จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 232

เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้นของจ้าวเทียน ร่างของจ้อเซียงหยุนก็สั่นสะท้านขึ้นอย่างแรง ตั้งแต่ถือกำเนิดมาสามร้อยกว่าปี เขาไม่เคยถูกเหยียดหยามขนาดนี้มาก่อน

เจ้าสำนักซงซานผู้ยิ่งใหญ่แห่งห้าขุนเขากระบี่อย่างเขา กลับถูกปรมาจารย์ต่ำต้อยจากโลกหมิงหลงข่มขู่งั้นเหรอ

วูป!

กระบี่สีเงินปรากฏขึ้นในมือของจ้อเซียงหยุน เขาหันกลับไปเผชิญหน้ากับจ้าวเทียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล

“ ตายซะ เจ้ามดปลวก! ”

จ้อเซียงหยุนพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชา จิตสังหารอันเกรี้ยวกราดดุดันระเบิดออกมา กระบี่ในมือฟันออกไปด้วยพลังเต็มสิบส่วน ทำให้ผู้คนที่ดูอยู่ตกใจเป็นอย่างมาก

“ เคล็ดกระบี่สามเซียนคร่าชีวิต! ”

ฉัวะ!!ๆๆ

รังสีกระบี่สังหารระเบิดออกมาสามครั้ง พร้อมกับแสงสว่างอันเจิดจ้า ทำให้ทุกคนตาพร่ามัว อานุภาพของคลื่นพลังทั้งสามรุนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ

นี่เป็นการโจมตีสุดแรงที่หวังผลได้ในครั้งเดียว จ้อเซียงหยุนใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมด แม้มันจะทำให้เขาอ่อนแอลงชั่วครู่ก็ไม่ใส่ใจ

พลังของเคล็ดวิชานี้ รุนแรงกว่าที่จ้อไท่สุ่ยใช้ออกมาหลายสิบเท่า

แวบ!ๆๆ

รังสีกระบี่ขนาดยักษ์ทั้งสาม ยังเปลี่ยนวิถีแยกออกเป็นสามทิศทาง สองสายเข้าสะกัดหยางเจี๋ยเอาไว้ ส่วนอีกสายหนึ่งวกเข้าใส่จ้าวเทียนในแง่มุมที่คาดไม่ถึง

เหตุผลที่เขาตัดสินใจเช่นนี้ แม้ดูภายนอกจะทำไปเพราะโทสะ แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะหวาดกลัวในคำขู่ของจ้าวเทียน เขาต้องการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แม้จะต้องแลกมาด้วยชื่อเสียงก็ตามที

แต่ทว่า

จ้อเซียงหยุนได้พลาดแล้ว เพราะเขาดูถูกหยางเจี๋ยเกินไป คิดว่าอีกฝ่ายยังเป็นเหมือนในอดีตที่เคยพ่ายแพ้ให้กับโจวไท่หยวน

“ กล้าทำร้ายคน ต่อหน้าฉันงั้นเหรอ ”

เช้งง!

หยางเจี๋ยชักกระบี่เหล็กดำหลุดออกจากฝัก ด้วยขอบเขตคนกระบี่ประสานเป็นหนึ่งขั้นสมบูรณ์ที่เขาเพิ่งบรรลุ

ชั่วขณะหนึ่งทำให้ยอดฝีมืออาวุโสทุกคนในสำนักหัวซาน มองเห็นภาพของเทพกระบี่แห่งยุค ซ้อนทับกับร่างของหยางเจี๋ย

“ เก้ากระบี่เดียวดาย เคล็ดทำลายกระบี่! ”

แม้ว่าเขาจะแทงกระบี่ไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่มันกลับส่งผลเหมือนการโจมตีอันรุนแรงของเคล็ดวิชาทั้งชุด สิ่งนี้ก็คือสำนึกกระบี่ของเคล็ดวิชาเก้ากระบี่เดียวดาย

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ด้วยพลังขอบเขตเซียนขั้นสูงสุด เงากระบี่ดุจอัสนีบาตรเกรี้ยวกราดดุดันหลายสิบสาย ฟาดทำลายไปยังพื้นที่ว่างด้านหน้า

ครืนนนน! วูป!

อานุภาพของมัน ทำให้มิติฉีกขาดเป็นช่องว่างสีดำ ดูดกลืนรังสีกระบี่ทั้งสามสายหายไปในพริบตา ก่อนที่ช่องว่างมิติจะสมานตัวกลับเป็นเหมือนเดิม

ทันใดนั้นเอง

ในขณะที่ทุกคน กำลังสนใจการปะทะกันของยอดฝีมือระดับเซียนขั้นสูงสุดทั้งสอง กระบี่บินเล่มหนึ่งพุ่งทะลวงเข้าใส่จ้อเซียงหยุน ด้วยความเร็วยิ่งกว่าที่เคยเห็นก่อนหน้านี้เป็นสิบเท่า

นี่เป็นพลังที่แท้จริงของจ้าวเทียน เขารอจังหวะนี้มานานแล้ว ที่เขายั่วยุให้อีกฝ่ายโกรธ ก็เพื่อกระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีสังหารเขา แล้วเปิดเผยช่องโหว่ออกมา

“ บัดซบ…แกกล้า! ”

จ้อเซียงหยุนฟันกระบี่ออกไปเพื่อต้านทานไว้ ถึงแม้เขาจะอ่อนแรงลงเพราะใช้เคล็ดวิชาไม้ตายไป แต่พลังที่เหลือก็ยังเหนือว่าจ้าวเทียนหลายเท่า

‘ แกคิดว่าจะลอบโจมตีฉันได้เหรอ ไอ้ปรมาจารย์สวะ ’

มองเห็นกระบี่ของตนปิดเส้นทางกระบี่บินของศัตรูไว้ได้ทัน จ้อเซียงหยุนก็ยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา เขาเพิ่มแรงขึ้นอีกหลายส่วนเพื่อหวังทำลายกระบี่เล่มนี้ให้สิ้นซาก

ในจังหวะนั้นเอง โดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน กระบี่บินของจ้าวเทียนกลับระเบิดขึ้นก่อนจะปะทะกับกระบี่ของจ้อเซียงหยุน

ตูมม!

จากนั้น คมกระบี่ที่แตกเป็นชิ้นเล็กขนาดไม่ถึงคืบ ก็พุ่งทะลวงพลังคุ้มกายของเขาไป ด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมสองเท่า

ฉัวะ!

ผ่านไปครู่เดียว

ชายชราผู้ตัดสินก็เดินเหยียบอากาศขึ้นไปบนฟ้าเหนือสนามประลอง แล้วเปล่งเสียงอันดังก้องกังวานออกมา

“ ผู้ชนะในงานชุมนุมกระบี่ครั้งที่สาม และได้รับตำแหน่งยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่ง แห่งห้าขุนเขากระบี่ก็คือ ”

“ ฉินหวง ผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์แห่งสำนักหัวซาน ”

!!

“ อะไรนะ ผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์แห่งสำนักหัวซาน ”

“ ฉินหวง เป็นปรมาจารย์ไร้สังกัดไม่ใช่เหรอ ”

เหล่าคนจากสำนักอื่นและฝ่ายของปรมาจารย์ไร้สังกัดเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที พวกเขารู้สึกรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้

เพราะอย่างไรซะหยางถิงเฟิงก็คงได้อันดับสองแน่นอน นี่ไม่ได้หมายความว่าสำนักหัวซานจะได้ทั้งอันดับหนึ่งและอันดับสองในงานชุมนุมกระบี่เลยเหรอ

ในทางกลับกัน ตอนนี้พวกศิษย์จากสำนักหัวซานต่างโห่ร้องกันด้วยความดีใจ ที่พวกเขาได้รับชัยชนะในงานชุมนุมกระบี่ครั้งนี้

“ ฮ่า ฮา ที่แท้ผู้อาวุโสฉินเป็นคนของสำนักหัวซานของพวกเรานี่เอง ”

“ หัวซานจงเจริญ!ๆๆๆ ”

กับเรื่องที่เกิดขึ้น หยางเจี๋ยได้แต่มองจ้าวเทียนด้วยแววตาเสียใจ แล้วพูดขึ้น

“ ต้องขอโทษด้วย…นี่เป็นความผิดพลาดของฉันเอง ตอนที่ท่านอาจารย์แต่งตั้งให้นายเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของฝ่ายกระบี่ ฉันก็ได้ดำเนินการทันที แต่ถูกโจวไท่หยวนใช้ตำแหน่งเจ้าสำนักหยุดเอาไว้”

“ ไม่นึกว่า เมื่อผลการประลองออกมา อีกฝ่ายจะใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ และแต่งตั้งนายขึ้นรับตำแหน่งทันที โดยไม่มีการแจ้งฉันล่วงหน้า ”

จ้าวเทียนที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

“ ไม่เป็นไรหรอก…ยังไงมันก็เป็นความจริง แค่เปลี่ยนจากผู้อาวุโสของฝ่ายกระบี่ เป็นผู้อาวุโสของสำนักหัวซานแทน เรื่องนี้ไม่มีผลกับฉันอยู่แล้ว ”

“ บางทีมันอาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ…ฉันน่าจะสามารถใช้ตำแหน่งนี้ ช่วยเหลือคุณเรื่องศึกชิงตำแหน่งเจ้าสำนักได้ ”

คำพูดของจ้าวเทียน ทำให้หยางเจี๋ยยิ้มออกมาด้วยความยินดี สายตาของเขากวาดมองไปยังที่นั่งพิเศษของเจ้าสำนักทั้งห้า ตรงตำแหน่งที่โจวไท่หยวนนั่งอยู่

‘ แกมีความสุขไปก่อนเถอะ…อีกไม่นานฉันจะลากแกลงนรกแน่นอน ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน