จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 225

ลานประลองหลักงานชุมนุมกระบี่

ยามเมื่อเสียงระฆังขนาดใหญ่ดังก้องไปทั่ว ศิษย์สำนักหัวซานนับพันล้วนยืนเข้าแถวอยู่ตรงลานกว้างข้างเวที โดยแยกออกเป็นสองกลุ่มคือฝ่ายลมปราณซึ่งมีโจวซีห่าวยืนอยู่ด้านหน้าสุด

ส่วนฝ่ายกระบี่นั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนนำอยู่ด้านหน้า เขามีชื่อว่าหยางถิงเฟิงเป็นหลายชายของผู้อาวุโสสูงสุดหยางเจี๋ย มีพลังฝึกตนอยู่ระดับเดียวกับโจวซีห่าวที่ขอบเขตเซียนขั้นกลาง

‘ จะว่าไป…ฉันยังไม่เห็นคนจากสำนักห้าขุนเขากระบี่ที่เหลือเลย พวกเขายังมาไม่ถึงงั้นเหรอ ’

จ้าวเทียนคิดขึ้นด้วยความแปลกใจ ตอนนี้ภายในลานประลองนอกจากสำนักหัวซานแล้ว ก็มีแต่คนจากสำนักเล็กๆและปรมาจารย์ไร้สังกัดอย่างพวกเขา

ส่วนสำนักที่เป็นตัวเอกที่เหลืออย่าง ซงซาน หานซาน ไท่ซานและเฮ่งซานยังไม่ปรากฏตัว

ทันใดนั้น!

บูมมม!

เสาลำแสงขนาดใหญ่ ระเบิดออกมาจากเขตอาคมทั้งสี่ทิศของสนามประลอง นี่เป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ถูกติดตั้งไว้ล่วงหน้า

จากนั้นกลุ่มคนจำนวนมากก็เดินขบวนออกมาอย่างเป็นระเบียบ พวกเขาต่างปลดปล่อยกลิ่นอายของยอดฝีมือออกมา

ซึ่งไม่ได้ด้อยกว่ากองกำลังของสำนักหัวซานแม้แต่น้อย

“ สำนักซงซาน มาถึงแล้ว ”

“สำนักหานซาน มาถึงแล้ว ”

“ สำนักไท่ซาน มาถึงแล้ว ”

“สำนักเฮ่งซาน มาถึงแล้ว ”

เสียงประกาศการมาถึงของแต่ละสำนักแทบจะดังขึ้นพร้อมกัน เหมือนกับว่าพวกเขาได้ซักซ้อมกันมาก่อนไม่มีผิด

ครืนนน!

พลังกดดันมหาศาล จากผู้อาวุโสระดับเซียนของทั้งสี่สำนัก ปกคลุมไปทั่วลานประลองและเหมือนจะจงใจเล็งเป้ามาที่พวกผู้เข้าร่วมจากโลกหมิงหลงเป็นพิเศษ

พวกเขาต้องการจะข่มขวัญชาวพื้นเมืองโลกหมิงหลง

‘ จำเป็นต้องโอ้อวดขนาดนี้ ด้วยเหรอ ’

จ้าวเทียนคิดขึ้นด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้เขายืนอยู่กับพวกองค์หญิงแคว้นต้าหมิง ตรงพื้นที่ส่วนรวมสำหรับคนจากโลกหมิงหลงที่ไม่ได้สังกัดสำนัก

ในตอนแรก ผู้อาวุโสสูงสุดหยางเจี๋ยต้องการจัดที่นั่งพิเศษในตำแหน่งผู้อาวุโสฝ่ายกระบี่ให้จ้าวเทียน แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธไป

แรงกดดันเมื่อครู่ทำให้ปรมาจารย์หลายคนทรุดลงไปนั่งกับพื้นด้วยใบหน้าซีดขาว หากไม่ใช่เพราะจ้าวเทียนใช้เจตจำนงกระบี่ต้านทานไว้ให้ พวกองค์หญิงเองก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างกัน

‘ ฉันก็ได้แต่หวังว่า พวกเขาจะมีความสามารถพอทำให้ฉันเอาจริงได้ การมาร่วมงานครั้งนี้จะได้ไม่เสียเปล่า ’

สำหรับเรื่องเคล็ดวิชาเก้ากระบี่เดียวดายสามส่วนแรกที่เป็นรางวัลสำหรับประลอง ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นกับจ้าวเทียนอีกแล้ว

เพราะเขาได้เรียนรู้มาจากเทพกระบี่โดยตรงจากการต่อสู้ แถมอีกฝ่ายยังท่องเคล็ดวิชาให้ฟังจนหมดอีกด้วย

ตอนนี้จ้าวเทียนจึงต้องการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เพื่อพัฒนาขอบเขตกระบี่สู่ขั้นต่อไป

“ นายจะเข้าร่วมการประลองแบบไหนล่ะ ” องค์หญิงจูม่านฉีถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะด้วยพลังฝีมือที่แท้จริงของจ้าวเทียน หากให้เขาไปลงประลองในระดับปรมาจารย์ ก็เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก

งานประลองในวันนี้ ถูกจัดเอาไว้สองสนาม โดยสนามแรกจะมีข้อจำกัดอยู่ที่ขอบเขตปรมาจารย์ ส่วนสนามที่สองจะเป็นแบบไม่มีข้อจำกัดด้านพลัง ขอเพียงมีอายุไม่ถึงร้อยปีก็สามารถขึ้นประลองได้เลย

“ สนามไม่จำกัด ” จ้าวเทียนตอบออกมาด้วยความมั่นใจ เรื่องนี้เขาได้ให้ผู้อาวุโสสูงสุดหยางเจี๋ยจัดการใส่ชื่อของเขาลงไปแล้ว

“ ฉันก็คิดไว้แล้ว…แต่นายก็ต้องระวังหน่อยนะ เพราะสนามรบไม่จำกัดในอดีตที่ผ่านมา ต่อสู้กันดุเดือดมาก ทำให้งานชุมนุมสองครั้งก่อน มีหลายคนได้รับบาดเจ็บจนพิการ ”

“ ไม่ต้องเป็นห่วง…พวกเขาทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ” จ้าวเทียนพูดออกมาตามตรง ศัตรูที่อยู่ในระดับเซียนขั้นกลางส่งผลคุกคามต่อตัวเขาน้อยมาก

ตอนนี้บนเวทีสนามไม่จำกัด ได้มีการจัดการประลองรอบคัดเลือก โดยจะแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมประลองทั้งห้าสิบคนออกเป็นสิบกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีอยู่ห้าคน

โดยที่ทั้งห้าคน จะต้องขึ้นไปสู้กันบนเวทีจนกว่าจะเหลือผู้ชนะเพียงคนเดียว ถึงจะได้เข้าสู่รอบถัดไป

จากที่เห็นในกลุ่มแรก มีขอบเขตปรมาจารย์สองคน ขอบเขตเซียนสามคน สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า จ้าวเทียนไม่ใช่ปรมาจารย์เพียงคนเดียวที่เข้าร่วมการประลองสนามไม่จำกัด

แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่กล้าลงประลองในสนามนี้จะเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุด แตกต่างกับจ้าวเทียนที่เป็นปรมาจารย์ขั้นกลางเท่านั้น

‘ รายชื่อของฉันอยู่ในกลุ่มที่สิบ…ยังพอมีเวลาให้สังเกตการณ์คู่ต้อสู้ในรอบถัดไปได้อยู่ ’

!!

หืม…พวกเธอ

จ้าวเทียนหันไปเห็นกงเสี่ยวเหมยกับกงหมิงยู่ กำลังเดินตรงมาทางพวกเขาด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติราวกับมาหาคนรู้จัก

“ ถ้าคุณไม่ไป ศิษย์น้องเสี่ยวเหมยอาจจะถูกข่มเหง จนต้องสูญเสียความบริสุทธิ์นะ ” กงหมิงยู่ส่งเสียงทางลมปราณให้จ้าวเทียน

ทันใดนั้น

วูป!

เจตจำนงกระบี่อันเกรี้ยวกราดดุดันสายหนึ่ง กระแทกเข้าใส่จิตวิญญาณของกงหมิงยู่เข้าอย่างจัง จนร่างของเธอสั่นสะท้าน เซถอยหลังไปถึงสามก้าวใหญ่

นี่มัน…

ความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อครู่นี้ เหมือนกับถูกกระบี่เล่มใหญ่แทงทะลุกลางอกไม่มีผิด เธอถึงขั้นสัมผัสได้ถึงความเป็นความตายในพริบตา

“ กงหมิงยู่…สิ่งที่ฉันไม่ชอบที่สุด ก็คือตอนที่มีคนมาข่มขู่ฉัน ” จ้าวเทียนส่งเสียงทางลมปราณกลับไป พร้อมกับแววตาเย็นชาของเขาที่กำลังจ้องมองไปทางกงหมิงยู่

“ ฉัน…ฉันไม่ได้มีเจตนาจะข่มขู่คุณ ”

ตอนนี้กงหมิงยู่รู้แล้ว หากยังใช้วิธีนี้กระตุ้นจ้าวเทียนอยู่ คนที่แย่จะกลายเป็นเธอเสียเอง ดังนั้นเธอจึงยกอ้างเรื่องสำนักสราญรมย์ขึ้นมา แล้วเล่าทุกอย่างให้จ้าวเทียนฟังอย่างละเอียด

‘ ฉันสัมผัสได้ว่าเธอไม่ได้โกหก…ไม่นึกเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับสำนักสุสานโบราณ ’

‘ สำนักสราญรมย์งั้นเหรอ…ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้แก้แค้นเรื่องของพ่อไปด้วยเลย ’

“ อีกห้าวัน…ฉันจะเดินทางไปที่สำนักสุสานโบราณด้วยตัวเอง ระหว่างนี้พวกคุณต้องดูแลกงเสี่ยวเหมยให้ดี อย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอเด็ดขาด ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

จากที่อีกฝ่ายเล่ามา ยังมีเวลาอีกประมาณเจ็ดวันก่อนที่สำนักสราญรมย์จะบุกมาเอาคำตอบจากสำนักสุสานโบราณ ระหว่างนี้จ้าวเทียนคงฟื้นฟูพลังและจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

“ คุณ…ทำไมคุณถึงใส่ใจเรื่องของศิษย์น้องเสี่ยวเหมยนัก คุณหลงรักเธองั้นเหรอ ” กงหมิงยู่ถามขึ้นด้วยความหงุดหงิด โดยที่เธอเองก็ไม่รู้เหตุผล

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอแสดงอารมณ์แบบผู้หญิงออกมา

‘ ทั้งรูปโฉมและพลังฝีมือ…ฉันเหนือกว่าศิษย์น้องทุกอย่าง แต่ทำไมชายคนนี้ถึงไม่มีท่าทีสนใจฉันเลยแม้แต่น้อย ’

จ้าวเทียนที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปตรงเวทีประลอง เพราะตอนนี้ถึงรอบของเขาแล้ว

“ เรื่องนี้…เธอไม่เข้าใจหรอก ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน