริงๆ…แต่ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าแกจะใช้เคล็ดวิชาระดับนี้ได้นาน ฉันจะรอให้แกพลังหมด แล้วค่อยเข้าไปจัดการแก ’

เมื่อคิดได้แบบนั้น โจวซีห่าวก็ฟันกระบี่ออกไปด้านหน้าด้วยพลังสิบส่วน จนกระบี่ของจ้าวเทียนถูกกระแทกออกไปไกล

เจตจำนงกระบี่ของจ้าวเทียนประสานกับอาวุธในมือ เกิดเป็นแสงสีขาวจางที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จากนั้นจ้าวเทียนก็ฟันกระบี่ใส่ม่านพลังสีม่วงเต็มแรง

ฉัวะ!

บูมมมม!

เมื่อม่านพลังของโจวซีห่าวฉีกขาด ก็ได้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เพราะพลังงานอันมหาศาลที่อยู่ด้านในปะทุออกมาในคราวเดียว

ตูมม!

ร่างของโจวซีห่าวกระเด็นลงมากระแทกพื้นเสียงดัง โชคดีที่จ้าวเทียนไม่ต้องการสังหาร ที่อกของเขาจึงมีเพียงบาดแผลตื้นๆสายหนึ่งเท่านั้น

“ บัดซบ!...เรื่องแบบนี้ฉันไม่ยอมรับเด็ดขาด ” โจวซีห่าวกัดฟันพูดขึ้นด้วยความโกรธ เขาพยุงตัวขึ้นมา แล้วมองไปทางจ้าวเทียนด้วยด้วยแววตาดุดัน

‘ ถ้ามันจบลงแบบนี้…ฉันยังจะมีหน้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่อีกเหรอ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องสังหารมันเพื่อลบล้างความอับอายให้ได้ ’

โจวซีห่าวแอบส่งสัญญาณบางอย่าง ให้เซียนสองคนที่อยู่ฝั่งเขา เพื่อต้องการฆ่าจ้าวเทียน เขาจะไม่สนใจวิธีการอีกต่อไป

“ พอได้แล้ว! ”

!!

ชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าโจวซีห่าวอย่างไร้ร่องรอย

“ คารวะ ท่านอาจารย์ ”

“ คารวะ เจ้าสำนัก ”

โจวซีห่าวและพวกสำนักหัวซานที่อยู่รอบๆรีบทำความเคารพทันที เพราะชายคนนี้ก็คือโจวไท่หยวนเจ้าสำนักหัวซานคนปัจจุบัน

“ ท่านอาจารย์…ฉัน ”

“ ไม่ต้องพูดแล้ว…หรือแค่นี้ยังขายหน้าไม่พออีก ” โจวไท่หยวนพูดเสียงเย็นชาด้วยใบหน้าบึ้งตึง วันนี้เขารู้สึกอับอายมาก ที่ศิษย์คนโตดันพ่ายแพ้ให้กับปรมาจารย์ขั้นกลางของโลกหมิงหลง แถมยังทำให้เขาต้องเสียเดิมพันให้ศัตรูคู่แค้นอีกด้วย

วูป!

ผู้อาวุโสสูงสุดหยางเจี๋ยเองก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน แต่สีหน้าของเขากลับยิ้มแย้มแตกต่างกับโจวไท่หยวนมาก

“ เจ้าสำนัก…อย่าลืมที่พูดเอาไว้ล่ะ หลังจบงานชุมนุมกระบี่พวกเรามาตัดสินกัน ใครชนะก็ได้ตำแหน่งเจ้าสำนักไป ” หยางเจี๋ยพูดขึ้นเสียงดังให้ทุกคนที่อยู่รอบๆได้ยิน ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นทันที

“ อย่ามั่นใจให้มากนัก…ฉันอาจจะแพ้เดิมพัน แต่จะไม่แพ้การต่อสู้แน่นอน ลืมไปแล้วเหรอเมื่อห้าสิบปีก่อน นายก็เป็นคนที่พ่ายแพ้ให้กับฉันเอง ” โจวไท่หยวนพูดออกมาด้วยความมั่นใจ

ที่แท้พวกเขาทั้งสองคนได้เดิมพันกันเอาไว้ว่าหากจ้าวเทียนแพ้ให้กับโจวซีห่าว หยางเจี๋ยจะต้องประกาศเก็บตัวเป็นเวลาสิบปี

ในทางกลับกันหากจ้าวเทียนเป็นผู้ชนะ โจวไท่หยวนก็ต้องรับคำท้าชิงตำแหน่งสำนักหัวซานจากหยางเจี๋ย ก่อนครบกำหนดห้าสิบปี

ซึ่งผลที่ออกมาก็ทำให้หยางเจี๋ยรู้สึกยินดีมาก เขาเมินเฉยต่อคำพูดของโจวไท่หยวน แล้วเดินตรงเข้าไปหาจ้าวเทียน

“ พวกเราไปกันเถอะ…งานชุมนุมกระบี่จะเริ่มแล้ว ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน