การที่กฎกติการอบชิงชนะเลิศถูกเปลี่ยนแปลง ก็ได้สร้างความแตกตื่นให้ทั้งคนดูและผู้เข้าร่วมการประลองอยู่แล้ว
แต่เมื่อเริ่มการต่อสู้ขึ้น ทุกคนต่างก็เห็นว่าผู้เข้าร่วมสามคนกลับร่วมมือโจมตีใส่หยางถิงเฟิงทันที เหมือนมีการวางแผนกันมาก่อน
เหตุการณ์นี้ ยิ่งทำให้ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงกลโกงและความไม่โปร่งใสของการประลองอย่างเห็นได้ชัด
“ นี่มันอะไรกัน…เห็นได้ชัดว่าพวกเขาขี้โกง ไม่อยากให้ฉินหวงได้รับชัยชนะ ” องค์หญิงจูม่านฉีพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ เธอไม่คิดว่าภายในงานประลองอันยิ่งใหญ่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“ ใช่แล้ว พวกสำนักเซียนมันหวาดกลัวพลังฝีมือจากตัวแทนโลกหมิงหลงของพวกเรา เลยใช้แผนชั่วแบบนี้ ” พวกผู้คุมกันขององค์หญิงพูดออกมาเสียงดังทำให้ปรมาจารย์ไร้สังกัดคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆโห่ร้องสนับสนุนขึ้นทันที
“ พวกเราไม่ยอม…แบบนี้มันไม่ยุติธรรม ”
“ ไอ้พวกขี้ขลาด…แน่จริงก็สู้กับฉินหวงตัวต่อตัวซิวะ ”
“ พวกแกไม่อายบ้างเหรอ…เป็นถึงขอบเขตเซียนในตำนาน กลับใช้แผนชั่วแบบนี้กับปรมาจารย์ขั้นกลาง ”
เสียงโห่ร้องด้วยความไม่พอใจแทบจะดังก้องไปทั่วสนามประลอง ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นทันที
“ หุบปาก! ”
!!
วูปป!
ชายชราที่เป็นผู้ตัดสิน หันมาตวาดเสียงดัง ด้วยความกดดันของขอบเขตเซียนขั้นสูงที่เขาปลดปล่อยออกมา ทำให้พวกปรมาจารย์ที่ก่อความวุ่นวายขึ้นตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
อั่ก!
บางคนที่พลังอ่อนด้อย ถึงกับได้รับบาดเจ็บภายในและต้องทรุดนั่งลงด้วยอาการไร้เรี่ยวแรง
“ การตัดสินใจของเจ้าสำนักทั้งห้า ใช่สิ่งที่คนแบบพวกแกจะมาต่อต้านได้งั้นเหรอ ถ้าไม่พอใจก็ไสหัวออกไปซะ ”
“ อย่าลืมว่า พวกแกเป็นคนเสนอหน้ามาเข้าร่วมงานชุมนุมกระบี่ของพวกเราเอง ไม่มีใครขอให้พวกแกมา ดังนั้นจงนั่งดูเงียบๆอย่างสงบเสงี่ยมไปซะ ” ชายชราผู้ตัดสินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เขากวาดตามองคนพวกนั้น จนเมื่อเห็นว่าไม่มีคนกล้าเสนอหน้าแล้ว ก็แค่นเสียงในลำคอด้วยความดูถูก
“ ศิษย์พี่หญิง…เรื่องนี้พวกเราจะทำยังไงดี ” กงเสี่ยวเหมยหันไปถามกงหมิงยู่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับชายคนนั้น
‘ ยิ่งได้เห็นเขาต่อสู้…ยิ่งทำให้ฉันคิดถึงจ้าวเทียน พวกเขาทั้งสองคนเหมือนกันมาก ’
“ คงไม่เป็นไรหรอก อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงแค่การประลอง หากสู้ไม่ไหวก็แค่กระโดดลงจากเวทีก็พอแล้ว ฉันคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่กล้าสังหารคนหรอก ” กงหมิงยู่พูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ภายในใจเธอกลับรู้สึกแปลกๆเมื่อเห็นท่าทีห่วงใยของกงเสี่ยวเหมย
‘ คงไม่ใช่ว่า…ศิษย์น้องเสี่ยวเหมยเกิดหลงรักฉินหวงขึ้นมาหรอกนะ ’
ทางด้านที่นั่งชมการประลองของสำนักหัวซาน
ไม่ใช่เพียงแค่คนจากโลกหมิงหลงเท่านั้นที่ไม่พอใจการเปลี่ยนแปลงกฎ แต่ศิษย์ฝ่ายกระบี่ของสำนักหัวซานเองก็ไม่ยอมรับเรื่องไร้ยางอายแบบนี้เช่นกัน
“ เห็นได้ชัด ว่าเป็นเพราะโจวซีห่าวตกรอบคัดเลือกไป เจ้าสำนักจึงใช้วิธีนี้จัดการศิษย์พี่ใหญ่หยางถิงเฟยของพวกเราไม่ให้มีผลงานดีกว่า ” ศิษย์อันดับสองของฝ่ายกระบี่พูดขึ้นด้วยความโมโห
“ ใช่แล้ว ฉันก็คิดแบบเดียวกับนาย พวกเราต้องไม่ยอมให้พวกมันทำได้สำเร็จ พวกเราต้องรีบรายงานผู้อาวุโสสูงสุดเพื่อให้จัดการเรื่องนี้ ” เมื่อตกลงกันได้ พวกเขาก็หยิบเอาแผ่นหยกสื่อสารออกมา
