ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สร้างความตกตะลึงให้โจวไท่หยวนเป็นอย่างมาก และไม่ใช่เพียงแค่เขาคนเดียว
แต่ยังรวมไปถึงเจ้าสำนักอีกสี่คนซึ่งเป็นคนที่มีพลังขอบเขตเซียนขั้นสูงสุด เพราะพวกเขารู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้ มันได้อยู่เหนือความควบคุมของพวกเขาไปแล้ว
“ นี่มันเป็นไปไม่ได้…ฉินหวงมันบรรลุวิชาเก้ากระบี่เดียวดายขั้นสูงสุดภายในคืนเดียวงั้นเหรอ แม้แต่เทพกระบี่ในอดีตยังทำไม่ได้เลย ” จ้อเซียงหยุนพูดออกมาด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ซึ่งเจ้าสำนักคนอื่นที่ได้ยินต่างก็อยู่ในอาการเดียวกัน
พวกเขาไม่แปลกใจนัก ที่จ้าวเทียนทะลวงขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสูง แต่สิ่งที่พวกเขารู้สึกรับไม่ได้ก็คืออีกฝ่ายกลับสำเร็จเคล็ดวิชาเก้ากระบี่เดียวดายขั้นสูงสุดมากกว่า
เมื่อร้อยห้าสิบปีก่อน เทพกระบี่ที่เป็นเพียงขอบเขตเซียนขั้นสูงสุด ได้ใช้เคล็ดวิชานี้พิชิตศึกโดยไร้ผู้ต่อต้าน
แม้แต่ห้ายอดฝีมือแห่งยุคในเวลานั้นที่เป็นถึงครึ่งก้าวเซียนนภา ก็ยังลังเลที่จะต่อสู้กับเขา
หากว่าเจ้าสำนักคนอื่นรู้สึกตื่นตะลึงแล้ว ในตอนนี้โจวไท่หยวนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา แผนการของเขาเหมือนทุ่มหินก้อนใหญ่ใส่เท้าตัวเอง สิ่งที่ทำไปทั้งหมดเหมือนตัดเย็บชุดวิวาห์ให้ผู้อื่น
แทนที่จะได้ทำลายชื่อเสียงของจ้าวเทียน และได้เป็นเจ้าสำนักต่อไป แต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นเขาเองที่สูญเสียทุกอย่าง อีกทั้งยังส่งเสริมฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นมีชื่อเสียงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า
ทันใดนั้น
เหมือนกับจะตอกย้ำความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ศิษย์ฝ่ายกระบี่ของสำนักหัวซานและปรมาจารย์ไร้สังกัดทุกคนต่างพากันยืนขึ้นพร้อมกัน
“ ฉินหวง! คืออันดับหนึ่งที่แท้จริง ”
“ เขาช่าง…ไร้เทียมทาน ”
“ เทพกระบี่คนใหม่ถือกำเนิดแล้ว! ”
“ เขาคือ ความหวังของพวกเรา ”
พวกเขาโห่ร้องส่งเสียงดังสนั่นด้วยความยินดี แม้แต่พวกศิษย์เกือบครึ่งจากอีกสี่สำนักที่เหลือเองก็พากันผสมโรงด้วยเช่นกัน
อย่างไรซะ กฎเหล็กของโลกใบนี้ก็คือการเชิดชูผู้แข็งแกร่ง เมื่อได้เห็นตำนานบทใหม่เกิดขึ้นด้วยสายตาตัวเอง พวกเขาก็ยอมสยบให้กับจ้าวเทียนอย่างยินยอมพร้อมใจ
ในตอนนี้เบื้องหลังของจ้าวเทียน ได้รับแรงสนับสนุนจากปรมาจารย์ไร้สังกัดเกือบทั้งหมด พวกเขาพากันยืนมองจ้าวเทียนด้วยสายตาเคารพบูชา กระทั่งมีบางคนอยากฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยซ้ำ
‘ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน…โชคดีที่ฝ่ายตรงข้ามเสนอตัวมาให้ฉันเอง จึงไม่ต้องเสียเวลาเชือดไก่ให้ลิงดู ’
ก่อนหน้านี้ จ้าวเทียนได้ให้กงเสี่ยวเหมยกับพวกองค์หญิงจูม่านฉี ไปชักจูงเหล่าปรมาจารย์ไร้สังกัดให้มาเป็นพวกเดียวกัน เพื่อไม่ให้ถูกฝ่ายตรงข้ามดึงไปใช้ประโยชน์
ผ่านไปซักพักโจวซวนก็ถูกหามออกไปรักษา เนื่องจากจ้าวเทียนได้หลีกเลี่ยงจุดตายให้ หากรักษาดีๆอีกไม่กี่เดือนก็คงใช้แขนได้ตามปกติ
“ เจ้าสำนักโจว…ไม่สิ ตอนนี้คุณไม่ใช่แล้ว โจวไท่หยวนหวังว่าคุณจะไม่ลืมสิ่งที่เคยพูดไป ตอนนี้สำนักหัวซานจะไม่มีการแบ่งฝ่ายอีกต่อไป พวกคุณทั้งหมดจะต้องอยู่ภายในการปกครองของผู้อาวุโสหยางเจี๋ย ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง
ทำให้คนจากฝ่ายลมปราณต่างพากันก้มหน้าลงด้วยความอับอาย ตอนนี้พวกเขาได้แพ้เดิมพันแล้ว ทั้งยังเป็นต่อหน้าพยานมากมาย ไม่มีหนทางให้ถอยหลังกลับไปอีก
“ ฉัน…ฉันไม่ยอมรับมัน นี่ต้องเป็นแผนของพวกแกแน่นอน ฉันไม่เชื่อว่าฉินหวงจะบรรลุวิชาเก้ากระบี่เดียวดายขั้นสูงสุดภายในคืนเดียว ”
“ เขาจะต้องเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงปลอมตัวมาแน่นอน ” โจวไท่หยวนพูดออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ เขารับไม่ได้กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
“ หุบปากซะ! ”
หยางเจี๋ยพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชา เขาชักกระบี่ออกมา แล้วชี้ตรงไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างดูถูก
“ การต่อสู้เมื่อครู่ก็เป็นฝ่ายแกที่เสนอมาเอง…หากยังทำตัวไร้สาระอยู่ ฉันจะลงมือจัดการแกเดี๋ยวนี้ ดูซิว่า พลังเซียนรัศมีม่วงของแก จะต้านทานเก้ากระบี่เดียวดายของฉันได้ไหม ”
โจวไท่หยวนที่ได้ยินแบบนั้น ก็ถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความความหวาดกลัว หากต้องต่อสู้กันจริงๆ จุดจบของเขาคงไม่แตกต่างกับน้องชายแน่นอน
“ ฉัน…ตกลง ต่อไปนี้จะไม่มีฝ่ายลมปราณอีกต่อไป และฉันขอประกาศถอนตัวออกจากสำนักหัวซาน ” โจวไท่หยวนพูดออกมาเสียงดัง ถ้าต้องยอมก้มหัวให้ฝ่ายตรงข้าม เขาขอพาคนของตัวเองออกไปดีกว่า
ซึ่งหมากตานี้ของฝ่ายตรงข้าม มีหรือจะรอดพ้นสายตาของจ้าวเทียนไปได้ เขาจึงส่งสัญญาณให้หยางเจี๋ยทันที
“ แกยังมีความผิดติดตัว…คิดว่าจะหนีไปได้งั้นเหรอ เมื่อแปดปีก่อนแกกับน้องชายได้วางแผนลอบสังหารเจ้าสำนักคุนหลุนเพื่อชิงสมบัติ ตอนนี้ฉันได้รวบรวมหลักฐานเอาไว้หมดแล้ว ”
“ ฉันขอประกาศว่า…สำนักหัวซานจะไม่เข้าร่วมแผนการของพวกคุณ เนื่องจากเราค้นพบว่าเมื่อแปดปีก่อน พวกคุณได้มีส่วนรู้เห็นในแผนการลอบสังหารครั้งนั้นด้วย ”
“ ดังนั้นฉันจึงสงสัยว่า เหตุผลที่พวกคุณต้องการกวาดล้างสำนักคุนหลุน ก็คือต้องการปกปิดความผิดของตัวเอง และยังคงหวังปล้นชิงทรัพย์เหมือนในอดีต ”
“ สำนักหัวซานของพวกเรา เป็นสำนักฝ่ายธรรมะ ไม่ลดตัวลงไปกระทำเรื่องแบบนั้น เชิญพวกคุณจัดการเองเถอะ ”
สิ้นเสียงของหยางเจี๋ย บรรยากาศก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมาทันที
“ ว่ายังไงนะ…อีกสี่สำนักก็มีส่วนด้วยงั้นเหรอ ”
“ แสดงว่าเรื่องประกาศิตล่าสังหารก็เป็นเพียงข้ออ้างน่ะสิ ”
“ ไม่ได้การแล้ว…สำนักของฉันขอถอนตัว พวกเราไม่อยากถูกลากลงคลองไปด้วย ”
จ้าวเทียนที่เห็นแบบนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าถึงเวลาของเขาแล้ว จึงส่งสัญญาณให้ปรมาจารย์ไร้สังกัดทั้งหมดมารวมกันที่ด้านหลังของเขา แล้วพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง
“ ฉันในฐานะที่เป็นตัวแทนของปรมาจารย์ไร้สังกัดทุกคน ก็ขอประกาศว่าจะไม่เข้าร่วมแผนการชั่วร้ายแบบนี้เช่นกัน ”
“ นอกจากนี้…ฉันอยากจะให้สหายทุกคนที่อยู่ในสี่สำนักที่เหลือ ลองคิดดูว่าพวกคุณอยากตกเป็นเครื่องมือให้กับความโลภของผู้มีอำนาจหรือไม่ ”
“ โทษของการบุกเข้าโจมตีสำนักอื่นโดยพละการนั้น มันหนักหนาสาหัสมาก หากทางสมาพันธ์บู๊ลิ้มต้องการลงโทษขึ้นมา ก็ลองคิดดูว่าใครจะเป็นผู้รับเคราะห์ ”
จ้าวเทียนพูดจบ ก็กวาดตามองไปยังผู้คนที่มาจากสี่สำนักที่เหลือ ซึ่งก็มีบางคนที่ก้มหน้าลงหลบสายตา แต่ก็มีหลายคนที่กล้ามองสบตาเขาด้วยแววตาที่เป็นประกายสดใส
เมื่อเห็นแบบนี้ จ้าวเทียนก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เขาได้พูดไปทั้งหมดนั้นได้เกิดผลแล้ว แม้มันอาจจะไม่ใช่คนทั้งหมดในสำนักทั้งสี่จะคิดได้ แต่อย่างน้อยก็มีมากกว่าสองส่วนที่คงไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือแน่นอน
‘ อย่างน้อย…เมื่อต้องต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ ฉันก็ไม่ต้องกลัวว่าจะสังหารคนไร้ความผิด ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...