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำอะไร ก็ถูกสหายที่นั่งอยู่ข้างๆห้ามเอาไว้ก่อน
“ พวกนายไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก…ดูนั่นสิ ผู้อาวุโสสูงสุดได้ไปยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าสำนักแล้ว ”
เวลานี้บนที่นั่งแถวบนสุดของเจ้าสำนักทั้งห้า หยางเจี๋ยกุมกระบี่ในมือเอาไว้แน่นจนเห็นเส้นเอ็นปูดนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน
หากไม่ใช่ว่าตอนนี้ตัวเขากำลังอยู่ในงานชุมนุมกระบี่ และยังมีเจ้าสำนักอื่นอีกสี่คนเฝ้ามองอยู่ เขาคงชักกระบี่ออกมาท้าสู้กับโจวไท่หยวนแล้ว
“ ไหนนายลองพูดใหม่อีกทีซิ… ”
“ จะให้ฉันพูดกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม…การประลองจะต้องดำเนินต่อไป ด้วยกฎใหม่ที่ประกาศออกไปก่อนหน้านี้ นายตัดใจซะเถอะ ” โจวไท่หยวนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ยิ่งหยางเจี๋ยแสดงท่าทีโกรธแค้นเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกดีขึ้นเท่านั้น
“ เหอะ…ถ้าฉันไม่ยอม แล้วเข้าไปหยุดการประลองด้วยตัวเองล่ะ” หยางเจี๋ยชักกระบี่ออกมาอย่างช้าๆ แววตาดุดันจ้องไปที่โจวไท่หยวนอย่างท้าทาย
“ นายไม่ต้องเข้ามายุ่ง ฉันจะจัดการมันเอง ”
ฟุ่บ!
ร่างของเขาก็หายไปปรากฏขึ้นตรงหน้าจ้าวเทียนในพริบตา กระบี่ในมือฟาดฟันเข้าใส่จ้าวเทียนอย่างถี่ยิบ แต่ก็ถูกเคล็ดวิชาวงจรกระบี่ของจาวเทียนสลายการโจมตีไปได้
ทั้งสองคนเข้าสู้การต่อสู้อันดุเดือดทันที แม้จ้าวเทียนจะด้อยกว่าในด้านพลัง แต่เรื่องขอบเขตกระบี่ เขาเหนือกว่าอีกฝ่ายมาก จึงสามารถสู้ได้อย่างสูสี
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่เห็นมาก พวกเขารู้ดีว่าเรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร
“ นี่มันเป็นไปไม่ได้…เขาจะกลายเป็นเซียนขั้นสูงไปได้ยังไง ”
“ เขาเก็บซ่อนพลังไว้ตั้งแต่แรก งั้นเหรอ ”
“ ไม่ใช่หรอก…กลิ่นอายพลังของเขาไม่บริสุทธิ์ เขาต้องใช้โอสถต้องห้ามมาแน่นอน ”
คนที่ไม่รู้ว่าโอสถต้องห้ามคืออะไร ก็หันไปถามคนข้างๆ จนกระทั่งเมื่อพวกเขาเข้าใจผลของมัน ก็ได้แต่ถอดถอนใจด้วยความผิดหวัง
นอกจากจะเปลี่ยนแปลงกฎการประลองแล้ว ยังใช้โอสถต้องห้ามอีกด้วย งานชุมนุมกระบี่ครั้งนี้มันเน่าเฟะไปถึงเนื้อในแล้ว แม้แต่ศิษย์จากห้าขุนเขากระบี่เกือบครึ่งก็ยังรับไม่ได้กับวิธีการแบบนี้
“ เจ้าสำนักจ้อ…นี่มันหมายความว่ายังไง ” โจวไท่หยวนถามเสียงเครียด เขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน เจ้าสำนักคนอื่นๆก็เช่นกัน พวกเขาไม่ต้องการเห็นผลลัพธ์แบบนี้เกิดขึ้นในงานชุมนุมกระบี่ของพวกเขา
“ ฉันต้องขอโทษด้วย ดูเหมือนนี่จะเป็นการตัดสินใจโดยพละการของศิษย์ฉันเอง เอาแบบนี้ก็แล้วกัน หลังจากการต่อสู้จบลงก็ตัดสิทธิ์เขาออกไปจากสิบอันดับแรก แล้วค่อยเลื่อนอันดับคนอื่นขึ้นมาแทนที่เขา ” จ้อเซียงหยุนตอบอย่างใจเย็น
เขาคิดวิธีการแก้ปัญหาเรื่องนี้เอาไว้แล้ว…
‘ ได้กำจัดฉินหวงออกไป พร้อมทั้งให้ศิษย์ของพวกแกเลื่อนอันดับขึ้นมา เรื่องที่มีแต่ได้ไม่มีเสีย ฉันเชื่อว่าพวกแกไม่มีทางปฏิเสธ ’
“ แบบนั้นก็ได้ ” เจ้าสำนักคนอื่นปรึกษากันครู่หนึ่งก่อนจะยอมรับในที่สุดแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จุดประสงค์ที่จ้อเซียงหยุนต้องทำขนาดนี้
แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาอยู่แล้ว…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...